ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 232

ตอนที่232 เป็นแม่ชี

ทั้งสามคนมาทำความเคารพชูเซี่ย

“ข้าว่านสุ่นทำความเคารพหัวหน้าเจ้าค่ะ!”

“ข้าว่านเฉียงทำความเคารพหัวหน้าเจ้าค่ะ!”

“ข้าว่านเหลียงทำความเคารพหัวหน้าเจ้าค่ะ!”

ชูเซี่ยพูดต่อ “พวกเจ้าเป็นตระกูลว่านเหรอ?”

“เจ้าค่ะ!”ทั้งสามคนตอบพร้อมกัน

พรรคมังกรเหินมีลูกหลานเต็มไปหมด ตั้งชื่อตระกูลเอาเป็นสือ ปั่ย เฉินเย่น ว่าน ถ้าให้พูดเชียนซานก็เป็นศิษย์พี่พวกนาง

“เมื่อก่อนพวกเจ้าทำงานให้ใคร?”ชูเซี่ยถาม

ว่านสุ่นตอบว่า “เมื่อก่อนพวกข้าเป็นอ้านทั่นเหมิน”

อ้านทั่นเหมิน เป็นกลุ่มที่ไปแอบสืบข่าวสาร พวกคนสืบนั้นเก่งในด้านศิลปะเปาตัวและปลอมตัวดังนั้นนอกจากนักสืบในซ่องแล้วก็มีนักสืบที่แต่งตัวธรรมดาเดินไปเดินมาเหมือนคนทั่วไป

ทั้งสามคนนี้ก็เหมือนกัน หน้าก็ทั่วๆไปไม่ค่อยแปลกอะไรกับผู้หญิงข้างนอก

ชูเซี่ยเข้าใจแล้วก็สั่งว่านสุ่นไปว่า“เจ้าไปบ้านถ้ายเว่ยสิ บอกไปว่าข้าอยากเจอเขา ให้เขามาข้าหน่อย”

ว่านสุ่นตอบ “เจ้าค่ะ!”

พูดจบก็เดินออกไปเลย

“ในมือพวกเจ้ามีเรื่องเกี่ยวกับถ้ายเว่ยไหม?”ชูเซี่ยถามว่านเฉียง

ว่านเฉียงตอบว่า “ข้อมูลของถ้ายเว่ยมีเจ้าค่ะ”

“เอาข้อมูลของเขาให้ข้าหน่อย!”

“เจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าไปเอามาให้เจ้าค่ะ!”ว่านเฉียงตอบ

เหลียงกวางเสียงถึงแม้จะเป็นคนของพรรคมังกรเหินแต่ไม่กลับไปรายงานตัวที่นั้นเลย พรรคมังกรเหินก็ไม่ได้ถามอะไร ระหว่างนั้นน่าจะมีเรื่องอะไร

ก่อนว่านเฉียงจะกลับมาว่านสุ่นก็กลับมาแล้วนางพูดว่า “หัวหน้า ถ้ายเว่ยไม่อยู่บ้านเจ้าค่ะ”

ชูเซี่ยยิ้มมุมปาก“คนของเขาบอกว่าเขาไม่อยู่ในบ้านหรือเขาไม่อยู่บ้านจริงๆ?”

ว่านสุ่นพูด “เขาอยู่ในบ้านแต่คนของเขาบอกว่าไม่อยู่เจ้าค่ะ”

“อืม เขาไม่อยากมาเจอข้า”

ชูเซี่ยรู้ว่าเขาไม่มาแน่นอน แค่อยากลองว่าหัวหน้าเรียกแล้วเขาจะมาไหม

ดูแล้วเขาน่าจะออกจากพรรคมังกรเหินแล้ว

ได้ยินจากอาหมั่นว่าตั้งแต่พรรคมังกรเหินก่อตั้งขึ้นมามีน้อยคนที่จะออกไปเอง หลายปีมานี้ก็มีแค่สองสามคนที่ออกไป พรรคมังกรเหินไม่เคยบังคับให้ใครอยู่แต่ว่าต้องบอกเหตุผลว่าออกไปทำไม

อย่างน้อยถ้าถ้ายเวยไม่ไปรายงานตัวไม่พูดเหตุผลและยังไม่บอกว่าจะออก ตอนนี้เขาน่าจะลังเล

ว่านเฉียงเอาข้อมูลของถ้ายเว่ยมา ชูเซี่ยดูทั้งคืนตั้งแต่รุ่นปู้ของถ้ายเวยก็เข้าพรรคมังกรเหินแล้ว

