ตอนที่ 139 กั้นขวาง
พอมาถึงจวนซือคง ก็เห็นรถตรงลานประตูหลั่งไหลดั่งสายน้ำ
พอชูเซี่ยเปิดม่านก็รู้สึกได้อำนาจบารมีจากใต้เท้าซือคงอีกครั้ง
แถวรถม้าเรียงยาวสองแถว มีประมาณยี่สิบกว่าคันรถ คนในรถม้าเข้าไปในจวนแล้ว คนใช้ที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างรถม้ากำลังยืนคอยคุมอยู่ ตะวันส่องแสงจ้าอยู่เหนือศีรษะ แม้เหงื่อจะไหลท่วมกาย แต่ก็ไม่หาเงาไม้ที่ร่มเย็น และเชื่อได้เลยว่ามีหลายคนที่มาพอเห็นแล้วก็เดินจากไป
เชียนซานเองก็ทั้งแปลกใจและงุนงง “คนเยอะมาก!”
หลวี่หนิงอธิบายว่า “ใช่ พอขุนนางนับร้อยในราชสำนักรู้ว่าอาจารย์หญิงเกิดเรื่องก็มาเยี่ยมปลอบใจกัน มีหมอที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากตรวจดูอาการด้วย”
เชียนซานยิ้มเยาะ “เส้นสายของตาเฒ่านั่นไม่เลวเลยนี่!”
ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลี่เฉินเย่นจะปวดเศียรเวียนเกล้าเช่นนี้ ซือคง ขุนนางขั้นหนึ่งเคยรับผิดชอบหน้าที่ในหลาย ๆ ด้าน เที่ยงตรงเด็ดขาดมาโดยตลอด ไม่ทุจริต ไม่เห็นแก่พรรคพวก ได้รับความเคารพเทิดทูนจากขุนนางนับร้อย เนื่องด้วยเคยทำงานมาหลายฝ่าย ดังนั้นจึงมีลูกศิษย์ลูกหาจำนวนไม่น้อย เหมือนกับหลวี่หนิงที่เรียกเขาว่าอาจารย์ผู้มีพระคุณเสมอมา เชื่อว่ามีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
หลวี่หนิงนำทางชูเซี่ยกับเชียนซานเข้าไปข้างใน บนระเบียงที่วนรอบมีหมอสะพายล่วมยาหลายคนที่ส่ายหน้าเดินออกมา พวกเขาเดิน พลางพูดกระซิบ “เห็ดได้ชัดเลยว่าคุณชายน้อยไร้หนทางเยียวยารักษาแล้ว ส่วนฮูหยินเฒ่ายังพอมีโอกาสริบหรี่อยู่ แต่เสียเลือดไปมาก หากดึงไม้ไผ่ออก ต้องเสียเลือดมหาศาลแน่ แม้แต่ข้าก็คว้าเอาไว้ไม่ทัน!”
“ใช่เลย อีกอ่างหลาวไม้ไผ่แทงทะลุออกมา ต้องบาดเจ็บภายในด้วยแน่ ตอนนี้ลมปราณยุ่งเหยิงไปหมด ชีพจรก็หนักหน่วง เกรงว่ายากจะช่วยได้เช่นกัน!”
“เมื่อครู่นี้ข้าเห็นท่านหมอจูเก๋อหมิงมาแล้ว หวังว่าเขาจะมีวิธีรักษา ฮูหยินเฒ่ามีใจเมตตามาตลอด หวังว่านางจะพ้นเคราะห์นี้ไปได้ แต่น่าสงสารคุณชายน้อยที่ยังเยาว์วัย!”
ชูเซี่ยตกใจเล็กน้อย “จูเก๋อก็มาด้วยหรือ”
หลวี่หนิงตอบนางว่า “ใช่ ก่อนที่ข้าจะออกไป ท่านอาจารย์ก็สั่งให้คนไปเชิญท่านหมอเทวดาจูเก๋อมาแล้ว!”
