ตอนที่ 188 ใกล้ตาย
พระราชวัง ณ เมืองหลวงแคว้นเหลียง
ช่วงปลายปีที่แล้วอยู่ ๆ ฮองไทเฮาก็ล้มประชวร ช่วงแรกเริ่มเพียงแค่รู้สึกไร้เรี่ยวแรง ไม่อยากอาหาร ตามมาด้วยอาการเวียนศีรษะ ถึงจะขยับหรือไม่ขยับตัวก็มีอาการเวียนศีรษะ
ตอนนั้นหมอหลวงหลันวินิฉัยว่าเป็นโรคโลหิตจาง จัดเทียบยาบำรุงเลือดให้ กินไปได้ไม่กี่วันก็รู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ อาการก็หนักขึ้นกว่าเดิม
ปีถัดมา ก็เป็นลมอยู่บ่อยครั้ง พร้อมกับมีอาการไป หายใจหอบ มีอาการของโรคหอบ แต่พอใช้ยาโรคหอบไปแล้วก็ไม่ได้ผล
ตอนช่วงเดือนสอง มีอาการอาเจียนเป็นเลือด เป็นการอาเจียนเป็นเลือดหลังจากไอ พอนานวันเข้าก็มีไข้ต่ำและซูบผอม
จูเก๋อหมิงก็เข้าวังมาตรวจพระอาการแล้ว คิดว่าค่อนข้างเหมือนวัณโรคจึงใช้นำแกงยาเป่าเจินรักษาไประยะหนึ่ง ทว่า ก็ยังไม่เห็นว่าอาการจะดีขึ้น
จูเก๋อหมิงกับเหล่าหมอหลวงศึกษาดูแล้วก็คิดว่า แม้อาการโรคนี้จะเหมือนวัณโรคมากทีเดียว แต่หลังจากใช้ยาแล้วกลับไม่ได้ผลแม้แต่นิด ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าการวินิจฉัยว่าเป็นวัณโรคนั้นไม่ถูกต้อง
หมอหลวงหลันพูดครั้งแล้วครั้งเล่า “หากท่านหมอชูยังอยู่ ต้องรู้ว่าเป็นโรคอะไรแน่”
ทุกครั้งที่จูเก๋อหมิงได้ยินประโยคนี้ก็ล้วนแต่นิ่งเงียบ
หลังจากที่เงียบไป เขาก็บอกบรรดาหมอหลวง ว่าอย่าได้พูดคำพูดพวกนี้ต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้
อาการประชวรของฮองไทเฮารุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นโรคอะไร สิ่งนี้ทำให้หลี่เฉินเย่นทั้งโกรธและกังวลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ค่ำคืนนี้เขาอยู่เฝ้าไข้ตรงหน้าเตียง คอยปรนนิบัติป้อนยาฮองไทเฮาและนั่งอยู่ข้างเตียงตลอด ไม่ยอมไปไหนทั้งสิ้น
“ฮ่องเต้ กลับไปพักผ่อนเถอะ” ฮองไทเฮาลืมพระเนตรเล็กน้อย หน้าผากขับเหงื่อออกมาเต็มไปหมด นับตั้งแต่หลังจากประชวร อาการเหงื่อไหลขณะหลับก็หนักหนาเป็นพิเศษ บางครั้งในช่วงกลางวัน แม้สภาพอากาศจะหนาวเย็นมาก แต่กลับมีเหงื่อไหลท่วมตัว
“ลูกอยากอยู่เป็นเพื่อนเสด็จแม่” หลี่เฉินเย่นห่มผ้าให้พระนาง กดกลั้นความเสียใจเบื้องลึกในใจไว้พลางพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
ฮองไทเฮาถอนพระอุระออกมายามเฮือก ระงับอาการไอเอาไว้ “แม่กลัวว่าจะเป็นวัณโรค มันติดต่อได้ เจ้าเป็นผู้นำแคว้นเพียงหนึ่งเดียว ทางที่ดีที่สุดอย่ามาจะดีกว่า”
“จูเก๋อหมิงบอกว่าท่านแม่ไม่ได้เป็นวัณโรค เป็นเพียงแแค่โลหิตจางเท่านั้น บำรุงอีกสักหน่อยห็ดีขึ้นแล้วพะย่ะค่ะ” หลี่เฉินเย่นพูดปลอบ
ฮองไทเฮาส่ายพระพักตร์ที่ขาวซีด “ข้ารู้จักร่างกายของตัวเองดี ข้าใกล้ตายแล้ว...”
พระเนตรของพระนางค่อย ๆ มีน้ำตาเอ่อคลอ “ชีวิตนี้ของข้าผ่านลมฝนมาไม่น้อย ทั้งยังได้เสพสุขกับความมั่งคั่งรุ่งเรือง หากว่ากันตามเหตุผลชาติก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจแล้ว แต่สิ่งที่เสียใจเพียงหนึ่งเดียวก็คือไม่อาจได้เห็นเจ้ามีลูก... ”
ความเร็วในการพูดของพระนางค่อนข้างเร็วจนส่งผลให้เกิดอาการระคายหลอดลมและไอขึ้นมา การไอครั้งนี้สะเทือนไปทั่วร่างจนเหมือนกับว่าถ้าปอดไม่หลุดออกมาก็จะไม่หยุด
หลี่เฉินเย่นรีบประคองพระนางขึ้นแล้วตบหลังพระนางเบา ๆ จากนั้นก็หันไปตะโกนเรียกข้ารับใช้ “เร็ว ยกน้ำอุ่นมาเร็วเข้า”
นางกำนัลหรูหงรีบยกน้ำอุ่นเข้ามาทันที จากนั้นก็ช่วยประคองฮองไทเฮาให้พระนางจิบน้ำ แต่ดูเหมือนอาการไอจะไม่หยุดลงง่าย ๆ
หลังจากที่พระนางไอแล้ว สีพระพักตร์ก็แดงก่ำ เหงื่อขับออกมามากกว่าเดิม พระเกษาราวกับแช่อยู่ในน้ำแล้วเพิ่งยกขึ้นมา
เวลาผ่านไปไม่นาน สีแดงก่ำบนใบหน้าก็ลดลงแล้วเปลี่ยนเป็นซีดขึ้นมาแทน ใบหน้าที่ซีดเซียวนี้ทำให้คนที่เห็นตกใจได้ มันเหมือนกับว่าร่างกายไม่มีเลือดเลยแม้แต่นิด
สภาพเช่นนี้พลันทำให้หลี่เฉินเย่นนึกถึงตอนที่เฉินอวี่จู๋ป่วย ตอนนั้นเฉินอวี่จู๋ขาดเลือดอย่างรุนแรง ร่างกายอ่อนแอมาก สุดท้ายได้รับการยืนยันว่ามีคนวางยานาง
เขาพลันยืนขึ้น สั่งให้หรูหงดูแลฮองไทเฮาให้ดี จากนั้นก็สาวเท้าออกไป
“จูเก๋อหมิงอยู่ไหน” หลี่เฉินเย่นออกมาจากโถงตำหนักก็เอ่ยถามลู่กงกงที่คอยปรนนิบัติอยู่อีกด้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...