อ่านสรุป ตอนที่490พันธมิตรกลายเป็นศัตรู จาก ชายาเกิดใหม่ของข้า โดย ลิ่วเยว่
บทที่ ตอนที่490พันธมิตรกลายเป็นศัตรู คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ ชายาเกิดใหม่ของข้า ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ลิ่วเยว่ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่490พันธมิตรกลายเป็นศัตรู
“ใต้เท้าจางรู้หรือไม่ว่าตำหนักส่วนในของฝ่าบาทนั้นหากไม่มีราชโองการไม่สามารถเข้าไปได้ท่านบอกฝ่าบาทว่าท่านได้ไปพบเหลียงกุ้ยเฟยที่ถูกนำตัวไปขังในพระตำหนักหลึงกงแล้วนั่นหมายความว่าท่านเข้าไปโดยไม่ได้รับราชโองการซึ่งนั่นหมายความว่าท่านไม่เห็นหัวฝ่าบาทหรือคิดว่าตำหนักส่วนในนั้นเป็นสวนดอกไม้หลังบ้านของตำหนักจางของตนเองหรือใต้เท้าจางได้ตกหลุ่มรักสนมคนไหนของฝ่าบาทจึงเข้าวังโดยไม่ได้รับราชโองการ”จูฟางหยวนไม่วางใจสองแฝดดังนั้นจึงตามหลี่เฉินเย่นและชูเซี่ยมาในวังด้วยและคิดว่าไม่ได้เข้าท้องพระโรงเป็นเวลานานแล้วดังนั้นจึงมาแสดงตัวตนแต่คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินจางเซียนฮุยพูดว่าตนได้เข้าไปในตำหนักส่วนใน
เมื่อคิดถึงเฉินหยวนชิ่งที่เข้าไปในพระตำหนักในตลอดเวลาในที่สุดจูฟางหยวนก็ตัดสินใจที่จะพูดเพื่อเน้นกฎระเบียนของตำหนักส่วนในทำอย่างนี้ก็จะช่วยให้ชูเซี่ยและลูกๆเจอปัญหาน้อยลง
จูฟางหยวนไม่เคยอวดดีแต่ที่พูดมาครั้งนี้กลับไม่ไว้หน้าใครเลยแม้แต่คนที่“ถูก”ภรรยานอกใจกะทันหันอย่างหลี่เฉินเย่นก็แลดูมีความสุข
ในเมื่อจูฟางหยวนมาช่วยย้ำกฎระเบียบของตำหนักส่วนในเขาก็ต้องทำอะไรเสียหน่อยพลันพูดขึ้นว่า“ไม่ทราบว่าใต้เท้าจางเข้าไปในตำหนักส่วนใดเพราะเหตุอันใด”
“กระหม่อมคิดถึงลูกสาวยิ่งนักกระหม่อม......”คำพูดที่จางเซียนฮุยเตรียมมาทั้งคืนเตรียมไว้ว่าจะระบายด้วยน้ำตาแต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกจูฟางหยวนดึงไปอีกทางแต่นั่นก็เป็นความจริงเขาก็ต้องอธิบาย
“ตามที่กระหม่อมรู้ตอนที่เหลียงกุ้ยเฟยถูกนำตัวไปพระตำหนักหลึงกงนั้นก็มืดค่ำแล้วกลางค่ำกลางคืนน่าสงสัยที่สุดใครจะไปรู้ว่าใต้เท้าจางมีจริยธรรมตามที่ตนพูดหรือไม่อีกอย่างแม้จะคิดถึงลูกสาวท่านก็ไม่มีราชโองการของฝ่าบาทใช่หรือไม่”จูฟางหยวนยิ้มและดูสีหน้าที่เปลี่ยนไปของจางเซียนฮุยอารมณ์ที่เป็นผลมาจากการถูกลอบสังหารของสองแฝดดีขึ้นไม่น้อย
จูฟางหยวนพูดจบก็ได้กวาดมองจางเซียนฮุยด้วยสายตาลึกซึ้งจางเซียนฮุยตะโกนใส่จูฟางหยวนว่า“จูฟางหยวนเจ้าไม่ควรกล่าวหาซี้ซั้วอายุข้าไม่น้อยแล้วสนมเหล่านั้นมีอายุพอๆกับลูกสาวของข้าข้าจะ......ได้อย่างไรกันข้า......”
