ตอน ตอนที่ 199 ดูแลน้องชาย จาก ชายาเกิดใหม่ของข้า – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 199 ดูแลน้องชาย คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ ชายาเกิดใหม่ของข้า ที่เขียนโดย ลิ่วเยว่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 199 ดูแลน้องชาย
ฉองเหลามองนางแล้วถามขึ้น “หายังไงล่ะ เจ้ารู้ว่าท่านอยู่ที่ไหนรึ เจ้าไม่เคยเจอท่าน”
“ทางอยู่ข้างปาก พวกเราถามคนแถวนี้ได้หนิ” จิงโม่ดูเหมือนจะตื่นเต้นมาก
“แต่ว่า ถ้าท่านแม่รู้เข้าต้องโดนทำโทษแน่ๆ ท่านไม่อนุญาตให้พวกเราวิ่งซุกซน”ฉองเหลาดูรอบคอบ ความจริงแล้วเขาอยากไปมาก แต่ว่า เขาไม่อยากเป็นคนเสนอ ต้องให้จิงโม่เป็นคนเสนอ เพราะแม่บอกว่าไม่ทำโทษลูกสาว ทำโทษแต่ลูกชาย
“พวกเราจะไม่บอกให้ท่านแม่รู้” จิงโม่กระโดดลงไป เดินไปในสวนดอกไม้แล้วเอาโคลนป้ายหน้าตนเอง พูดอย่างได้ใจว่า “ดูสิ ถึงจะเป็นพี่เชียนซาน ก็ดูไม่ออกว่าเป็นพวกเรา พอพวกเราได้เจอพ่อแล้ว ให้ท่านซื้อถังหูลู่ให้พวกเรากิน พออิ่มก็กลับมา ไม่มีใครรู้หรอกว่าพวกเราออกไปข้างนอกมา”
“ถ้าท่านแม่รู้แล้วทำโทษข้าจะทำอย่างไงล่ะ”ฉองเหลาบึนปากถาม
จิงโม่ทุบอกแล้วพูดว่า “มีเรื่องอะไร ข้ารับผิดชอบเอง บอกว่าเป็นความคิดของข้า ไม่เกี่ยวกับเจ้า”
ฉองเหลาดีใจมากและลงไปนั่งยองๆแล้วใช้โคลนป้ายไปบนหน้าจำนวนมาก เยอะจนจำเค้าเดิมไม่ได้ จากนั้นหยิบลูกหวายขึ้นมาและวิ่งตรงไปทางนางข้าหลวงที่ยืนอยู่ปากประตูแล้วพูดว่า “พี่สาว พวกเราจะออกไปเล่นลูกหวาย”
“ได้เลย อย่าไปไกลมากล่ะ เล่นข้างนอกนี้ก็พอแล้ว” นางข้าหลวงไม่รู้สถานะของเด็กทั้งสอง แต่เห็นพวกเขาหน้าคล้ายฝ่าบาทมาก ก็ไม่กล้าที่จะสบประมาท
“ครับ พวกเราเล่นอยู่ข้างนอกนี่แหละ ไม่ไปไกล”ฉองเหลาสัญญา
ทั้งสองส่งสายตากัน แล้วอุ้มลูกหวายวิ่งออกไป
เพื่อไม่ให้คนสงสัย ทั้งสองเล่นอยู่พักใหญ่ จกระทั่งเห็นเหล่านางข้าหลวงหย่อนมือลง จึงค่อยๆ ย่องออกไป
ทุกมุมในวังสว่างไปด้วยแสงตะเกียง แม้จะไม่สว่างเท่าตอนเช้า แต่ไม่มีปัญหาในการดูทาง
แต่พระราชวังมีขนาดใหญ่เกินไป หนทางวกไปวนมา พวกเขาไม่รู้ด้วยว่าท่านพ่ออยู่พระตำหนักไหน หายากจริงๆ
“พระตำหนักฉ่ายเวย”
ทั้งสองเดินมาถึงหน้าพระตำหนักหนึ่ง จิงโม่ชี้ไปที่แผ่นป้ายที่อยู่ด้านนอกพระตำหนัก “ข้ารู้จักตัวอักษรเหล่านี้ คือพระตำหนักฉ่ายเวย”
“ข้าก็รู้จัก อาจารย์เคยสอนแล้ว”ฉองเหลานั่งลงกับพื้น ทุบที่น่อง พูดอย่างขมขื่นว่า “พี่จิงโม่ ข้าเหนื่อยมากเลย เจ้าแบกข้าเถอะ”
“น้องฉองเหลา อดทนอีกสักนิดนะ ใกล้ถึงแล้วล่ะ” จิงโม่ให้กำลังใจ
“ท่านพ่ออยู่พระตำหนักไหนกันแน่นะ เมื่อพวกเราน่าจาถามให้กระจ่าง”ฉองเหลาหน้างอ
ตลอดทาง เจอคนหลายคน แต่ไม่มีใครเห็นพวกเขา เพราะต้องการหลบตาผู้คน พวกเขาจงใจเดินในโพรงดอกไม้ ทั้งสองตัวเล็ก ในวังแม้จะมีแสงจากตะเกียง แต่ก็ไม่ได้สว่างมากนัก ดังนั้น ไม่มีใครสังเกตเห็นพวกเขา
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราเดินไปข้างหน้าก่อน เห็นคนแล้วค่อยถาม” จิงโม่ดึงเขาขึ้น ตบฝุ่นเบาๆ “เร็วเข้า หากไปดึกเกิน ท่านพ่อนอนแล้ว พวกเราก็ไม่ได้กินถังหูลู่แล้วนะ”