เชียนซานพูดขึ้นว่า “ในเมื่อท่านจูเก๋อไปแล้ว งั้นจะมีเชิญเจ้านายข้าทำไม ฝีมือการรักษาของจูเก๋อหมิงก็ล้ำเลิศมากเช่นกัน หากเขาบอกว่าช่วยไม่ได้ เจ้านายของเราก็จนปัญญาที่จะช่วยเช่นกัน”
ทันใดนั้นหลวี่หนิงก็ยืนขึ้นอย่างทำอะไรไม่ถูก “งั้นจะทำยังไงดี”
ชูเซี่ยพูดขึ้นว่า “ในเมื่อมาแล้วก็ต้องไปลองดู!”
ตรงประตูห้องของฮูหยินเฒ่ามีผู้คนยืนเรียงเป็นแถว ในบรรดาคนพวกนั้นมีทั้งขุนนางที่สวมชุดลำลองและหมอ รวมถึงข้ารับใช้ในจวนด้วย
ตอนที่ชูเซี่ยไปถึง จูเก๋อหมิงที่ตรวจอยู่ในห้องก็ออกมาพอดี ใต้เท้าซือคงที่มีสีหน้าเศร้าโศกและทำอะไรไม่ถูกตามหลังจูเก๋อหมิงมา ด้านหลังยังมีชายหนุ่มตามมาอีกไม่กี่คน ดูแล้วน่าจะเป็นบุตรของใต้เท้าซือคง
พอจูเก๋อหมิงเงยหน้าขึ้นก็เห็นชูเซี่ย เขางงงวยไปสักพัก จากนั้นก็พูดขึ้นมา “ท่านมาได้อย่างไร”
ชูเซี่ยเอ่ยถาม “อาการเป็นอย่างไรบ้าง”
จูเก๋อหมิงส่ายหน้า “ไม่รู้จะลงมือยังไงดี!” หากจูเก๋อหมิงบอกว่าไม่รู้จะเริ่มยังไงดี นั่นก็หมายความว่าต้องสาหัสมากเป็นแน่ ดูแล้วคงไม่ได้มีแค่บาดเจ็บตรงส่วนท้องแน่
ใต้เท้าซือคงถลึงตามองชูเซี่ยด้วยความโกรธ “ท่านมาทำไม”
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ขอบตาแดงก่ำที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาก้าวเข้ามาถามหลวี่หนิง “ท่านผู้นี้คือ”
“ท่านนี้คือหวงกุ้ยเฟย หมอหลวงบอกว่าฝีมือการรักษาของนางล้ำเลิศมาก ข้าก็เลยเชิญนางมาโดยเฉพาะ!” เขามองใต้เท้าซือคง พลางพูด “ท่านอาจารย์ผู้มีพระคุณ ให้หวงกุ้ยเฟยเข้าไปตรวจดูเถอะ บางที อาจจะช่วยอาจารย์หญิงได้!”
ซือคงก้าวมาขวางแล้วพูดอย่างเกรี้ยวกราด “ไม่ต้อง ขนาดหมอเทวดาจูเก๋อก็ยังอับจนหนทาง แล้วนางจะมีความสามารถอะไร เชิญหวงกุ้ยเฟยกลับไปเถอะ จวนซือคงของข้าต้อยต่ำ ไม่เอื้อมอาจต้อนรับท่านได้!”
ขุนนางข้าแต่ละคนมองใต้เท้าซือคง จากนั้นก็มองชูเซี่ยด้วยความแปลกใจเหมือนกับว่าหวงกุ้ยผู้นี้มาเองโดยไม่ได้รับเชิญ ช่างหน้าด้านหน้าทนจริง ๆ
เชียนซานโกรธจนไฟลุกโชน “เจ้าคิดว่าข้าอยากมาหรือ หากไม่ใช่เพราะเจ้าโง่นี่มาขอร้องพวกเรา พวกเราก็ไม่มาหรอก! เจ้าวัตถุโบราณ เจ้าจำไว้ด้วยว่าไม่ใช่เพราะพวกเราพรรคมังกรเหินเป็นศัตรูกับเจ้า แต่เจ้าไม่เคยอยู่ในความสนใจของพรรคมังกรเหินอย่างพวกเราต่างหาก!”
