ตอน ตอนที่ 150 ฝีมือสุดยอด จาก ชายาเกิดใหม่ของข้า – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 150 ฝีมือสุดยอด คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ ชายาเกิดใหม่ของข้า ที่เขียนโดย ลิ่วเยว่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 150 ฝีมือสุดยอด
หลังจากที่ชูเซี่ยอาบน้ำออกมาร่างทั้งร่างของนางก็แดงก่ำห้อเลือดและมีแผลเต็มไปหมด
หลี่เฉินเย่นช่วยหญิงสาวใส่ยาให้อย่างเบามือ ชายหนุ่มทายาให้ตลอดทั้งร่างด้วยความรู้สึกสงสารจากนั้นก็สวมใส่เสื้อผ้าให้นางจนเรียบร้อย “เจ้าพักผ่อนก่อนเถิด ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำ!”
ชูเซี่ยเอื้อมมือไปรั้งร่างของเขาไว้จากนั้นก็เงยหน้าถาม “เจ้าไม่อยากรู้หรือว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
หลี่เฉินเย่นหันกลับมามองนาง “เรื่องคืนนี้ เจ้ามีความสุขหรือไม่”
ชูเซี่ยชะงักไป นางไม่เข้าใจความหมายของเขา
หลี่เฉินเย่นยกมือหนาขึ้นปิดตาของนางไว้จากนั้นก็ก้มลงจุมพิตที่กลุ่มผมของนาง “เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถิด เรื่องที่ไม่มีความสุขก็ปล่อยให้มันผ่านไป พวกเราก็ลืมๆมันไปเถิด”
ชูเซี่ยจ้องชายหนุ่มตาเขม็ง “คืนนี้ข้าถูกคนวางยา!”
หลี่เฉินเย่นยิ้มออกมาบางเบา ดวงตาคมมองนางด้วยประกายบางอย่าง “เจ้าถูกวางยามีหรือคนอย่างเจ้าจะไม่รู้ตัว”
“ข้าไม่รู้ก็ไม่แปลก...”
“ข้าเห็นกับตาของตนเองว่าเจ้าใช้เข็มพิสูจน์พิษแล้วแต่ทว่าสีเข็มก็ไม่ได้เปลี่ยน เจ้าไม่ได้ถูกพิษ” หลี่เฉินเย่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงว่างเปล่าราวกับเป็นเรื่องธรรมดา “สุราในวันนี้ไม่ใช่มีเพียงเจ้าที่ดื่ม สำรับในวันนี้ก็ไม่ใช่มีเพียงเจ้าที่กิน”
ชูเซี่ยพูดอะไรไม่ออก นางจ้องมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา หัวใจดวงน้อยๆรู้สึกผิดหวัง เขาไม่เชื่อนาง!
ชายหนุ่มมองหญิงสาวนิ่งๆ “เช่นนั้นแล้ว เจ้าคิดว่าเจ้าถูกวางยาพิษอย่างไรเล่า”
ดวงตาคมเป็นประกายจริงจัง น้ำเสียงของชายหนุ่มทุ้มนุ่มราวกับสายน้ำ เชายหนุ่มพยายามอย่างยิ่งที่จะทำเหมือนไม่สนใจภาพที่เขาเห้นในค่ำคืนนี้ เขาบอกกับนางว่าเขากับนางทุกอย่างจะเป็นเหมือนกับที่ผ่านๆมา แต่ทว่านางก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาเป็นนักแสดงที่ไม่ได้เรื่อง เพราะทุกอย่างมันฟ้องออกมาจากการกระทำของเขาหมดแล้ว
ความโกรธ ความเสียใจ ความทรมาน และการทรยศ...
หากชูเซี่ยไม่รู้จักและเข้าใจในตัวชายหนุ่มดีก็คงจะถูกท่าทีของเขาหลอกเข้าแล้ว แต่ทว่าเพราะนางรู้จักเขาดีกว่าใครดังนั้นจึงรู้ว่าแท้จริงเขากำลังเจ็บปวดอยู่ แต่นางก็ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวอย่างไรเพราะนางเองก็ไม่รู้จริงๆว่าผู้ใดเป็นคนวางแผนการครั้งนี้
เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของเขานางจึงแย้มยิ้มออกมาและเอ่ยอย่างหนักแน่น “เจ้าให้เวลาข้าหน่อยนะ ข้าจะสืบเรื่องนี้ให้ชัดเจน!”
