ตอนที่ 21 คนตายกลับมาไม่ได้ – ตอนที่ต้องอ่านของ ชายาเกิดใหม่ของข้า
ตอนนี้ของ ชายาเกิดใหม่ของข้า โดย ลิ่วเยว่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 21 คนตายกลับมาไม่ได้ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่21 คนตายกลับมาไม่ได้
เมื่อทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้นต่างก็หน้าถอดสี หันมามองชูเซี่ยด้วยแววตาตื่นตระหนก ใครๆก็นึกไม่ถึงว่าเมื่อครู่ยัง.... ไฉนเพียงแค่พริบตาเดียวกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้
ชูเซี่ยตกตะลึง แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน“เป็นไปได้อย่างไร? บัวหิมะเทียนซานมิใช่สามารถแก้พิษได้ถึงร้อยชนิดหรือ เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้”
นางรีบร้อนวิ่งเข้าไปในห้อง ภาพที่ปรากฎตรงหน้าคืออ๋องเจิ้นหยวนโอบกอดพระชายาของตนในอ้อมแขน ร่ำไห้อย่างเจ็บปวดทว่าไม่แม้แต่จะมีเสียงเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน
ชูเซี่ยรีบร้อนตรวจชีพจรของพระชายาเจิ้นหยวน ใบหน้านางซีดเผือดลงทันที พระเจ้า ! นางจับไม่เจอชีพจร พระชายาไม่หายใจแล้วจริงๆ เมื่อครู่เห็นได้ชัดว่าไม่มีปัญหาอันใดนี่นา แต่เพราะเหตุใดเมื่อกินบัวหิมะไปแล้วผลกลับออกมาเป็นเช่นนี้
เพราะเหตุใดกัน เมื่อครู่อาการยังดีอยู่แท้ๆ แต่เมื่อสังเกตดูดีให้ถี่ถ้วน นางกลับพบว่าใบหน้าและริมฝีปากของพระชายาเจิ้นหยวนดำคล้ำกว่าเมื่อครู่ ทั้งดวงตายังเบิกค้าง บริเวณมุมปากมีเลือดสีดำไหลออกมา ลิ้นแข็งจุกปาก นี่เป็นอาการของคนถูกพิษ ! หรือว่าจะมีคนแอบวางยาในบัวหิมะก่อนนำมารักษาอาการให้พระชายากันแน่ นางไม่มีเวลามาคิดให้มากความแล้ว นางต้องเร่งช่วยชีวิตคนก่อนเป็นสำคัญ จำต้องให้หมอหลวงมาถวายการฝังเข็มรักษาชีพจรให้ไวที่สุด แค่หวังว่ายังทันอยู่
“รีบไปเตรียมน้ำเกลือมา เร็วเข้า!”ชูเซี่ยรีบสั่งการลงไปอย่างรีบร้อน“เอามาให้มากหน่อย นำอ่างใบใหญ่มา ยิ่งใหญ่ยิ่งดี”เมื่อครู่นางสั่งให้หมอหลวงฝังเข็มเพื่อระงับและหยุดการแพร่ กระจายของพิษในร่างกาย แต่ดูเหมือนอาการตอนนี้ของพระชายาจะมิสู้ดีนัก เนื่องด้วยพระชายาเจิ้นหยวนเพิ่งจะให้กำเนิดองค์ชายน้อย เกรงว่าด้วยสภาพร่างกายของนางในยามนี้จะไม่อาจทนได้อีกนานมากนัก แต่สถานการณ์คับขันเช่นนี้นางก็ได้แต่เห็นม้าตายรักษาประดุจม้าเป็น1แล้ว
“ท่านค่อยๆพยุงนางขึ้นมานะเจ้าคะ ระวังบาดแผลตรงท้องน้อยด้วยเจ้าค่ะ!”นางเอ่ยออกมาพร้อมดันร่างของอ๋องเจิ้นหยวนขึ้นมา
อ๋องเจิ้นหยวนได้ยินเช่นนั้นก็รีบร้อนเข้ามาพยุงร่างของชายาให้ค่อยๆนอนราบลงกับเตียงอย่างช้าๆ
