ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 180

สรุปบท ตอนที่ 180 ถึงตายก็ไม่ยอมเปลี่ยน: ชายาเกิดใหม่ของข้า

ตอน ตอนที่ 180 ถึงตายก็ไม่ยอมเปลี่ยน จาก ชายาเกิดใหม่ของข้า – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 180 ถึงตายก็ไม่ยอมเปลี่ยน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ ชายาเกิดใหม่ของข้า ที่เขียนโดย ลิ่วเยว่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 180 ถึงตายก็ไม่ยอมเปลี่ยน

ชูเซี่ยเดินทางมาถึงตำหนักของหรงกุ้ยไท่เฟย เมื่อหรงกุ้ยไท่เฟยเห็นนางก็ถอนหายใจออกมา “เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว ตอนที่เจ้าไม่อยู่ในวังวุ่นวายเหลือเกิน!” ยังไม่ทันที่ชูเซี่ยพูอะไรนางก็ยิ้มเย็นกล่าวขึ้นมาอีก “บ้านไม่เป็นบ้าน คนมากมายต้องมาตายด้วยน้ำมือของหญิงใจคออำมหิตพวกนั้น หากเรื่องแพร่งพรายออกไปจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด!”

ชูเซี่ยจึงเอ่ยออกมาเสียงเบา “สิ่งที่นางทำอย่างไรก็ต้องมีสักวันที่นางต้องชดใช้!”

“ข้าอยากให้นางรีบๆตายๆไปสักที มีคนเช่นนี้อยู่ในวังทำให้จิตใจของข้าไม่สงบเลยแม้แต่น้อย” หรงกุ้ยไท่เฟยเอ่ยด้วยวาจาเผ็ดร้อนไม่คิดจะรักษาหน้าแม้แต่น้อย แต่ไหนแต่ไรนางก็ไม่ชื่นชอบในตัวของฉ่ายเวินอยู่แล้ว มาวันนี้ยังรู้ความจริงเรื่องที่ฉ่ายเวินทำก็แค้นเสียจนอยากจะฆ่านางให้ตายคามือ ความจริงแล้วหรงกุ้ยไท่เฟยเป็นหญิงสาวที่จิตใจดีงามมาก แม้ว่าครั้งหนึ่งจะเคยหลงผิดหวังจะให้หลี่อวิ่นกังแย่งชิงบัลลังก์กับเฉินเย่นแต่ทุกวันนี้นางก็ยังทราบซึ้งในบุญคุณที่ชูเซี่ยช่วยชีวิตของเย่เอ๋อไว้จนถึงตอนนี้ แต่ตอนนี้นางหลายเป็นหญิงวัยกลางคนที่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและเลี้ยงหลายชายหัวแก้วหัวแหวนไปวันๆเท่านั้น

นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและเรียบง่ายมาจนถึงตอนนี้ ดังนั้นเมื่อรู้ว่ามีคนที่ใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้อยู่ในวังด้วยกันนางก็ไม่อาจทนได้

ชูเซี่ยเอ่ยถาม “ศพของชิงเอ๋อและโหร่วยเฟยตอนนี้ถูกวางไว้ที่ใดหรือ” ชูเซี่ยตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากได้ยินชื่อของฉ่ายเวินอีกแล้ว นางรู้สึกรังเกียจและสะอิดสะเอียน

หรงกุ้ยไท่เฟยก็เปลี่ยนสีหน้าแทบจะทันที “ทุกวันนี้ถูกวางไว้ที่ตำหนักเพียวสวี่ ยามมีชีวิตโหร่วยเฟยชื่นชอบที่นั่นมากที่สุดก็ให้นางอยู่ที่นั่นหลายวันหน่อยก็ดี ส่วนชิงเอ๋อก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน ให้ทั้งสองเดินทางไปสู่ภพภูมิที่ดีพร้อมกันจะได้ไม่ต้องเหงา!”

ชูเซี่ยรู้สึกสงสารจนต้องหลั่งน้ำตา “ข้าอยากไปดูพวกนางสักหน่อย!”

น้ำตาของหรงกุ้ยไท่เฟยก็ไหลออกมาเช่นกัน “วันนี้ข้าก็ไปมาแล้วครั้งหนึ่ง พิธีศพเมื่อวานท่านจิ้งกั๋วโฮ่วและฮูหยินของเขาก็มา ร้องห่มร้องไห้จะเป็นจะตายน่าสงสารยิ่ง หัวอกของคนเป็นพ่อแม่ต้องมางานศพลูกสาวของตนเอง ก่อนหน้าก็เป็นหลิวหยิงหลง วันนี้ก็เป็นหลิวมี่เหอ ใครเล่าจะทำใจได้” ก่อนที่นางจะเงยหน้าขึ้นมามองชูเซี่ย “ชูเซี่ย จริงอยู่ที่เจ้าไม่ใช่หลิวหยิงหลง แต่ว่าครั้งหนึ่งเจ้าก็เคยอยู่ในร่างของนาง เรื่องนี้ท่านจิ้งกั๋วโฮ่วเองก็ทราบ เจ้าคงรู้ใช่หรือไม่ว่าตอนนี้คนที่สามารถเยียวยาจิตใจของพวกเขาได้ก็มีเพียงเจ้าเท่านั้น!”