ชายหนุ่มมองนางด้วยแววตาขุ่นเคืองก่อนเอ่ยตะคอกออกมาเสียงดัง “เราบอกไปแล้วว่าไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก ไม่ต้องสืบอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้มันผ่านๆไปเถิด!”
ชูเซี่ยมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง จากนั้นเหมือนจะรู้สึกตัวดวงตาคมค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นรู้สึกผิดและลนลานคว้าร่างนางเข้ามาในอ้อมกอด “ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจตะคอกเจ้า!”
ชูเซี่ยนิ่งอึ้งอยู่ในอ้อมกอดของเขา นับตั้งแต่ที่ชายหนุ่มก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ ชายหนุ่มก็ยังแทนตนเองว่า ‘ข้า’ ยามที่อยู่กับนางตลอดแต่มาตอนนี้เขากลับใช้อำนาจของกษัตริย์มาพูดกับนาง ทำให้หญิงสาวรู้สึกเจ็บปวดและขุ่นเคือง “เจ้าไม่เชื่อข้า!”
“ไม่ ไม่ใช่!” ชายหนุ่มรีบเอ่ยแก้ตัว “ไม่ใช่อย่างนั้น เพียงแต่เรื่องนี้พูดขึ้นมาไม่ว่าข้าหรือเจ้าก็ไม่มีความสุขแล้วเหตุใดจึงต้องพยายามเอ่ยถึงมันขึ้นมาอีกเล่า”
“เจ้าไม่เชื่อว่ามีคนคิดจะใส่ร้ายข้า!”
หลี่เฉินเย่นทำสีหน้าไม่แยแสและเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ช่างเถิด เรื่องนี้ก็ปล่อยผ่านมันไป ต่อจากนี้ไปห้ามเจ้าเอ่ยถึงมันอีก!”
ชูเซี่ยจนคำพูดแล้ว เขาไม่เชื่อนางเพราะว่าเขาเห็นกับตาว่านางตรวจพิษในสุราด้วยเข็มเงินไปแล้ว เขาไม่คิดว่าจะมีคนวางยาพิษนาง ต่อให้มีคนวางยานางจริงแล้วตัวจูเก๋อหมิงเล่า ชายหนุ่มอยู่ในสายตาของผู้อื่นตลอดเวลาทั้งยังดื่มกินร่วมโต๊ะกับผู้อื่น หากว่าเขาถูกผิดผู้อื่นก็ต้องถูกไปด้วย
หลี่เฉินเย่นก้มลงจุมพิตหน้าผากของนางทีหนึ่งจากนั้นก็เดินออกไปจากตำหนักฉ่ายเหว่ย
เหล่านางกำนัลและบ่าวรับใช้ในตำหนักฉ่ายเหว่ยหายไปจนหมดตอนที่ชายหนุ่มกลับออกไป ชูเซี่ยรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย เกรงว่าชายหนุ่มอาจจะฆ่าปิดปากพวกเขาไปจนหมดแล้ว ยามที่นางกำลังจะเดินออกไปก็พบว่าจูฟางหยวนเดินเข้ามาภายในตำหนักและเอ่ยถามนางอย่างตื่นตระหนก “เกิดอะไรขึ้น ฝ่าบาททรงรับสั่งให้องครักษ์จับคนในตำหนักของเจ้าส่งออกไปนอกวังจนหมด!จูฟางหยวนเป็นหัวหน้าองครักษ์ในวังก็จริงแต่ค่ำคืนนี้เขามีหน้าที่ต้องดูแลรักษาความปลอดภัยภายในงานเลี้ยงดังนั้นจึงไม่รู้ว่า
เกิดเรื่องอะไรที่ตำหนักฉ่ายเหว่ย รู้เพียงว่าฝ่าบาททรงรับสั่งให้ทุกคนในตำหนักฉ่ายเหว่ยเก็บข้าวของและออกจากวังหลวงไปทันที!
