ตอนที่ 200 ลักเล็กขโมยน้อย
เสียวไฉเข้าใจดี เหล่าขุนนางที่มาในวันนี้ล้วนเป็นขุนนางใหญ่ ก็จะประคบประหงมลูกเป็นธรรมดา เด็กที่ถูกประคบประหงมราวกับไข่ในหินก็จะไม่รู้อะไรมาก
แต่ในทางกลับกัน เสียวไฉกลับรู้สึกว่าพวกเขาคุยเก่ง เมื่อเทียบกับเด็กวัยเดียวกันก็ฉลาดกว่า ไม่รู้ว่าเป็นลูกของใครกันแน่
ไม่นานทั้งสามคนก็มาถึงห้องทรงพระอักษร ลู่กงกงยืนรับใช้อยู่ด้านนอกห้อง ตำหนิว่า “เสียวไฉ เจ้านับวันยิ่งพูดไม่รู้เรื่องนะ ฝ่าบาทกำลังประชุมกับเหล่าขุนนางด้านในห้องทรงพระอักษร เจอพาเด็กมาเล่นแถวนี้ได้อย่างไรกัน”
ปัจจุบันเสียวไฉก็เป็นบ่าวรับใช้หน้าห้อง รองจากลู่กงกง ว่านอนสอนง่ายตลอดเรื่อยมาก ได้รับความเอ็นดูจากลู่กงกงเห็นอย่างมาก คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะไม่รู้กาลเทศะแบบนี้
เสียวไฉรีบอธิบาย“ท่านลู่ เด็กสองคนนี้เป็นลูกของขุนนางท่านใดท่านหนึ่ง หลงทางมา ข้าน้อยเลยพาพวกเขามาที่นี่”
ลู่กงกงไม่ฟังคำอธิบายและพูดขึ้นว่า “พูดซี้ซั้ว เหล่าขุนนางในวันนี้ ไม่เคยพาใครมาวัง หรือเป็นลูกของใครที่มาเข้าเพบเหล่าสนมแล้วหลงมา”
ลู่กงกงมองไปที่จิงโม่ พลันถามว่า “เจ้าชื่ออะไร”
ถ้ารู้นามสกุล ก็รู้แล้วว่าเป็นลูกของใคร คนที่สามารถเข้ามาในวัง ล้วนเป็นล้วนเป็นคนที่มีเชื้อพระองค์หรือไม่ก็เหล่าขุนนาง
ตราบใดที่คุณขอชื่อนามสกุลคุณส่วนใหญ่รู้ว่าคุณเป็นเด็กคนไหนและคนที่สามารถเข้ามาในวังนั้นเป็นสมาชิกราชวงศ์หรือเจ้าหน้าที่ศาล
“ข้าชื่อจิงโม่”
“ข้าชื่อฉองเหลา”
ลู่กงกงลู่ตกใจ รีบถามอีกว่า “แซ่อะไรล่ะ”
ฉองเหลาและจิงโม่มองหน้ากัน แล้วพูดพร้อมกันว่า “แซ่คืออะไรรึ”
ลู่กงกงลู่เอนกายลง “คำที่นำหน้าชื่อพวกเจ้าน่ะ”
สองฝาแฝดสายหน้าไปมา ทำหน้างุนงง “พวกข้าอายุแค่สี่ขวบครึ่ง”
สี่ขวบครึ่ง แซ่อะไรไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่พวกเขาต้องรู้ โอเค แม้จะรู้ ก็บอกไม่ได้ เพราะลุงแก่คนนี้ดูแล้วเหมือนไม่ธรรมดา
ลู่กงกงลู่เริ่มลำบากใจ ไม่รู้จักแซ่ อายุก็เพียงสี่ขวบครึ่ง ถามไม่ได้ความเป็นแน่ กระทั่งชื่อของพ่อก็อาจยังไม่รู้
เขาถามเสียวไฉ “เจ้าเจอพวกเขาที่ไหน”
“บริเวณพระตำหนักไฉ่เวย” เสียวไฉกล่าว
“เจ้ารู้ไหมว่าขุนนางท่านไหนมีลูกแฝด” ลู่กงกงคิดยังไงก็คิดไม่ออก ดูเหมือนว่าจะไม่เคยได้ยินว่าบ้านไหนได้ลูกแฝด
“ข้าน้อยไม่รู้” เสียวไฉตอบตามความจริง
จิงโม่และฉองเหลาดูค่อนข้างรีบ ถ้าเดาไม่ผิด พ่อของพวกเขาอยู่ตรงหน้านี้เอง แต่ลุงอ้วนเคราหนาคนนี้กลับมัวแต่ซักโน่นซักนี่
ลู่กงกงพูดขึ้น “เจ้ารีบไปถามว่า วันนี้มีใครเข้าวังมาแล้วยังไม่ออกจากวังบ้าง อ้อ อย่าลืมถามถึงคนที่พาเด็กเข้ามาด้วย”
“ข้าน้อยจะรีบไป” เสียวไฉรีบเดินออกไป
ลู่กงกงเรียกขันทีคนหนึ่งมาหา “เจ้าพาพวกเขาสองคนไปวังด้านข้าง เอาอาหารว่างไปด้วย ไม่ควรเฉยเมยต่อพวกเขา”
“รับทราบ” ขันทีตอบ
จิงโม่และฉองเหลาได้ยินว่ามีอาหารว่าง ก็กลืนน้ำลาย อยากตามขันทีไปมาก แต่ว่า คืนนี้พวกเขามีภารกิจใหญ่ นั่นก็คือต้องเจอพ่อให้ได้ ดังนั้นไปกับขันทีไม่ได้เด็ดขาด
ฉองเหลาเดินไปดึงแขนเสื้อของลู่กงกง “คุณลุงครับ ฝ่าบาทอยู่ไหนหรอ”
ลู่กงกงหัวเราะ “เจ้าเด็กเปรต รู้จักฝ่าบาทด้วนหรอ”
ฉองเหลากระซิบ “ข้าจะบอกอะไรให้ แต่เจ้าอย่าไปฟ้องแม่นะ”
“เรื่องอะไรล่ะ” ลู่กงกงรู้สึสงสัย นั่งยองลงไปจับฉองเหลาไว้
ฉองเหลากระซิบข้างหูเขาว่า “พ่อข้าก็คือฝ่าบาท พวกเรามาหาพ่อ แต่ท่านอย่าไปฟ้องแม่ข้านะ ถ้าแม่รู้เข้าพวกข้าต้องโดนตีตูดแน่ๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...