ชูเซี่ยรู้สึกทุกข์ใจเหลือเกิน ความจริงแล้วนางสงสารเห็นใจท่านจิ้งกั๋วโฮ่วและฮูหยินยิ่งนัก นางอยากไปคุกเข่าต่อหน้าพวกเขาและเรียกพวกเขาว่าท่านพ่อท่านแม่มาตลอด เพราะในหัวของนางมีความทรงจำของหยิงหลงที่รักและผูกพันธ์ในตัวพวกเขา แต่ว่านางไม่กล้าเข้าไปใกล้พวกเขา นางกลัวว่าท่านจิ้งกั๋วโฮ่วและฮูหยินจะโกรธจะเกลียดนาง กลัวว่าพวกเขาจะคิดว่าเป็นเพราะการมาของนางทำให้หยิงหลงต้องตาย เพราะคิดเช่นนี้มาตลอดทำให้สุดท้ายนางเลือกที่จะหลบหน้าพวกเขามาโดยตลอด

มาตอนนี้นางไม่คิดจะหนีอีกแล้ว ต่อให้พวกเขาจะรักหรือเกลียดนางนางก็จะเลือกที่จะเผชิญหน้า เพราะว่าชีวิตที่เหลืออยู่ของพวกเขาตกอยู่ในความรับผิดชอบของนางแล้ว

หรงกุ้ยไท่เฟยก็เอ่ยปลอบโยนนาง “ความจริงแล้วท่านจิ้งกั๋วโฮ่วและฮูหยินเป็นห่วงเจ้ามาก พวกเขารู้ตัวตนที่แท้จริงของเจ้าแต่เพราะกลัวว่าเจ้าเจ้าทำตัวไม่ถูกและกลัวว่าโหร่วยเฟยจะทำตัวไม่ถูกจึงไม่เคยมาหาเจ้า แม้ว่าที่ข้าพูดจะฟังดูไร้สาระไปบ้างแต่ว่าระหว่างเจ้ากับพวกเขาก็นับว่ามีความสำคัญต่อกันทางจิตใจไม่มากก็น้อย!”

ชูเซี่ยสูดลมหายใจลึกๆ “พระสนมโปรดวางใจ ชูเซี่ยทราบแล้วว่าต้องทำอย่างไร”

หรงกุ้ยไท่เฟยพยักหน้าอย่างพอใจก่อนถามขึ้น “ต้องให้เราไปเป็นเพื่อนเจ้าหรือไม่”

ชูเซี่ยเงยหน้าขึ้นมาก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “ไม่ต้องหรอก หากว่าท่านไปก็ทำให้จิตใจหดหู่เสียเปล่าๆ ข้าไปเองก็ได้เจ้าค่ะ”

เมื่อชูเซี่ยมาถึงตำหนักเพียวสวี่นางก็ให้หว่านเหนียงและเชียนซานรออยู่ด้านนอกไม่ต้องเข้าไป

เมื่อเข้ามายังตำหนักนางก็ได้ยินเสียงร่ำไห้ปานจะขาดใจจนนางชะงักฝ่าเท้าและน้ำตาก็ค่อยๆเอ่อคลอออกมา หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเช็ดน้ำตาและให้ฉิงเอ๋อนำทางนางเข้าไป

ร่างของโหร่วยเฟยและชิงเอ๋อถูกวางไว้ในโลง ร่างทั้งสองถูกคลุมไว้ด้วยผ้าไหมสีทองเนื้อดี ร่างของทั้งสองพวกนางนอนอย่างสงบอยู่ในนั้น

ท่านจิ้งกั๋วโฮ่วและฮูหยินนั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านข้าง ดวงตาของท่านจิ้งกั๋วโฮ่วแดงก่ำเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ส่วนฮูหยินก็ถูกนางกำนัลพยุงร่างเอาไว้และร่ำไห้แทบขาดใจ

ชูเซี่ยก้าวท้าวไปข้างหน้าก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าพวกเขา “ท่านพ่อ ท่านแม่!”