“เจ้าแน่ใจรึว่าท่านพ่อจะซื้อถังหูลู่ให้พวกเรา”ฉองเหลาเริ่มท้อ “ถ้าไม่ซื้อให้ พวกเราก็เสียเปล่าน่ะสิ”
“ต้องซื้อให้แน่นอน พ่อมักจะซื้อถังหูลู่ให้ลูก เจ้าไม่เห็นหรือ พ่อของเสี่ยวซานจึ กลับมาเมื่อไหร่ก็จะซื้อให้เขาตลอด” จิงโม่พูดอย่างดื้อดึง
พูดถึงเสี่ยวซานจึกับพ่อของเขาฉองเหลารู้สึกเคืองมาก “ข้าไม่ชอบพ่อของเสี่ยวซานจึ ครั้งก่อนเขาซื้อถังหูลู่ให้เสี่ยวซานจึ ข้ามองเสี่ยวซานจึกินอยู่ข้างๆ พ่อเขาก็ไล่ข้าให้ไป บอกว่าข้าเป็นขอทาน แม้แต่มองก็ยังไม่ให้มอง ข้าไม่ใช่ขอทานสักหน่อย ทุกครั้งที่คุณย่าของเสี่ยวซานจึไม่สบาย แม่ช่วยรักษา นางมักจะพูดว่าไม่มีเงิน ท่านแม่ก็เชื่อนาง ไม่รับค่ารักษาของนาง แต่พวกเขาซื้อถังหูลู่ให้เสี่ยวซานจึไปสิบไม้แล้วนะ ทำไมจะไม่มีเงินล่ะ แม่เชื่อคนง่ายเกินไป”
จิงโม่ปลอบใจน้อง “รอให้พวกเราได้พบกับพ่อ ให้พ่อซื้อให้พวกเราหนึ่งร้อยไม้ เราไม่อยากได้ของเขาหรอก”
จิงโม่ย่อตัวลง “มา พี่แบกเธอเอง”
ฉองเหลาปีนขึ้นหลังของจิงโม่ พลันพึมพำว่า “พี่จิงโม่ ถ้าข้าโตแล้ว ข้าก็จะแบกเจ้าเหมือนกัน”
ฉองเหลาป่วยบ่อยตั้งแต่เด็ก ร่างกายอ่อนแอกว่าจิงโม่ แม้จิงโม่ปากจะร้าย แต่ในใจก็รักและเอ็นดูน้องชายคนนี้
นางสมเป็นพี่สาว แม่บอกว่าเขาเกิดก่อนฉองเหลา อาบน้ำให้นางเรียบร้อยแล้วฉองเหลาถึงคลอดตามหลังมา ดังนั้น นางต้องทำหน้าที่พี่สาว ดูแลฉองเหลาให้ดี
จิงโม่แบกฉองเหลาไว้บนหลัง เดินไปเซไป
“อ้อ” จิงโม่ไม่ได้สนใจหรอกว่าจะรู้สึกหรือไม่รู้จัก แค่อยากทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ก็เท่านั้น
“นายหญิงของข้า ชื่อชูเซี่ย อาจไม่กลับมาอีกเลยก็ได้” เสียวไฉเลือกที่จะพูด พูดถึงนายหญิง ก็รู้สึกคิดถึงมาก นางได้รับใช้ชูเซี่ยไม่นานนัก แต่ว่า ชูเซี่ยเป็นนายหญิงที่ดีที่สุดเท่าที่นางได้รับใช้มา ชูเซี่ยไม่เคยเห็นนางเป็นบ่าวไพร่เลย
“ชูเซี่ย เจ้าเป็นบ่าวรับใช้ของแม่หรอกรึ”ฉองเหลาถามขึ้นอย่างตกใจ
“แม่รึ” เสียวไฉตะลึง “แม่อะไร”
จิงโม่กลัวว่าหากเสียวไฉรู้สถานะของพวกเขาแล้วจะส่งพวกเขากลับ รีบชี้ไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “เอ๊ะ ทางนั้นมีคนหนิ”
เสียวไฉถูกดึงความสนใจ แต่เมื่อหันไปมองก็ไม่เจอผู้คน “ไหนล่ะคน”
“ข้าดูผิดแน่เลย” จิงโม่พูดอย่างอายๆ รีบส่งสายตาให้ฉองเหลา ไม่ให้เขาพูดมา
ฉองเหลานึกถึงถังหูลู่หนึ่งร้อยไม้ของตน ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากอีก ซบหลังของเสียวไฉพึมพำว่า “ข้าง่วงมาก เมื่อไหร่จะถึง”
เสียวไฉหัวเรา “ใกล้ถึงแล้ว เดินผ่านทางเชื่อม เดินออกจากลานกว้างก็ถึงห้องทรงพระอักษะแล้วล่ะ”
“พ่อข้าอยู่ห้องทรงพระอักษะรึ”ฉองเหลาอดไม่ได้ที่จะถาม
“พ่อเจ้าคือใครล่ะ ชื่ออะไร” เสียวไฉถาม
ฉองเหลาส่ายหน้า “ข้าไม่รู้ ข้าไม่รู้ว่าพ่อข้าชื่ออะไร”
เสียวไฉเผลอยิ้ม “พวกเจ้าอายุเท่าไหร่”
“สี่ขวบครึ่ง” ทั้งสองตอบพร้อมัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...