ตอนที่ 138 คนหัวหงอกส่งคนหัวดำ
เชียนซานสืบข่าวว่าทำไมโรงหมอถึงได้ถูกคนพังจนยับเยิน เป็นพวกลูกศิษย์ของใต้เท้าซือคงพอรู้ว่าชูเซี่ยเคยตรวจรักษาคนไข้อยู่ที่นี่ก็เลยมาสืบเสาะที่ไปที่มาของชูเซี่ย จูเก๋อหมิงคิดว่าพวกเขามีจุดมุ่งหมายอะไรบางอย่าง ดังนั้น ในช่วงเวลาที่แตกหักกันจึงตีกันอุดตลุดยกใหญ่
ชูเซี่ยค่อนข้างงุนงง นางพูดอย่างสับสน “แต่ไหนแต่ไรมาจูเก๋อหมิงไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่น หากมีคนต้องการถามเรื่องข้า แค่ตอบแบบขอไปทีก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เสียหน่อย”
เชียนซานยักไหล่ “ใครจะรู้ว่าเขาคิดยังไงล่ะเจ้าคะ แต่ว่า...” เชียนซานมองชูเซี่ย “ขนาดคนตาบอดก็ยังมองออกเลยว่าเขาชอบท่าน ครั้งนี้เราไม่ควรกลับมาที่นี่เลยนะเจ้าคะ”
ชูเซี่ยพูดอย่างทำอะไรไม่ถูก “เจ้าอย่าจิ้มกระดาษหน้าต่างบานสุดท้ายระหว่างข้ากับจูเก๋อหมิงให้เป็นรูเลย เจ้าจะทำให้ข้าลำบากใจหรือ ที่ข้ากลับมาที่นี่เพราะมีเหตุผล เจ้าไม่เห็นหล่างเยว่ที่ตามเรามาหรอกหรือ ข้อสอง ข้าจะใช้เวลาสิบวันที่อยู่ที่นี่ให้คนของพรรคมังกรเหินไปสืบเรื่องฉ่ายเวินดู”
“ท่านยังสงสังว่านางวางยาเฉินอวี่จู๋อยู่หรือเจ้าคะ”เชียนซานย้ายจากเก้าอี้มานั่งข้างชูเซี่ย
“ใช่ จริง ๆ แล้วข้าสงสัยนาง เดิมทีข้าคิดจะไปหาหลิวมี่เหอ แต่ข้ากลัวว่าหากข้าติดต่อกับหลิวมี่เหอแล้ว จะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดกับหลิวมี่เหอ”
เชียนซานส่ายหน้า “คงไม่หรอกมั้ง ถ้านางจะฆ่าหลิวมี่เหอก็คงลงมือไปนานแล้ว ทำไมต้องรอถึงตอนนี้ด้วยเล่า”
“เจ้าคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงที่อยู่ใกล้กับหลี่เฉินเย่นครั้งแล้วครั้งเล่าจะไม่มีใครสงสัยนางหรือ ที่นางไม่ฆ่าหลิวมี่เหอ เพราะหลิวมี่เหอไม่ได้สร้างภัยคุกคามใด ๆ แก่นาง”
“ที่เจ้านายพูดมาก็มีเหตุผลเจ้าค่ะ ตอนนี้ฝ่าบาทไม่ไยดีนางแม้แต่นิด รังเกียจอย่างถึงที่สุด ดังนั้นฉ่ายเวินจึงปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่” เชียนซานพยักหน้าเห็นด้วย
แต่การสันนิษฐานเช่นนี้ ชูเซี่ยยังมีบางเรื่องที่ยังนึกไม่ออก ทำไมฉ่ายเวินถึงได้ชี้ตัวหลิวหยิงหลงว่าเป็นคนลงมือทำร้ายนาง เท่าที่นางรู้มา หลิวหยิงหลงไม่ใช่คนลงมือแน่ อีกทั้งหลี่เฉินเย่นก็เคยพูดไว้ จากคำให้การและการคาดการณ์ในวันนั้น หากหลิวหยิงหลงไม่ใช่คนลงมือ ถ้าอย่างนั้นคนลงมือก็ต้องเป็นหลิวมี่เหอ หากหลิวมี่เหอผลักฉ่ายเวินตกน้ำ ถ้าอย่างนั้นฉ่ายเวินก็ต้องรู้อย่างแน่นอน จากนิสัยนางแล้ว ไม่มีทางทนหลิวมี่เหอจนถึงวันนี้แน่ เว้นแต่ว่าจะมีจุดประสงค์อื่น