ผ่านไปไม่นานนัก น้ำเกลือก็ถูกยกเข้ามาภายในห้อง ชูเซี่ยจุ่มมือของตนเองลงในน้ำเพื่อทดสอบอุณหภูมิของน้ำ จากนั้นก็สั่งการให้คนจัดเตรียมน้ำต้มถั่วเขียวไว้ชามหนึ่ง ภายในใจทราบดีว่า สตรีที่เพิ่งจะผ่านการคลอดบุตรไม่สมควรกินของที่มีฤทธิ์เย็นเช่นนี้ เพียงแต่ยามนี้มีชีวิตของพระชายาเป็นเดิมพัน นางไม่มีเวลามาคิดอะไรมากมายอีกแล้ว นางในตอนนี้แทบจะไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้เลยว่าจะสามารถรักษาชีวิตพระชายาได้ เครื่องไม้เครื่องมือทันสมัยของยุคนาก็ไม่มี นางจะสามารถรักษาชีวิตของพระชายาไว้ได้จริงๆหรือไม่ก็สุดจะรู้
ชูเซี่ยลงมือป้อนน้ำเกลือแก่พระชายาก่อนเป็นขั้นแรก แต่ในเวลานี้พระชายาไม่รู้สึกตัว ทำให้น้ำเกลือที่ป้อนไหลคืนออกมาทั้งหมด หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่อาจรักษาชีวิตเอาไว้ได้แน่นอนแล้ว ชูเซี่ยกลัวจนลนลานไปหมด นางถึงกับร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ “ท่านต้องอดทนไว้นะ ห้ามถอดใจยอมแพ้เด็ดขาด ลูกของท่านเพิ่งจะคลอดออกมาแท้ๆ เขาอายุเพียงเจ็ดเดือนเท่านั้น ร่างกายก็อ่อนแอ เขายังต้องมีแม่คอยดูแลเขาอยู่นะ ได้โปรดอย่าเพิ่งยอมแพ้ ท่านคิดนึกถึงท่านอ๋อง พระสวามีของท่านเถิด เขาจะรู้สึกเสียใจเพียงใด คิดถึงลูกของท่าน หากไม่มีท่านเขาจะทำเช่นไร ลองคิดถึงบิดามารดาท่าน พวกเขาจะเจ็บปวดเพียงใด พวกเขาจะทนได้หรือ พวกเขาคงรับไม่ไหวหรอกที่คนหัวขาวจะต้องมาส่งคนหัวดำเช่นท่าน” ชูเซี่ยหวนคิดถึงพ่อแม่ของตนเอง ภายในใจรู้สึกเจ็บปวดมาก เสมือนได้เห็นภาพที่พ่อกับแม่ของเธอร้องไห้แทบจะขาดใจอยู่หน้าศพของตนเอง แต่ทว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ต่างที่ตายไป ตอนนั้นนางไม่มีโอกาสที่จะบอกลาหรือเอ่ยคำปลอบโยนพวกเขาด้วยซ้ำ
หลังจากการป้อนน้ำเกลือเสร็จสิ้น นางก็ทำการปั๊มหัวใจและผายปอดทันที ความสามารถทางการแพทย์ที่เธอสั่งสมมาตลอด ทำให้นางรู้ว่านี้ร่างกายของพระชายาเพียงแค่หยุดทำงานชั่วคราวเท่านั้น ยังไม่ได้สิ้นชีพอย่างแน่นอน เพียงแต่ยามนี้พิษแพร่กระจายไปทั่วร่างแล้ว อุปกรณ์ช่วยหายใจก็ไม่มีในยุคโบราณเช่นนี้ จริงอยู่ร่างกายในตอนนี้หยุดทำงานชั่วคราว แต่ขืนยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ร่างกายก็สามารถหยุดทำงานได้ตลอดไป ตอนนี้มีเพียงทางเดียวที่จะช่วยพระชายาได้ คือทำให้รู้สึกนางรู้สึกตัวขึ้นมา ไม่ว่าจะใช้วิธีการใดก็ตาม ขอเพียงแค่นางฟื้นขึ้นมาก็เหมือนหลุดออกมาจากประตูผีมาได้แล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นนางก็มั่นใจได้แล้วว่าพระชายาต้องมีโอกาสรอดอย่างแน่นอน