ก็คือว่าตั้งแต่เข้าเกิดมาก็เป็นคนของพรรคมังกรเหินแล้ว

ข้อมูลหลังจากนั้น เขาได้เข้ารับราชการเพราะมีไทเฮาคอยช่วยเหลือ จนมาถึงตอนนี้ที่ได้เป็นถ้ายเวย

“หัวหน้า ท่านดูนี้สิเจ้าค่ะ”ว่านเฉียงเอาเอกสารจากด้านล่างมาส่งให้ชูเซี่ยดู

ชูเซี่ยดูแล้วก็ตกใจมาก“เขาเคยมีความสัมพันธุ์กับหลิงกุ้ยท่ายเฟยงั้นเหรอ?”

“เจ้าค่ะ ตอนนี้หลิงกุ้ยท่ายเฟยอยู่ที่วัด เขาไปหานางเกือบทุกวัน”ว่านเฉียงพูด

“เด็กคนนั้นเป็นของถ้ายเว่ยใช่ไหม?”ชูเซี่ยพึ่งรู้ว่าหลิงกุ้ยท่ายเฟยยังมีลูกอีกตอนนี้เด็กคนนั้นอายุครบหนึ่งปีแล้ว

“เจ้าค่ะ”ว่านเฉียงพูด “ข้าสืบมาอย่างละเอียดแล้วไม่ผิดแน่นอน เรื่องนี้พวกข้าสามคนเป็นคนสืบมาเอง ติดตามถ้ายเว่ยมาแล้วสามเดือนถึงจะรู้เจ้าค่ะ”

ชูเซี่ยนึกถึงหลิงกุ้ยเฟย เมื่อก่อนก็เคยไปมาหาสู่กับฉ่ายเวิน ฉ่ายเวินอาจจะส่งตำราหนอนพิษให้นางก็ได้?

บ้านหลิงกุ้ยท่ายเฟยไม่ค่อยมีอำนาจอะไรแล้ว ตั้งแต่หลี่เฉินเย่นครองราชย์ก็ทำเอาตระกลูหลิงล้ม ในตระกูลมีลูกหลานที่มาเป็นขุนนางรับราชการเล็กๆไม่ค่อยมีแล้วไม่เหมือนเมื่อก่อนที่โด่งดัง

นางเกิดความแค้นเพราะเหตุนี้หรือเปล่าจากนั้นก็ร่วมมือกันวางยาไทเฮา?

เพราะว่าถึงแม้หลิงกุ้ยท่ายเฟยจะอยู่ที่วัดเต๋าชิงซูแต่ว่าก็มีอำนาจในวังเหมือนกัน ในตำหนักของไทเฮาจะมีคนของนางหรือเปล่าก็ไม่รู้

ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ยังพอมีวิธีอย่างน้อยไม่ใช่หลี่ซ่งอวิ๋นลี่มาก่อการกบฏอีก

นางตัดสินใจ พรุ่งนี้จะไปวัดเต๋าชิงซูและไปเยี่ยมหลิงกุ้ยท่ายเฟย

นางคิดว่าถ้านั่งรอตรงนี้สู้ไปสืบเองจะดีกว่า หลิงกุ้ยท่ายเฟยจัดการได้ง่าย น่าจะสืบอะไรจากตัวนางได้บ้าง

วัดเต๋าชิงซูนั้นห่างจากวังมาก เมื่อก่อนที่นั้นเป็นที่วัดแม่ชีจากนั้นก็มีสนมในวังไปอธิษฐานขอสิ่งศักดิ์สิทธ์ จากนั้นที่นั้นก็กลายเป็นวัดเต๋าชิงซูต่อมาก็มีสนมคนอื่นไปขอพรที่นั้น

แต่ว่าตั้งแต่ฮ่องเต้องค์ก่อนแล้วก็มีน้อยคนที่จะไปไหว้ขอพรที่นั้นอีกเพราะว่าสถานที่นี้ไกลจากวังมากก่อนจะถึงวัดเต๋าชิงซูก็มีภูเขาลูกหนึ่งกั้นไว้มีแม่น้ำไหลผ่านและทางเดินม้าต้องนั่งม้าเท่านั้นสนมพวกนั้นก็ทนไม่ได้ก็เลยไม่ไปแล้ว