เชียนซานลุกขึ้นยืนพลางกล่าว “งั้นข้าจะไปสั่งให้คนแอบจับตาฉ่ายเวินทันที” พูดจบก็หันกายเดินออกไปทันที
สถานการณ์ความเสียหายของโรงหมอร้ายแรงมาก ต้องใช้ระยะเวลาช่วงหนึ่งในการซ่อมแซม โรงหมอหยุดให้การรักษาแก่ผู้คนเป็นการชั่วคราว คนไข้ต่างก็ร้องโอดโอยไม่หยุดไม่หย่อน ด้วยจรรยาบรรณของคนเป็นหมอ จูเก๋อหมิงเห็นว่าสถานการณ์เป็นเช่นนี้ก็รู้สึกแย่
ชูเซี่ยก็ไปช่วยเก็บของที่โรงหมอด้วย จูเก๋อหมิงเรียกคนงานมาหลายคน เพื่อตรวจนับเอาสิ่งของที่เสียหายออกไป จากนั้นชูเซี่ยก็จดไว้ว่ามีสิ่งใดที่ต้องซื้อบ้าง โต๊ะ เก้าอี้และสิ่งของอื่น ๆ สามารถซื้อกลับมาได้ในทันที ส่วนประตูที่เสียหายใช้เวลาซ่อมไม่กี่วันก็แล้วเสร็จ แต่ล่วมยาล้วนพังไปหมดแล้ว ต้องเรียกหาช่างไม้ให้ทำขึ้นใหม่อีกครั้ง อย่างเร็วสุดก็ใช้เวลาสิบวัน
หากอีกสิบวันยังไม่เปิดการรักษา ชีวิตในแต่ละวันของชูเซี่ยคงยากที่จะทนไหว ตอนนี้พอนางหยุดพักชั่วคราวก็เอาแต่คิดฟุ้งซ่านถึงหลี่เฉินเย่น ได้แต่ตั้งตาหวังว่ายามที่ยุ่งวุ่นวายจนทำให้ตนเองได้รับความทุกข์ทรมานน้อยลงบ้าง แต่ในเวลานี้โรงหมอไม่อาจเปิดการตรวจรักษา ชีวิตแต่ละวันของนางจึงผ่านไปได้ยากยิ่ง
วันนี้เชียนซานกลับมาจากข้างนอกก็พูดด้วยสีหน้าที่ทางแบบมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น “สมน้ำหน้าตาเฒ่าไม้ใกล้ฝั่งนั่น ทำไมถึงไม่ตาย ๆ ไปเลยนะ นางสงสารหลานเขาจริง ๆ เพิ่งจะห้าขวบก็ต้องมาตายเสียแล้ว!” ตอนแรกก็มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น แต่ประโยคสุดท้ายนั้นรู้สึกค่อนข้างเสียใจ
ชูเซี่ยกำลังนั่งยอง ๆ ซักผ้าอยู่ที่ลานบ้าน นางซักขยี้ไปบนกระดานซักผ้าอยู่สองสามครั้ง จากนั้นก็เช็ดเหงื่อแล้วถามเชียนซาน “เจ้าพูดพึมพำอะไร อะไรตายหรือ”
เชียนซานนั่งยอง ๆ แล้วแย่งผ้าที่นางกำลังซักอยู่ จากนั้นก็ตอบว่า “ก็เจ้าเฒ่าจองหองวางอำนาจบาตรใหญ่ไม่ยอมแก่นั่นน่ะสิ จ้างคณะละครงิ้วมาแล้วสร้างเพิงทางทิศตะวันตก บอกว่าจัดฉลองงานเลี้ยงวันเกิดหกสิบห้าปีของเขา สุดท้ายเวทีนั่นก็ทรุดลงมา หลานของเขากับฮูหยินถูกทับอยู่ข้างล่าง เด็กน้อยนั่นอาการร่อแร่ ขนาดหมอหลวงในวังไปรักษาให้ก็ยังช่วยไม่ได้ ได้แต่รอความตายเพียงเท่านั้น”
ชูเซี่ยตะลึงงัน “ทำไมถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ได้”
“เจ้านายสงสารเขาหรือเจ้าคะ ท่านอย่าลืมสิ ว่าเขาด่าท่านไว้อย่างไร”