ภายนอกห้องนั้น ฮ่องเต้กริ้วอย่างยิ่ง มีบัญชาให้สืบหาต้นตอนการวางยาในบัวหิมะอย่างละเอียด จะไม่ให้ฮ่องเต้กริ้วได้อย่างไร ต่อหน้าฮ่องเต้ผุ้ที่มีอำนาจใหญ่ที่สุดยังมีผู้อาจหาญกล้ามาทำเรื่องต่ำช้าอย่างการวางยาพิษเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าคงไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว สำหรับฮ่องเต้นั้นการตายของพระชายาเจิ้นหยวนอาจไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่มาก แต่การที่มีคนมาอาจหาญท้าทายอำนาจของฮ่องเต้เช่นนี้ เป็นเรื่องที่ฮ่องเต้มิอาจยอมได้
หลี่เฉินเย่นสั่งการคนให้ตรวจสอบการวางยาพิษตามพระบัญชาของเสด็จพ่อของตน เขาลงมือตรวจสอบสำนักหมอหลวงอย่างละเอียดด้วยตนเอง เริ่มต้นตั้งแต่ขั้นตอนการต้มยา การจัดส่งยา หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด แต่กระนั้นก็ยังหาผู้ต้องสงสัยไม่พบแม้แต่ผู้เดียว
เริ่มจากตัวยาถูกนำออกมาจากช่องกักเก็บความเย็น โดยมีเว่ยกงกงซึ่งเป็นข้ารับใช้คนสนิทของฝ่าบาทได้ออกคำสั่งให้นางกำนัลสองนางเป็นผู้นำออกมา โดยระหว่างนั้นเว่ยกงกงเองก็คอยควบคุมดูแลตัวยาอย่างใกล้ชิดไม่ได้คลาดสายตา
เมื่อตัวยาถูกส่งมายังสำนักหมอหลวง แต่เนื่องด้วยบัวหิมะเทียนซานเป็นตัวยาล้ำค่ายิ่งนัก หมอหลวงเฉินจึงเป็นผู้ลงมือปรุงยาด้วยตนเอง ในระหว่างต้มตัวยานั้นก็มีเว่ยกงกงคอยควบคุมดูแลตลอดเวลาไม่ได้ไปไหนอีกเช่นกัน
เมื่อตัวยาถูกต้มจนเสร็จ นางกำนัลรับใช้คนสนิทข้างกายหยงเฟย(นางสนม)อู้จื่อก็เป็นผู้นำยามาถวาย โดยในระหว่างนั้นก็เป็นเว่ยกงกงเช่นเคยที่คอยตามดูแล ซึ่งนั้นก็เท่ากับว่านางกำนัลผู้นั้นเองก็มีพยานหลักฐานแน่ชัดว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ในตลอดระยะเวลาที่มีการนำบัวหิมะออกมาจากช่องเก็บความเย็น จนถึงขั้นตอนการปรุงยานั้น เว่ยกงกงล้วนแล้วแต่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งสิ้น
แม้หลี่เฉินเย่นจะรู้สึกสงสัยในตัวเว่ยกงกงไม่น้อย แต่แม้ว่าเว่ยกงกงจะเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดนั้น แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้ลงมือแตะต้องตัวยาเลยแม้แต่ปลายนิ้ว ทำหน้าที่เพียงคอยควบคุมดูแลไม่ให้ขาดตกบกพร่องเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเป็นผู้ลงมือไปได้
ทว่าตัวยาก็ถูกใส่ยาพิษไปแล้ว นั่นเป็นความจริงที่ทุกคนล้วนแต่ประจักษ์เห็นกันทั้งสิ้น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าในระหว่างการส่งมอบยามาถึงที่ห้องมีผู้ลงมือวางยาพิษอย่างแน่นอน เพียงแต่ไม่มีผู้ใดสังเกตหรือพบเห็นเท่านั้น หากแต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาทั้งหมดอาจเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกัน!