จางเซียนฮุยรีบแก้ต่างให้ตนเองแต่เมื่อพูดจบเขาถึงจะสังเหตุเห็นว่าตนถูกจูฟางหยวนดึงไปผิดทางแล้วเขาไปหาลูกสาวจริงๆทำไมต้องอธิบายถึงความบริสุทธิ์ใจระหว่างตนและเหล่าสนม
“ฝ่าบาทจะทรงเข้าใจกระหม่อมอย่างแน่นอนฝ่าบาทหลายปีมานี้กระหม่อมทำงานอย่างระมัดระวังไม่เคยทำเรื่องอะไรที่ไม่พึงประสงค์ต่อฝ่าบาทเรื่องเมื่อวานเกิดอย่างกะทันหันจริงๆกระหม่อมเป็นห่วงลูกสาวเป็นห่วงเด็กในครรภ์ของเธอดังนั้นจึงเข้าไปในตำหนักส่วนในโดยไม่ได้รอราชโองการเป็นเพราะกระหม่อมไม่รอบคอบขอฝ่าบาทลงโทษ”
จางเซียนฮุยถลึงตาใส่จูฟางหยวนหนึ่งทีด้วยความโมโหก้มหัวลงกับพื้นอีกครั้งขอหลี่เฉินเย่นอภัย
แต่ครั้งนี้เขาไม่มีความคิดเองเออเองเหมือนครั้งก่อนแต่เมื่อพูดถึงเรื่องก็เหลียงกุ้ยเฟยเขาก็ยังรู้สึกไม่ค่อยเป็นธรรมมากนักเรื่องที่ถือวิสาสะเข้าไปในวังนั้นหากหลี่เฉินเย่นไม่ต้องการสืบสวนก็เป็นโทษที่ไม่สามารถอภัยให้ได้
“เรื่องนี้สามารถอภัยกันได้แต่อย่าให้มันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองทุกๆท่านในนี้หากใครกล้าขัดคำสั่งของบรรพบุรุษอีกก็อย่าโทษว่าข้าไม่ไว้หน้าใคร”
น้ำเสียงของหลี่เฉินเย่นนั้นถือว่านุ่มนวลแต่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างเข้าใจว่าครั้งนี้ฝ่าบาททรงยื่นคำขาดไม่อย่างนั้นเขาไม่มีทางยกบรรพบุรุษสี่คำนี้มาพูดแน่นอน
ตอนนั้นไท่จู่ก็ได้ทำเพื่อปกป้องภรรยาของตนจากรัฐบาลจึงได้ออกพระราชกฤษฎีกาหากไม่มีราชโองการข้าราชบริพารไม่สามารถเข้าวังได้
ไม่มีการอภัยให้ผู้ฝ่าฝืน
แต่กษัตริย์รุ่นหลังไม่ค่อยพบเจอผู้หญิงที่ต้องการปกป้องเป็นพิเศษอีกดังนั้นพระราชกฤษฎีกานี้จึงถูกละเลยไปอย่างนี้กระทั่งวันนี้หลี่เฉินเย่นได้ยกมาพูดอีกครั้งผู้คนถึงตระหนักว่ามีคนจำนวนมากที่ได้ฝ่าฝืนข้อนี้แล้วแต่ฝ่าบาททรงมีเมตตาและไม่ต้องการทะเลาะกับใคร
“แต่ว่ฝ่าบาทเมื่อได้คุยกับลูกสาวที่ถูกนำตัวไปพระตำหนักหลึงกงแล้วถึงรู้ว่าลูกสาวถูกเข้าใจผิดจริงๆเธอไม่มีเจตนาร้ายเธอเพียงแต่ล้อเล่นกับหลันกุ้ยเฟยเมื่อวันนี้หลันกุ้ยเฟยก็ได้กินยาพิษนั้นแล้วก็ไม่ได้เป็นอะไรไปดังนั้นขอฝ่าบาทเห็นแก่ครรภ์ของเธอลงโทษขั้นเบาที่สุด”ในที่สุดจางเซียนฮุยก็ได้สติและพูดถึงเรื่องของเหลียงกุ้ยเฟยอีกครั้งแต่เมื่อเทียบกับเมื่อครู่แล้วเห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีกำลังตามที่ใจหวัง