ชูเซี่ยพูดขึ้นว่า “เขาด่าข้า แต่ข้าก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรนี่ ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่ได้โกรธเขาด้วย ตรงกันข้าม เขากลับอดอาหารประท้วง ทำร้ายร่างกายตนเอง พอคิด ๆ ดูแล้วเขาโกรธข้า แต่เขากลับยิ่งบาดเจ็บเพราะตัวเขาเอง จะว่าไป ความผิดเทียบไม่ได้กับลูกเมีย หลานเขาอายุเพียงแค่ห้าขวบก็ต้องมาตายแบบนี้ จะไม่ให้เขาเสียใจหรือ”
เชียนซานแค่นเสียง “ข้าก็แค่สงสารเด็ก คนที่ควรตายกลับไม่ตาย คนที่ไม่ควรตายกลับตายเสียนี่ นี่เรียกว่าบรรพบุรุษก่อกรรมทำเข็ญแต่กรรมดันไปตกที่ลูกหลาน ใครใช้ให้เขาปากดีกัน พอทำไม่ดีเอาไว้ เจ้านายเก่าของพวกเราที่อยู่บนสวรรค์ก็เลยลงโทษเขา”
“พอแล้ว ทำไมถึงได้ลากเสด็จย่าลงมาเกี่ยวด้วย เรื่องนี้ไม่ว่าจะพูดยังไงก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าอยู่ดี” ชูเซี่ยรู้สึกหงุดหงิดในใจ จากมุมมองของนางแล้ว ชีวิตคนยิ่งใหญ่กว่าท้องฟ้า ไม่ว่าใครได้ฟังโศกนาฏกรรมนี้ต่างก็เสียใจกันทั้งนั้น
ชูเซี่ยเอาผ้าที่ซักเสร็จแล้วไปตากบนไม้ไผ่ที่ลานบ้าน ต่อมาก็ได้ยินเสียงประตูไม้ดังปัง ปัง ปัง
เชียนซานสะบัดมือ จากนั้นก็ปัดก้นไปมาแล้ววิ่งไปที่ประตู“จูเก๋อหมิงกลับมาแล้วหรือ”
พอเปิดประตูก็เห็นร่างสวมชุดสีขาวหมุนตัวเข้าหา เชียนซานมองคนที่มาให้ชัด ๆ แล้วก็พลันเท้าเอวพูดอย่างโมโห “ทำไมถึงเป็นเจ้า เจ้ามาทำไม เราหลบเลี่ยงเจ้าออกจากวังมาแล้ว เจ้ายังคิดจะทำอะไรอีก”
คนที่มาคือหลวี่หนิง หน้าของเขาดูร้อนรนและไม่สนคำพูดตอกหน้าของเชียนซาน เขาพุ่งเข้าตรงข้างชูเซี่ยแล้วคุกลงกับพื้นดังปักพลางเอ่ยวิงวอน “หวงกุ้ยเฟย หมอหลวงในวังบอกว่าฝีมือทางการแพทย์ของท่านล้ำเลิศมาก ข้าขอร้องให้ท่านโปรดช่วยไปรักษาอาจารย์หญิงของข้าด้วยเถิด”
ชูเซี่ยยังไม่ทันได้พูดอะไร เชียนซานก็คว้าตัวเขาดึงขึ้นเสียก่อน นางพูดอย่างโมโห “ตอนนี้มาขอร้องเจ้านายข้าช่วย นอบน้อมถ่อมตนเชียวนะ ตอนที่ด่านางทำไมเจ้าไม่เห็นทำหน้าแบบนี้บ้างเล่า เรื่องอะไรจำพวกเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือส่วนใหญ่ข้าก็เคยเจอกับมันแล้ว เจ้าไปเสีย เจ้านายข้าช่วยหมูช่วยหมา แต่ไม่ช่วยอาจารย์หญิงเจ้าหรอก!”
ความหงุดหงิดฉายขึ้นมาบนหน้าหลวี่หนิง เขาโขกศีรษะติด ๆ กัน พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน “หลวี่หนิงมีตาหามีแววไม่ หลวี่หนิงมีตาแต่ไม่รู้จักเขาไท่ซาน หวงกุ้ยเฟยจะตบตีข้า ลงโทษข้าอย่างไรก็ได้ แต่ขอให้ท่านไปช่วยอาจารย์หญิงของข้าด้วยเถิด ขอร้องท่านล่ะ ขอแค่ท่านยอมไป ท่านจะให้ข้าทำอะไรก็ได้!”
“เชียนซาน!” ชูเซี่ยมองหลวี่หนิงอยู่แวบหนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้ามองเชียนซานแล้วพูดกับนาง “ไปหยิบล่วมยามา!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...