ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 37

ตอนที่ 37 เศร้าใจเพื่อนคนพวกเดียวกัน

หลี่เฉินเย่นปรายตามองหลิวมี่เหอก่อนจะเอ่ยปราม“อย่าได้ตีตนไปก่อนไข้ หมอหลวงยังไม่ได้กล่าวเช่นนั้นเลยไม่ใช่หรือ เจ้ากล่าวเช่นนี้คงไม่อยากให้ข้าเดินได้อีกเลยตลอดชีวิตใช่หรือไม่”

“แม้หมอหลวงจะไม่ได้กล่าวออกมาตรงๆแต่ความหมายก็เป็นเช่นนั้น ท่านอ๋อง นางทำร้ายท่านถึงเพียงนี้ท่านยังทำดีต่อนางอีกหรือ” หลิวมี่เหอร้องไห้

“ผู้ใดทำร้ายข้ากัน ข้าไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยแค่มีชีวิตรอดกลับมาก็ดีแล้ว” หลี่เฉินเย่นเอ่ยเสียงเย็น

ชูเซี่ยหวนนึกถึงฉากต่อสู้อันดุเดือดระหว่างเขาและกองโจรเหล่านั้น หัวใจของนางรู้สึกเจ็บปวดไปหมด หากตอนนั้นเขาไม่จำเป็นต้องถ่วงเวลาให้นางได้หนี ลำพังวิชายุทธที่เขาเหลืออยู่ก็คงจะช่วยให้เขาหนีรอดมาได้ไม่ยาก หากวันนั้นเขาไม่ช่วยนาง นางที่ต้องอยู่ในกำมือพวกโจรก็คงจะอยู่ไม่สู้ตายราวกับตายทั้งเป็นแน่

ชูเซี่ยคุกเข่าลงตรงหน้าเขาตั้งใจจะถอดรองเท้าของชายตรงหน้าเพื่อสำรวจดูอาการบาดเจ็บของเขาแต่ถูกเขาหยุดมือไว้ก่อน “ไม่ต้องดูหรอก หมอหลวงยังกล่าวว่าไม่สามารถรักษาได้ต่อให้เจ้าดูไปก็ไร้ประโยชน์ อีกอย่างจูเก๋อหมิงก็กำลังเดินทางกลับเมืองหลวง เขาเป็นถึงหมอเทวดาจะต้องรักษาขาของข้าได้แน่!”

ชูเซี่ยมองออกว่าภายนอกของเขาพยายามทำตัวเฉยฉาไม่แยแสเช่นนี้แต่ข้างไหนจะต้องรู้สึกเจ็บปวดและวุ่นวายมากเป็นแน่ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถยอมรับได้หรอกหากตนเองต้องกลายเป็นผู้อัมพาตไปตลอดชีวิตไม่สามารถเดินเหินไปไหนมาไหนได้อีก นางอยากให้เขาอาละวาดออกมาให้สาแก่ใจเสียด้วยซ้ำ เขาแสดงท่าทีเฉยชาเช่นนี้คงไม่ต้องการให้ผู้ใดเป็นห่วงกระมัง แต่เขาจะทราบไหมนะว่านั่นกลับยิ่งทำให้ผู้อื่นเป็นห่วงเขายิ่งกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

หลี่เฉินเย่นเอ่ยกับชูเซี่ย “เจ้าพักผ่อนอีกสักหน่อยเถิด ข้าจะสั่งให้คนไปทาบทามข่าวของอานเหยียนมาให้เจ้าเอง แท้จริงแล้วเจ้าไม่จำเป็นต้องตื่นตูมถึงเพียงนี้หรอก หากมีเรื่องเกิดขึ้นจริงป่านนี้วังหลวงคงโกลาหลไปแล้วล่ะ”

ชูเซี่ยลองนึกตามก็จริงเช่นที่เขากล่าวมา ได้แต่หวังว่าเทียบยาเหล่านั้นและการออกไปตากแดดคงช่วยบรรเทาอาการของอานเหยียนน้อยไว้ได้

นางรับรู้ว่าเขาเป็นห่วงบาดแผลบนร่างกายของนางไม่น้อย แต่เมื่อเอ่ยถึงจุดนี้ก็น่าประหลาดนักที่ยามนี้นางกลับแทบไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรอีกแล้ว หลังจากนอนหลับไปตื่นหนึ่งแม้ว่าบาดแผลจะไม่ได้จางหายไปแต่นางกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป

ในยามนี้นางไม่มีเวลามาสนใจสำรวจร่างกายของตนเองอีกแล้ว นางมีอีกสองคนที่นางห่วงยิ่งไม่อยากให้พวกเขาเป็นอะไรไป

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะนอนพักเสียหน่อย ท่านก็รีบกลับไปพักรักษาตัวเสียด้วย ดูแลรักษาตัวให้ดีๆ ข้าเชื่อว่าท่านจะต้องกลับมายืนขึ้นได้อีกครั้ง” นางพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมด้วยความหวังและความปรารถนาของนาง

“ดีหรือไม่ดี ข้าก็ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น ตลอดชีวิตข้าเดินทางมานักต่อนักแล้วยามนี้ได้พักเสียหน่อยก็คงดี!” ซ่งอิว่นเชียนเอ่ยปัดอย่างไม่สนใจ

หลิวมี่เหอดวงตาแดงก่ำ “เหตุใดจึงไม่เป็นไร ท่านจะต้องหายดี ท่านอ๋องมีวรยุทธสูงส่ง ในภายภาคหน้าจะต้องเป็นวีรบุรุษที่นั่งบนอาชาฆ่าฟันศัตรูได้อย่างกล้าหาญ จะให้มานั่งอยู่เฉยๆเป็นคนพิการตลอดไปเช่นนี้ได้เช่นไรกัน”

หลี่เฉินเย่นไม่พอใจในคำพูดของนางเป็นอย่างมาก ก่อนจะไม่สนใจนางอีก “องครักษ์!”