ชูเซี่ยค่อยวางใจลงมาที่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้เป็นฮ่องเต้ที่เหี้ยมโหด ดูท่าแล้วชายหนุ่มก็คงใช้วิธีในแบบของตนเองในการปิดปากพวกเขาและรักษาความลับนี้ไว้กระมัง
เรื่องเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้จูฟางหยวนฟัง หลังจากที่จูฟางหยวนฟังจบก็เบิกดวงตากว้างขึ้น “ทำไมจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ เจ้าถูกวางยาหรือ”
จูฟางหยวนเห็นท่าทางของชูเซี่ยก็เอ่ยปลอบใจอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง “วางใจเถิด เรื่องนี้ข้าจะช่วยเจ้าสืบหาแน่ ไม่ว่าหน้าไหนที่มันกล้าใส่ความเจ้า ข้าจะลากมันออกมาเอง!”
ชูเซี่ยมองจูฟางหยวนอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณที่เชื่อใจข้า!”
จูฟางหยวนยิ้มออกมา “เด็กโง่ ไม่ใช่ว่าข้าไม่รู้จักเจ้าเสียหน่อย เจ้ารักเดียวใจเดียวหลี่เฉินเย่นจะตายจะไปกล้าสวมเขาให้เขาได้อย่างไรเล่า ต่อให้อยากสวมเขาก็คงไม่มาสวมที่ตำหนักฉ่ายเหว่ยหรอก ก็รู้ๆกันอยู่ว่าทุกคืนฝ่าบาทต้องเสด็จมาที่นี่อยู่แล้ว คนพวกนี้ช่างไร้เดียงสาจนเกือบโง่จริงๆ”
ชูเซี่ยส่ายหน้า “ไม่หรอก คนที่วางแผนไม่ได้โง่เลยสักนิด กลับกันอีกฝ่ายยังฉลาดมากด้วย ความรักและความผูกพันธ์ของข้ากับเฉินเย่นอีกฝ่ายรู้ดีว่าไม่มีทางกำจัดข้าออกจากใจของเฉินเย่นได้แน่ ดังนั้นจึงต้องการอาศัยเรื่องในคืนนี้ทำลายชื่อเสียงของข้า ทำให้เฉินเย่นเกิดความระแวงสงสัยขึ้นในจิตใจของเขา ทำให้ระหว่างข้าและเขาเกิดความคลางแคลงใจต่อกัน ข้าเชื่อว่าเรื่องนี้ต้องไม่จบแค่นี้แน่!”
สีหน้าของจูฟางหยวนดูตื่นตัวขึ้นมา “เช่นนั้น เจ้าต้องระวังให้มากรู้หรือไม่ ตอนนี้ศัตรูเป็นใครพวกเราก็ยังไม่แน่ชัด!” ชายหนุ่มหันมามองชูเซี่ยก่อนเอ่ยถาม “เจ้ามีคนที่สงสัยอยู่ในใจหรือไม่”
ชูเซี่ยหันมามองจูฟางหยวน นางบอกผู้ต้องสงสัยในใจออกไปอย่างไม่คิดจะปิดบัง “มีคนมากมายที่ไม่ชอบข้า แต่ข้าเองก็ไม่รู้จักพวกเขาและก็คิดว่าพวกเขาย่อมไม่กล้าลงมือกับข้าแน่แต่มีอยู่คนหนึ่ง...” นางเอ่ยเสียงให้เบาลงและเข้าไปกระซิบข้างหูจูฟางหยวน “ข้าสงสัยฉ่ายเวิน!”
จูฟางหยวนนิ่งไปก่อนจะยิ้มเย็นออกมา “ข้าก็คิดแต่แรกแล้วว่านางไม่ใช่คนง่ายๆอย่างที่แสดงออกแน่ ข้าเห็นนางอยู่กับฝ่าบาทหลายครั้งแล้ว สายตาของนาง ท่าทางของนาง ไม่ได้คิดกับหลี่เฉินเย่นแค่ศิษย์พี่ศิษย์น้องธรรมดาเช่นนั้นหรอก!”
