ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 149

ตอนที่ 149 เสื้อยุ่งหยิง

ชูเซี่ยรู้สึกว่าร่างกายของนางอ่อนแรงอย่างประหลาด หลี่เฉินเย่นเองก็เห็นว่าใบหน้าของนางซีดเผือด จึงเอ่ยถามโดยจับมือนางไว้ใต้โต๊ะอย่างกังวล “เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”

ชูเซี่ยพยายามส่ายหน้า “สงสัยข้าคงเมานะเจ้าค่ะ!”

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็กลับไปพักผ่อนก่อนเถิด ข้าจะให้เชียนซานไปส่ง” กล่าวจบ ชายหนุ่มก็เรียกเชียนซานมาใกล้ๆและก้มลงกระซิบบางอย่าง จากนั้นเชียนซานก็พยุงร่างของชูเซี่ยกลับไป

เพราะมีเชียนซานคอยพยุงร่างของนางไว้ชูเซี่ยจึงจะค่อยๆเดินได้ตลอดทางจนถึงตำหนัก เชียนซานเห็นท่าทางเช่นนั้นก็อดเอ่ยถามไม่ได้ “นายหญิง ท่านดื่มไปเยอะมากเลยหรือเจ้าคะ เหตุใดจึงเมามายจงทรงตัวไม่ได้เช่นนี้” น้อยครั้งนักที่นายหญิงของตนเองจะมีท่าทีอ่อนแรงเช่นนี้ดังนั้นเชียนซานจึงคิดว่านั่นต้องเป็นเพราะอีกฝ่ายดื่มมากเกินไป

ชูเซี่ยพยายามส่ายศีรษะขับไล่ความมึนงง นางรู้สึกมึนศีรษะและมีอาการคลื่นไส้เล็กน้อย หญิงสาวเอามมือกุมหน้าอกไว้ “ข้าเพียงดื่มไปไม่กี่แก้วเท่านั้น ”

“ถ้าเช่นนั้นก็แปลกเหลือเกิน เหล้าในคืนนี้แม้จะเป็นสุราชั้นดีแต่ก็ฤทธิ์ไม่แรง เมื่อครู่ข้าก็ดื่มไปสองจอกยังไม่รู้สึกอะไรด้วยซ้ำ!”

เมื่อกลับมาถึงตำหนักฉ่ายเหว่ย ชูเซี่ยก็ให้เชียนซานเปิดหน้าต่าง “เจ้ากลับไปก่อนเถิด ข้านอนพักสักครู่ก็คงหาย”

“ข้าไม่ไปไหนหรอกเจ้าค่ะ ข้าจะอยู่ในห้องนี้กับท่าน ท่านก็นอนเถิด!”

ชูเซี่ยเวียนหัวอยู่จึงไม่คิดจะโต้เถียงกับนาง หญิงสาวผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเหลือเพียงชุดในสีขาวเบาบางจากนั้นก็ถอดเครื่องประดับออกจนหมดและล้มตัวลงบนเตียงบรรทม

กลิ่นหอมของกำยานที่ถูกจุดขึ้นภายในตำหนักทำให้ชูเซี่ยรู้สึกร้อนรุ่มอย่างประหลาด นางจึงถอดชุดตัวในบางขาวออกจากร่างจนเหลือเพียงชุดชั้นในที่ตัวนางเย็บขึ้นมาเอง

ภายในตำหนักของนางเองไม่มีทางที่คนนอกจะย่างกรายเข้ามาได้ ดังนั้นนางจึงไม่ได้ระมัดระวังตัวมาก

ภายนอกห้องมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เป็นเสี่ยวหว่านสาวใช้ข้างกายของนางในตำหนักฉ่ายเหว่ยนั่นเอง นางเดินมาหาเชียนซานและเอ่ยอย่างร้อนใจ “แม่นางเชียนซาน ข้าได้ยินคนจากตำหนักกานซินกล่าวว่าฮูหยินซือคงหัวใจกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว ท่านรีบไปดูเถิด!”