หงิงกุ้ยท่ายเฟยเมื่อสองปีก่อนก็ขอออกไปอยู่ที่วัดเต๋าชิงซูแล้ว ไทเฮาก็ไม่ชอบนางและนางไปแล้วก็ทำให้วังสงบขึ้นก็เลยอนุญาติให้นางไปและส่งคนไปดูแลนางด้วย

แต่ว่าหลิงกุ้ยท่ายเฟยไม่ได้ขอใครไปด้วยเลย ถึงแม้จะมีข้ารับใช้ที่สนิทกันนางก็ไม่เอาไป นางบอกว่านางจะไปนั่งสมาธิบำเพ็ญจิตและอยู่ที่นั้นก็ต้องรับให้ได้ไม่ต้องการใครมาดูแล

ไทเฮาเห็นว่านางตั้งใจมากก็ชมนาง และคิดว่านางน่าจะเจอเหตุการณ์ต่างๆมาความคิดก็เปลี่ยนก็เลยสั่งให้ลู่หน้งส่งคนไปส่งนางที่วัดเต๋าชิงซูนั้น และสั่งไปว่าให้แม่ชีในวัดดูแลนางดีๆ

หลิงกุ้ยท่ายเฟยไปอยู่ที่นั้นแล้วสองปีก็ไม่เคยกลับเข้าวังเลย ในวังก็เริ่มมีคนลืมนางไปเรื่อยๆ

แค่ท่ายเฟยก็ไม่ค่อยมีใครจำแล้วและยังเป็นคนที่ไม่มีใครชอบอีก

ต่อมาชูเซี่ยก็พาเชียนซานไปวัด

นางสั่งให้สามคนพี่น้องเฝ้าดูจับตาการเคลือนไหวถ้ายเว่ยถ้าเขาก็ไปวัดไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ขว้างเขาไว้ให้ได้

วัดนี้อยู่บนเขาถึงแม้ทางไปจะยากลำบากแต่บรรยากาศที่นี้สวยมากๆ

วัดเต๋าชิงซูนี้เคยซ่อมใหม่เมื่อตอนสมัยชิงและเริ่มทรุดโทรมแล้วจากนั้นหลิงกุ้ยท่ายเฟยไปอยู่ก็สั่งคนซ่อมแล้วครั้งหนึ่งดังนั้นดูแล้วก็สวยขึ้น

ยืนอยู่หน้าวัด ชูเซี่ยไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองว่าที่นี้เป็นที่ๆแม่ชีอยู่เหรอ

กำแพงมีดอกไม้ต่างๆปลูกไว้สวยงาม ด้านนอกของวัดสวยมาก

ประตูปิดแน่นด้านหน้ามีใบไม้เต็มไปหมดแต่ว่าน่าจะมีคนกวาดแล้วและใบไม้ก็ล่วงลงมาต่อรอบด้านมีแต่ต้นไม้ถ้าวันหนึ่งก็ต้องมีใบไม้ตกเยอะแน่นอน

ในบันไดหินด้านขวามีกระถางธูปทองเหลืองไม่มีธูปเลยขนาดไม้ของธูปยังไม่มีน่าจะไม่มีคนมาไหว้นานแล้ว

เป็นวัดแม่ชีที่แปลกมากเลย

เชียนซานพูดอย่างแปลกใจ “ประตูปิดแน่น ที่นี้ไม่มีคนมาจุดธูปหรือมาไหว้เลยเหรอ”

ชูเซี่ยยิ้ม “มีประชาชนที่ไหนจะมาไหว้ตรงนี้ล่ะ?ที่นี้เป็นที่ของฮ่องเต้ ไม่มีประชาชนกล้ามาไหว้ที่นี้หรอก”

เชียนซานพูด “ข้าเคยมาครั้งหนึ่งถึงแม้ที่นี้ไม่มีประชาชนมาไหว้แต่ว่าก็แปลกมากเลยที่ไม่มีแม่ชีมาเดินเลย”

“เจ้ามาเมื่อไหร่?”ชูเซี่ยถาม

“หกปีก่อนเจ้าค่ะ”เชียนซานตอบ

“หนึ่งปีคนก็หายได้ไม่ต้องพูดถึงหกปีหรอก?”ดูจากข้อมูลที่ว่านเฉียงให้แล้วตั้งแต่กุ้ยท่ายเฟยมาอยู่ที่นี้ แม่ชีก็น่าจะไปหมดในวัดเต๋าชิงซูก็ต้องมีแม่ชีแต่เป็นแม่ชีจริงหรือเปล่าก็ต้องดูก่อนถึงจะรู้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า