เธอมองดูเหลียงกุยอยากจะบอกความคิดในใจของตนให้เขารู้ใจจะขาดพวกเขาเป็นศัตรูกันไม่ได้ไม่อย่างนั้นจะเจ็บทั้งสองฝ่าย
แต่เห็นได้ชัดว่าเหลียงกุยไม่เข้าใจสัญญาณลับของจางเซียนฮุยหรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่าเขาไม่สามารถดูสัญญาณลับของจางเซียนฮุยเพราะสิ่งที่ฝ่าบาททรงเสนอให้ดึงดูดใจจริงๆเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของตระกูลเหลียงเขาไม่แสดงจุดยืนที่ชัดเจนไม่ได้
“ใต้เท้าจางอายุของเราก็ไม่น้อยแล้วข้าไม่อยากให้คนผมหงอกต้องส่งศพคนผมดำขอให้ใต้เท้าจางอย่างทำให้ข้าต้องลำบากใจเลยตอนนี้ข้าหวังเพียงแค่หลันเอ๋อยังมีชีวิตที่ดีในวังข้าไม่สามารถทใช้ความใจอ่อนชั่ววูบไปทำลายชีวิตของเธอลูกสาวของท่านช่างโหดร้ายจริงๆช่าง......”เหลียงกุ้ยเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็เงียบไปแต่ก็ได้สร้างช่องว่างที่ใหญ่พอสมควรให้คนได้จินตนาการกัน
“หากใต้เท้าเหลียงไม่ยอมอภัยให้ลูกของข้าก็ไม่เป็นแต่ทำไมต้องว่าร้ายกันลูกของข้ามีความเมตตาที่สุดท่านอย่าพูดซี้ซั้ว”เมื่อได้ยินเหลียงกุยพูดถึงเหลียงกุ้ยเฟยจางเซียนฮุยพลันด่าเขาในใจ
เขาเคยคิดว่าสักวันพันธมิตรของตระกูลจางต้องแตกคอกันแต่คิดไม่ถึงว่าจะแตกหักกันเร็วอย่างนี้ยิ่งไปกว่านั้นคือกลายเป็นศัตรูกัน
“พูดซี้ซั้วหรือไม่ฝ่าบาทรู้ดีที่สุดขอฝ่าบาททรงเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อวาให้พวกข้าด้วยเถอะเพื่อหลีกเลี้ยงการไม่พอใจของใต้เท้าจาง”เหลียงกุยขี้เกียจที่จะโต้ตอบกับจางเซียนฮุยต่อไปแล้วครั้งนี้เพียงแค่ตนยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามของจางเซียนฮุยถ้าอย่างนั้นอนาคตที่ตนได้วาดฝันไว้ด้วยความพยายามก็จะเป็นจริงในไม่ช้า
จางเซียนฮุยถลึงตาหนักๆใส่เหลียงกุยหนึ่งทีและหันไปทางฝ่าบาทความหวังเพียงหนึ่งเดียวตอนนี้ของเขาก็คือฝ่าบาทเห็นแก่ตัวเองแล้วรับเหลียงกุ้ยเฟยออกมาจากพระตำหนักหลึงกงตราบใดที่เด็กในท้องยังอยู่พวกเขาก็ยังมีโอกาสที่จะลุกขึ้นมาอีกครั้ง
แต่ว่าครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นหลี่เฉินเย่นเองหรือเหลียงกุยก็ไม่อยากให้โอกาสครั้งนี้แก่เขาแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...