ใครจะกล่าวหาว่าเขาเป็นคนขี้ขลาดก็ได้ ประนามว่าผิดต่อองค์ฮ่องเต้ก็ได้ เขาเพียงแค่ต้องการซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตนเพียงเท่านั้น เขาทำผิดอันใด วันที่เขาไปสู่ขอนาง เขาเคยเอ่ยว่าจากนี้เราสองคนจะร่วมเป็นร่วมตายกัน นางตาย เขาไม่ขออยู่ และเขาก็เชื่อหมดใจว่าหากเขาตาย นางก็คงไม่ขออยู่เช่นเดียวกัน
ท้ายที่สุดหมอหลวงก็เริ่มถอดใจแล้ว ชูเซี่ยเองก็มีสภาพแย่ไม่ต่างจากศพ แม้จะเป็นเช่นนั้นนางก็ยังไม่ยอมแพ้ ยังคงพยายามต่อไป
“น้องสะใภ้ พอเถอะ พอได้แล้วล่ะ อย่าเหนี่ยวรั้งนางไว้เลย ให้นางได้จากไปอย่างสงบเถอะ”อ๋องเจิ้นหยวนบอกกับนางด้วยเสียงแผ่วเบา
ชูเซี่ยเงยหน้าขึ้นมามองญาติผู้พี่ของตน สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความกังวล“ไม่ นางยังไม่ตาย ยังมีทางช่วยอยู่ ขอแค่นางรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาเท่านั้น”
อ๋องเจิ้นหยวนยิ้มอย่างขมขื่น“ลมหายใจก็ไม่มีแล้ว ข้าไม่ต้องการให้นางต้องทรมานอีกแล้ว!”เขาผลักร่างของชูเซี่ยออก ก้าวไปยังเตียงเพื่ออุ้มพระชายาของตนขึ้นมาในอ้อมกอด “เย่เอ๋อ สามีจะพาเจ้ากลับบ้าน!”
ชูเซี่ยรีบก้าวเข้าไปขวางทางทันที นางคุกเข่าต่อหน้าท่านอ๋อง หน้าผากของเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อมากมาย น้ำตาคลอเต็มหน่วยมองสบกับบุรุษตรงหน้า “ท่านอ๋อง ได้โปรดอย่าเพิ่งถอดใจ ขอเพียงแค่นางรู้สึกตัวขึ้นมาเพียงเล็กน้อย ข้าก็จะสามารถช่วยรักษานางได้อย่างแน่นอน ข้าขอร้องท่าน โปรดให้ข้าลองดูด้วยเถอะ”
อ๋องเจิ้นหยวนทำเพียงส่ายหน้าไม่คิดฟังคำทัดทานใด แล้วอุ้มร่างของพระชายาเดินจากไป
ชูเซี่ยยืนขึ้นมา ยกมือตบหน้าของอ๋องเจิ้นหยวน กล่าวออกมาด้วยความโกรธ“ปล่อยนางลงมานะ นางคือผู้ป่วยของข้า ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องนาง!”
อ๋องเจิ้นหยวนมองตอบสตรีตรงหน้า นัยน์ตาฉาบด้วยความโมโหวูบหนึ่ง“นางจากไปแล้ว เหตุใดเจ้ายังไม่เลิกดื้อรั้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...