ท่านจิ้งกั๋วโฮ่วชะงักมองมาที่นางนิ่งๆ ฮูหยินเองก็ตกใจจนหยุดหลั่งน้ำตา ชูเซี่ยคุกเข่าอยู่ตรงหน้านางก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือไปดึงมือของฮูหยินไว้ นางมองเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวังก็ร้องไห้ออกมาในที่สุด ดวงตาของนางพร่าไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย นางเพียงสัมผัสได้ถึงมือของหญิงวัยกลางคนที่กอดกุมมือนางแน่น

สุดท้ายฮูหยินก็รวบร่างของนางมากอดไว้ก่อนเอ่ยอย่างสะอึกสะอื้น “ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ข้าก็จะถือว่าเป็นเรื่องจริงแล้วล่ะ ลูกรักของข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลายปีมานี้แม่คิดถึงเจ้ามากมายเพียงใด”

ชูเซี่ยเอามือของอีกฝ่ามาแนบแก้มของนาง นางสะอึกสะอื้นออกมา ภาพความทรงจำของหยิงหลงที่มีต่อพวกเขาสองสามีภรรยาชัดเจนขึ้นในความทรงจำ

ชูเซี่ยที่ถูกกอดไว้อยู่ไม่เห็นท่าทางของพวกเขาทั้งคู่

ท่านจิ้งกั๋วโฮ่วเดินมาฉุดร่างของนางให้ลุกขึ้นก่อนจะมองนางด้วยแววตาเศร้าหมอง “เจ้าคือชูเซี่ยหรือลั่วย?”

เดิมทีชูเซี่ยไม่เคยคิดจะโกหกแต่ครั้งนี้นางเลือกที่จะทำมันเป็นครั้งแรก “ตอนนั้นหลังจากที่ข้าตายไปก็มีวิญญาณของหญิงสาวที่ชื่อชูเซี่ยเข้ามาอาศัยในร่างของข้าแทน ส่วนข้าก็กลายเป็นวิญญาที่ลงไปสู่ปรโลก ท่านยมบาลกล่าวว่าดวงของข้ายังไม่ถึงฆาตให้ฆ่ากลับมาเกิดใหม่ แต่ร่าบงเดิมของข้าตายไปแล้วพร้อมกับชูเซี่ย ดังนั้นข้าจึงมาอยู่ในร่างนี้และใช้ชื่อของชูเซี่ยกลับมาอีกครั้งเจ้าค่ะ”

ท่านจิ้งกั๋วโฮ่วนิ่งงันก่อนเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ “เจ้าจะบอกว่าเจ้าคือหยิงหลงงั้นหรือ”

ชูเซี่ยรู้สึกละอายใจเหลือเกิน แต่นางก็ทนเห็นพวกเขาเจ็บปวดและผิดหวังไม่ได้อีกแล้ว นางจึงพยักหน้าแรงๆทั้งน้ำตา “ท่านพ่อเจ้าขา ข้าคือหยิงหลงเจ้าค่ะ!·”

ท่านจิ้งกั๋วโฮ่วก้าวมาข้างหน้าโอบกอดร่างของนางไว้แน่นก่อนปล่อยโฮออกมาเสียงดัง น้ำตาไหลลงมากระทบลำคอของชูเซี่ยหยดแล้วหยดเล่า ชูเซี่ยเองก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป นางเองก็ร้องไห้ออกมาเสียงดังราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง

เพื่อโหร่วยเฟย เพื่อหยิงหลง เพื่อสองสามีภรรยาคู่นี้ และเพื่อตัวนางเอง ยังมีพ่อแม่ที่แท้จริงของนางอีก ต่อให้หัวใจของนางจะรู้สึกผิดบาปจากการโกหกครั้งนี้มากเพียงใดนางก็จะทน

ในท้ายที่สุดโหร่วยเฟยก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหวงกุ้ยเฟย ส่วนชิงเอ๋อก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์หญิง ทั้งยังมีชื่อจารึกในบันทึกของราชวงศ์อีกด้วย

ใบหน้าของฉ่ายเวินฉายแววตื่นตระหนก เมื่อนางเหลือบมาเห็นหลี่เฉินเย่นก็ร้องออกมาอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ นี่มันเรื่องอะไรกันเจ้าคะ”

หลี่เฉินเย่นมองนางด้วยประกายเย็นเฉียบ เขาไม่ได้เอ่ยอะไรทำเพียงมองฉ่ายเวินนิ่งๆ

ฉ่ายเวินเห็นท่าทางเช่นนั้นก็นิ่งอึ้งจากนั้นก็เอ่ยถามอีกครั้ง “ศิษย์พี่ เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ” ดวงตาของนางกวาดมองไปรอบๆห้องก่อนจะตื่นตกใจ “โหร่วยเฟยทำไมหรือเจ้าคะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่!”