พูดจบ ก็ลากชูเซี่ยด้วยหมายคิดจะออกไป
ชูเซี่ยสบัดนางออกเงียบ ๆ จากนั้นก็หันไปมองจูเก๋อหมิงแล้วถาม “นอกจากบาดแผลตรงส่วนท้องแล้ว ยังมีตรงไหนอีก”
จูเก๋อหมิงตอบว่า “ความจริง ร่างกายล้วนแต่เต็มไปด้วยบาดแผล กระดูกหักอย่างรุนแรง เสียเลือดมาก เกรงว่าต่อให้ฝืนเอาไม้ไผ่ออกก็คงต้องเจอกับความเจ็บปวดอย่างท่วมท้น”
เดิมทีชูเซี่ยคิดจะเข้าไปตรวจดู แต่ใต้เท้าซือคงยืนกรานไม่ให้นางเข้าไปเช่นนี้ อีกทั้งฟังจากที่จูกเก๋อหมิงเล่าแล้ว อาการน่าจะสาหัสมากเลยทีเดียว ถึงแม้ตนเองจะเข้าไปก็ไม่แน่ว่าจะช่วยได้ ดังนั้น นางจึงทำเสียงอืมแล้วพูดกับเชียนซาน “เราไปกันเถอะ!”
หลวี่หนิงรีบยื่นมือไปรั้งไว้ทันที พลางมองใต้เท้าซือคงอย่างร้อนรน “อาจารย์ คนก็มาแล้ว ให้หวงกุ้ยเฟยเข้าไปตรวจดูหน่อยเถอะ ถ้าจะมีโอกาสเพียงน้อยนิดก็ไม่อาจละทิ้งไปได้นะ!”
เชียนซานพูดอย่างเย้ยหยัน “เจ้าคนนี้นี่ก็แปลกจริง คนเขาในครอบครัวเขาเองบอกว่าไม่ต้องช่วยแล้ว เจ้าที่เป็นคนนอกจะเซ้าซี้ไปไย หากคนตาย มันเกี่ยวอะไรกับเจ้าเล่า”
ขอบตาขอบหลวี่หนิงแดงก่ำ เขาคุกเข่าลงกับพื้นดังปักอ้อนวอนใต้เท้าซือคง “อาจารย์ ข้าเสียแม่ตั้งแต่ยังเล็ก อาจารย์หญิงดูแลข้าเหมือนลูกในไส้มาตลอด ตอนนี้หากมีโอกาสเพียงน้อยนิด ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่อาจปล่อยไปได้!”
ใต้เท้าซือคงประคองหลวี่หนิงลุกขึ้น เขาถอนหายใจแล้วพูด “หลวี่หนิงเอ้ย ลุกขึ้นเถอะ อาจารย์หญิงเจ้าไร้หนทางเยียวยาแล้ว อย่ายื้อนางไว้อีกเลย ปล่อยให้นางไปสบายเถอะ! อีกอย่าง อาจารย์หญิงของเจ้าเป็นคนซื่อตรง ไม่เคยทำเรื่องที่ก่อให้เกิดบาปในใจ จิตใจเปิดเผยตรงไปตรงมาไร้เล่ห์เหลี่ยม ต่อให้ฝืนช่วยชีวิตกลับมาได้ ก็ทำให้นางเสียชื่อเสียง ติดค้างหนี้ชีวิตคนชั้นต่ำ เจ้าจะหาเรื่องกลุ่มใจเหน็ดเหนื่อยให้นางถึงขึ้นนั้นหรือ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...