เรื่องที่เชียนซานเป็นบุตรสาวของใต้เท้าซือคงทุกคนในวังต่างก็ทราบกันหมดแล้ว

เชียนซานตื่นตระหนกไปหมด นางรีบหันมาหาชูเซี่ยที่นอนอยู่บนเตียง “ได้ ข้าจะรีบไป เจ้าอยู่ที่นี้คอยดูแลให้ดีนะ!”

ช่วงเวลานั้นชูเซี่ยสลึมสลือ แต่เมื่อหญิงสาวได้ยินเช่นนั้นนางก็พยายามเปิดเปลือกตาอย่างยากลำบาก “เชียนซาน เจ้ารีบไปดูเถิด ร่างหายของฮูหยินไม่ค่อยจะดีนัก ข้ากลัวว่านางจะป่วยหนักเอาได้!”

เชียนซานหันกลับมาหาชูเซี่ย “เจ้าค่ะ ข้าจะรีบไปรีบกลับ ท่านพักผ่อนดีๆนะเจ้าคะ!” กล่าวจบนางก็รีบวิ่งออกไปทันที

เสี่ยวหว่านเดินมาหยุดข้างเตียงบรรทมของนาง “ท่านหมอเวิน ดื่มน้ำหน่อยเถิดเจ้าค่ะ”

ชูเซี่ยเองก็รู้สึกคอแห้งอยู่บ้างจึงเอ่ย “ดี ขอบใจมาก!”

เสี่ยวหว่านรินน้ำแล้วเดินมาพยุงร่างของชูเซี่ยขึ้นดื่มน้ำ “ท่านนอนพักก่อนนะเจ้าคะ ช่วงนี้อากาศค่อนข้างเย็นท่านอาจหนาวแล้วมาดื่มสุราที่มีฤทธิ์ร้อนเข้าไปอีกอาจทำให้ร่างกายรับไม่ไหว นอนพักสักหน่อยก็คงไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าค่ะ!”

ชูเซี่ยขานรับในลำคอจากนั้นก็ปิดตาลงและไม่ได้สติอีกเลย

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด นางรู้สึกว่ามีใครบางคนล้มตัวลงนอนข้างๆนางทั้งยังลูบศีรษะนางอย่างแผ่วเบาก่อนรวบร่างของนางไปกอดไว้อย่างทนุถนอม นางรู้ว่าต้องเป็นหลี่เฉินเย่นแน่จึงยอมนอนหลับปล่อยให้เขาโอบกอดร่างนางเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างสบายใจ

ชูเซี่ยถูกปลุกขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงกรีดร้องของใครบางคน

ชูเซี่ยค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ แสงสว่างที่ถูกจุดขึ้นภายในห้องจนสว่างโร่ทำให้นางต้องปิดตาตนเองลงอีกครั้ง แต่ทว่านางก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอีกครั้ง นางจำได้ในที่สุดว่านั่นเป็นเสียงของฉ่ายเวิน และคนที่ยืนอยู่ข้างๆนางก็คือหลี่เฉินเย่น

ถ้าเช่นนั้นคนที่โอบกอดร่างของนางอยู่คือผู้ใดกัน?

ชูเซี่ยรีบผุดลุกขึ้นจ้องมองไปยังบุรุษที่อยู่ข้างกายนาง ชายผู้นั้นก็ค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆเช่นกัน เมื่อปรับสายตาชัดเจนชายหนุ่มก็เด้งตัวลุกขึ้นมาอย่างตกใจ เมื่อผุดลุกขึ้นมาเขาก็พบว่าร่างกายของตนเองกำลังเปลือยเปล่าก็รีบร้อนนอนกลับลงไปทั้งยังมองไปรอบๆห้องอย่างตื่นตระหนก