ชูเซี่ยถอนหายใจ “แม้แต่คนทึ่มทื่อเช่นเจ้าก็ยังมองออก แสดงว่านางเองก็คงไม่คิดปิดบังความรู้สึกของตนเองแล้วล่ะ หากเรื่องนี้เป็นฝีมือของนางจริง ข้าเชื่อว่าเป้าหมายของนางก็เพื่อทำให้ข้ากับเฉินเย่นเกิดช่องว่างระหว่างกันมากกว่า จากนั้นเมื่อเชียนถอยห่างจากข้านางก็จะฉวยโอกาศนั้นมาใกล้ชิด!”
จูฟางหยวนครุ่นคิด “ที่เจ้าพูดเช่นนี้ นางเองก็สามารถวางยาพิษฆ่าเจ้าให้ตายได้ แต่ทว่านางไม่อาจทำเช่นนั้นได้เพราะว่าหากเจ้าตายไป หลี่เฉินเย่นไม่มีทางปล่อยวางเจ้าได้ลงแน่ นางจึงเลือกใช้วิธีที่ทำให้หลี่เฉินเย่นผิดหวังในตัวเจ้ามากกว่า นางเข้าใจจิตใจของมนุษย์ไม่น้อยเลย นางรู้ว่าหากคนเราผิดหวังก็จะมีคำถามและความระแวงมากมายผุดขึ้นในจิตใจ นางไม่ได้ต้องการตัวของหลี่เฉินเย่น สิ่งที่นางต้องการคือหัวใจของเขาต่างหาก นางอยากให้หลี่เฉินเย่นรักนางโดยที่เขาเต็มใจ”
ชูเซี่ยรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ชีวิตในยุคอดีตนี้น่ากลัวและตื่นเต้นมากกว่ายุคปัจจุบันของนางหลายเท่านัก นางเป็นหมอเห็นผู้คนเจ็บและตายมากจนนางแทบจะไม่รู้สึกอะไร คนเป็นพ่อแม่ที่ต้องสูญเสียลูกๆของตนเองก็เจ็บปวดจนยากจะรับไหว พวกเขามีเหตุผลที่จะโกรธคนเป็นหมอแบบนางหากไม่อาจรักษาชีวิตลูกๆของพวกเขาได้ ความโกรธเป็นสิ่งที่คนควบคุมยากเสมอ
แต่ทว่าฉ่ายเวินนางกลับวางแผนการปูทางเดินในอนาคตของตนเองอย่างใจเย็น ตัดสินใจว่าใครจะอยู่หรือจะตาย หากว่าเรื่องนี้นางเป็นคนทำ เช่นนั้นเรื่องการตายของเฉินอวี่จู๋ก็เป็นฝีมือนางอย่างไม่ต้องสงสัย
พิษที่นางโดนครั้งนี้เหมือนกับเฉินอวี่จู๋อยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือไม่อาจตรวจออกมาได้เลย แต่นางก็มั่นใจว่าตนเองถูกวางยาอย่างแน่นอน หรือกล่าวได้ว่าฝีมือการใช้พิษของฉ่ายเวินสูงส่งกว่าฝีมือการแพทย์ของนางเสียอีก
จูเก๋อหมิงเองก็เคยบอกนางว่าแม้ว่าฉ่ายเวินจะไม่มีวิทยายุทธ แต่ทว่าแต่เล็กจนโตนางก็เรียนรู้การใช้พิษมาตลอด ตำราร้อยพิษนั่นก็เป็นของที่ฉ่ายเวินมอบให้แก่จูเก๋อหมิง
นางสามารถวางยาพิษและขจัดร่องรอยของพวกนั้นได้อย่างรวดเร็วราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เชื่อว่าต้องมาจากการฝึกฝนและเรียนรู้เป็นระยะเวลานานแน่!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...