มีองครักษ์นายหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้อง “ท่านอ๋อง กระหม่อมอยู่นี่พะย่ะค่ะ!”

“เจ้านอนพักดีๆเล่า หมอหลวงอนุญาตให้ลงจากเตียงได้เมื่อใดค่อยลงมา” หลี่เฉินเย่นหันกลับมากำชับนางอีกครั้ง

“ข้าทราบแล้ว!” ชูเซี่ยไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก ยามนี้ความรู้ผิดกำลังกัดกินหัวใจน้อยๆของนาง

หลี่เฉินเย่นหันมาสั่งองครักษ์ “พาข้ากลับ!”

“พะย่ะค่ะ” เมื่อองครักษ์ผู้นั้นหามหลี่เฉินเย่นออกไปหลิวมี่เหอก็วิ่งตามออกไปเช่นกัน ชูเซี่ยมองเห็นความเจ็บปวดในแววตาของเขาก่อนมันจะหายไปในชั่วพริบตา เขาเป็นชายหนุ่มที่องอาจและแข็งแกร่งมาตลอดมาบัดนี้กลับไปสามารถเดินเหินได้อีกต่อไป แม้จะกลับไปนอนยังต้องให้ผู้อื่นคอยช่วยหามไปส่ง

ชูเซี่ยรู้สึกปวดใจยิ่งนักนางล้มตัวนอนนิ่งๆอยู่บนเตียงบรรทมถอนหายใจออกมาอย่างหนัก ในใจนึกอยากตามหมอหลวงมาเพื่อพูดคุยถามถึงอาการของหลี่เฉินเย่นเหลือเกิน

ยามนี้อาการขององค์ชายน้อยยังตัว อาการตัวเหลืองทุเลาลงแล้วทว่าชูเซี่ยทราบดีว่าปัญหายังไม่จบเพียงเท่านี้แน่ ยังไม่อาจนับได้ว่าอาการขององค์ชายน้อยพ้นขีดอันตรายไปได้

นางหยิบตำราการฝังเข็มทองขึ้นมาอ่านอีกครั้ง เมื่อยามเริ่มหยิบมาอ่านในใจของนางก็ยังกระวนกระวายไม่เป็นสุข ทว่าเมื่ออ่านไปสักพักนางกลับรู้สึกว่าในตำราเล่มนี้น่าสนใจเป็นอย่างมากจนในที่สุดนางก็อ่านมันอย่างละเอียดและตั้งใจจนไม่ปล่อยให้ตัวอักษรเล็ดลอดไปแม้แต่ตัวเดียว

เมื่อนางอ่านมาถึงบทที่สามก็พบว่ามันมีการกล่าวถึงโรคของมารดาและเด็กที่เป็นโรคตัวเหลืองตั้งแต่กำเนิด แม้จะไม่มีการวินิจฉัยที่ชัดเจนหรือข้อมูลที่ละเอียดเท่ายุคของนางทว่านี้ตำราเล่มนี้มีการกล่าวถึงวิธีรักษาโดยการฝังเข็มอยู่ด้วย นางไม่กินไม่ดื่มนั่งอ่านตำรานี้ทั้งคืน ทั้งยังปิดบังไม่ใช่เสี่ยวจี๋และมามาทราบว่านางแอบเอาตนเองเป็นหนูทดลองเข็มอีกด้วย

ตลอดหลายวันที่ผ่านมานั่งใช้ร่างกายเกือบทุกส่วนของตนเองในการทดลองฝังเข็ม แต่ละครั้งที่นางลงเข็มนางรู้สึกกระตือรือร้นอย่างมาก นางมีความสุขกับการเรียนรู้สิ่งแปลกใหม่เหล่านี้จนแทบจะลุกขึ้นมาร้องเล่นเต้นรำเลยทีเดียว

การอาบน้ำในวันนี้เมื่อเสี่ยวจี๋เห็นว่ามีเข็มฝังอยู่ในร่างของนางก็ตกใจเสียขวัญจนร้องไห้ออกมาทั้งยังถามว่านางเจ็บหรือไม่ ชูเซี่ยเพียงยิ้มอยู่เช่นนั้น ภายในใจของนางรู้สึกซาบซึ้งที่เสี่ยวจี๋เป็นห่วงนางถึงเพียงนี้ หลายปีมานี้นอกจากคนในครอบครัวแล้วก็ไม่มีผู้ใดทำดีกับนางมากเท่านี้อีกแล้ว อย่างน้อยนางก็ไม่เคยพบผู้ใดที่หลั่งน้ำตาให้นางเพียงแค่กลัวนางเจ็บตัว

รอยแผลที่หน้าผากของนางยามนี้กลายเป็นรอยสีชมพูจางๆแล้วถ้าไม่สังเกตดีๆก็คงเห็นไม่มีผู้ใดเห็นยิ่งเมื่อมีผมหน้าม้าลงมาปกคลุมก็ไม่มีผู้ใดเห็นเป็นแน่ ฮองเฮาก็พระเมตตาส่งขี้ผึ้งทาแผลอย่างดีมาให้นางทว่าทามาหลายวันก็ไม่ได้ทำให้รอยแผลหายไปแต่อย่างใด ขาของนางก็ยังไม่หายดีนัก หมอหลวงวินิจฉัยว่านั่นเป็นเพราะนางมัวแต่เดินไปมาไม่ยอมรักษาตัวอยู่นิ่งๆทำให้บาดแผลที่ขาจนป่านนี้ก็ยังไม่หายดี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า