ชูเซี่ยหันไปมองหลี่เฉินเย่นก็พบว่าชายหนุ่มเองก็มองมาที่นางเช่นกัน ดวงตาคมของเขาฉายแววเจ็บปวดและโกรธแค้น แต่ทว่าบนใบหน้าหล่อเหลากลับไม่มีการแสดงออกมา แต่ผู้ที่รู้จักชายหนุ่มดีจะรู้ว่าถายใต้สีหน้าที่สงบนิ่งนั้นภายในหาได้สงบเช่นนั้นไม่

ดวงตาของเขาเป็นเหมือนดวงตาของหมาป่าที่ส่องแสงในความมืด ทำให้ผู้คนต่างหวดกลัวไม่กล้าสบตามอง!

ฉ่ายเวินโวยวายออกมา “พวกท่านสองคนกล้าทำพฤติกรรมเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานได้อย่างไร ที่นี่มันวังหลังพวกท่านทำเรื่องสำส่อนเช่นนี้ได้อย่างไรกัน พี่สาว ข้ามองท่านผิดไปจริงๆ แม้แต่ท่านพี่จูเก๋อท่านก็ยังกล้าคบชู้หรือ!”

ผู้หญิงที่อ่อนหวานและร่าเริงอย่างฉ่ายเวิน หญิงสาวที่จิตใจดีและสวยราวกับนางฟ้านางสวรรค์ แต่ยามนี้ในสายตาของชูเซี่ยหญิงสาวตรงหน้าช่างราวกับปีศาจร้ายน่ากลัวเหลือเกิน

หลี่เฉินเย่นละสายตาออกมาจากชูเซี่ยหันไปหาฉ่ายเวิน “เจ้าออกไป!”

ฉ่ายเวินมองหลี่เฉินเย่นอย่างไม่เชื่อสายตา “ศิษย์พี่...”

“ออกไป!” ดวงตาของหลี่เฉินเย่นเปร่งประกายรุนแรงขึ้นจากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าเก่า

ฉ่ายเวินหันมามองชูเซี่ยด้วยสายตาอำมหิต ความเกลียดชังเช่นนี้ดูเหมือนจะสะสมอยู่ในใจของนางมานานมากแล้วและตอนนี้มันก็ถูกระเบิดออกมาโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่คิดจะปกปิด

ชูเซี่ยเพิ่งเข้าใจจริงๆก็วันนี้ว่าแท้จริงแล้วฉ่ายเวินก็คือหญิงสาวที่มีจิตใจล้ำลึกมากที่สุด ทั้งๆที่หญิงสาวเกลียดนางมากถึงเพียงนี้แต่ก็ยังเรียกขานนางว่าพี่สาวอยู่เสมอ ทั้งยังแย้มรอยยิ้ม ‘จริงใจ’ ให้นางอยู่เสมอ

ริมฝีปากของฉ่ายเวินค่อยๆเผยรอยยิ้มอันพึงพอใจที่มุมปากทั้งยังเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเกลียดชังอย่างปิดไม่มิด “พี่สาว ท่านช่างทำให้ข้าผิดหวังเหลือเกิน” กล่าวจบนางก็หมุนกายจากไป!

จูเก๋อหมิงรีบร้อนใส่เสื้อผ้าของตนจนเรียบร้อยดีแล้ว ท่านหมอหนุ่มมองหน้าหลี่เฉินเย่นก่อนจะเอ่ยอย่างทุกข์ร้อน “ข้าไม่รู้ว่าทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ เฉินเย่น มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดนะ!”

เขาอยากแก้ตัวแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี เพราะว่าตัวเขาเองก็ยังสับสนว่าแท้จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

หลี่เฉินเย่นหันมามองจูเก๋อหมิงนิ่งๆ เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปูดโปน ชานหนุ่มกำหมัดแน่นและร่างกายสั่นเทิ้มไปด้วยโทสะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า