ชูเซี่ยยิ้มเย็น “ฉ่ายเวิน ฝีมือการแสดงของเจ้านับวันยิ่งร้ายกาจขึ้นทุกที!”

ฉ่ายเวินมองมาที่ชูเซี่ยอย่างแปลกใจ “พี่สาวท่านพูดอะไรเจ้าคะ”

พี่สาว? คำเรียกขานนี้อีกแล้ว คำเรียกขานที่อ่อนหวานและไร้เดียงสาที่เคยทำให้นางใจอ่อนมานับครั้งไม่ถ้วน ชูเซี่ยเอ่ยเสียงเย็น “ไม่ต้องมาแสดงละคร ฉ่ายเวิน เจ้ากล้าทำไม่กล้ารับหรือ โหร่วยเฟยตายไปแล้วก็จริงแต่วิญญาณของนางยังอยู่ เจ้าไม่ได้ยินเสียงร้องไห้อย่างเวทนาของนางบ้างหรือ ได้ยินเสียงร้องของนางบ้างหรือไม่”

คำพูดของชูเซี่ยไม่มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อยกลับกันมันกลับเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมเสียจนร่างกายของฉ่ายเวินสั่นสะท้าน หญิงสาวส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามชูเซี่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “พี่สาว โหร่วยเฟยตายได้อย่างไรกันเจ้าคะ แล้วเหตุใดข้าจึงได้หมดสติไป นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เจ้าคะ”

หลี่เฉินเย่นจ้องเขม็งมาที่นางก่อนเอ่ยถาม “เจ้าจำไม่ได้จริงหรือว่าเกิดอะไรขึ้น”

ฉ่ายเวินเงยหน้ามองเขาด้วยสายตางุนงง “ศิษย์พี่ จำอะไรได้หรือเจ้าคะ ที่แท้แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อีกอย่างนั่นมันรูปของศิษย์พี่หญิงไม่ใช่หรือเจ้าคะ ศิษย์พี่หญิงกับอานุ่ยเกอไม่ใช่หนีตามกันไปนานแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ นางตายแล้วหรือเจ้าคะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ศิษย์พี่ ท่านรีบอธิบายมาเร็วเข้า!” ฉ่ายเวินเอ่ยโวยวายออกมา ใบหน้างดงามซีดขาวไปหมด แต่ทว่าดูท่าทางสติของนางก็แจ่มใสไม่เลว ตอนที่นางพูดก็จ้องมองหลี่เฉินเย่นตลอดเวลา ไม่มีท่าทางละอายใจสำนักผิดแม้แต่น้อย

หลี่เฉินเย่นนำจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากสาบเสื้อและยื่นให้นาง “เจ้าดูเอาเองเถิดว่านี่เป็นลายมือของอาจารย์ใช่หรือไม่”

ฉ่ายเวินรับจดหมายฉบับนั้นมาไว้ในมือด้วยสีหน้าสงสัยก่อนจะเปิดมันออก หลี่เฉินเย่นมองดูใบหน้าของนางเปลี่ยนจากเดิมสับสนเป็นตะลึงและจากนั้นใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นซีดลงจนไร้สีเลือด ร่างบอบบางแข็งค้างจ้องมองไปทุกตัวอักษรบนนั้นอย่างไม่เชื่อสายตา

หลี่เฉินเย่นก้มหน้ามองนางก่อนถามเสียงเย็น “เป็นลายมือของอาจารย์ใช่หรือไม่”

ใบหน้าของฉ่ายเวินตื่นตะลึงจนซีดขาวไร้สีเลือด นางอ่านเนื้อความในจดหมายก่อนนำมันมาวางแนบอกแล้วเอ่ยพำพัมอย่างเหม่อลอย “ท่านพ่อรู้อยู่แล้ว ท่านพ่อรู้มาตลอด!”

หลี่เฉินเย่นได้ยินคำพูดของนางก็ถึงกับขาดสติตบใบหน้างดงามของฉ่ายเวินเต็มแรงก่อนจะเอ่ยตะคอก “เพราะอะไร เขาเป็นบิดาของเจ้า แต่เจ้ากลับโหดเหี้ยมถึงขั้นวางยาพิษเขา เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!”

ฉ่ายเวินกัดริมฝีปากจนเลือดซึม สีแดงสดของเลือดตัดกับใบหน้าขาวของนาง ราวกับดอกไม้สีแดงสดบนผนังสีขาวของหิมะ นางจ้องเขม็งว่าที่หลี่เฉินเย่นก่อนจะเอื้อมมืดทั้งสองข้างมากอดร่างสูงของหลี่เฉินเย่นไว้แน่น “ศิษย์พี่ คนที่ทำให้ท่านพ่อต้องตายก็คือท่าน ไม่ใช่ข้า!” 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า