ตอน ตอนที่ 82 ฆาตกรแท้จริง จาก ชายาเกิดใหม่ของข้า – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 82 ฆาตกรแท้จริง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ ชายาเกิดใหม่ของข้า ที่เขียนโดย ลิ่วเยว่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 82 ฆาตกรแท้จริง
หลี่เฉินเย่นคิดทบทวนดูแล้วก็เห็นพ้องต้องกัน แต่การที่พบพิษในขนมก็เป็นเรื่องที่แน่ชัดแล้วเช่นกัน เขาลังเลอยู่ชั่วครู่แล้วถามฉ่ายหลิง “เจ้าทำขนมพวกนี้ที่ห้องครัวใหญ่หรือทำที่ห้องครัวเล็กของที่นี่”
ฉ่ายหลิงตอบว่า “บ่าวทำที่ห้องครัวเล็ก ไม่มีใครอื่นเข้าใกล้เลยเจ้าค่ะ!”
หลี่เฉินเย่นพูดกับจูเก๋อหมิงว่า “เราไปดูที่ห้องครัวกัน”
จูเก๋อหมิงตอบรับ “เอาสิ!” เขาหันไปมองฉ่ายหลิงอีกครั้งแล้วพูดว่า “เจ้าไปกับพวกเราด้วย ข้าอยากรู้ว่าขนมที่เจ้าทำใส่วัตถุดิบอะไรลงไปบ้าง เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ได้วางยา ข้าเชื่อเจ้า แต่ต้องไล่ตรวจสอบจากวัตถุดิบเสียก่อน”
ฉ่ายหลิงลุกขึ้นยืนแล้วพูด “เจ้าค่ะ!”
ชูเซี่ยก็เดินไปพร้อมกัน ฉ่ายเวินก็ยืนยันว่าจะไปด้วย ส่วนสาวใช้ก็ประคองนางไปเดินพร้อมกัน
ฉ่ายหลิงนำวัตถุดิบที่ใช้ทำขนมทั้งหมดออกมาวางบนโต๊ะ “พวกนี้คือผงรากบัว พวกนี้คือแป้งหมี่ นี่คือแป้งมันสำปะหลัง แล้วก็แป้งดอกกุ้นฮวา ส่วนนี่ก็แป้งข้าวเจ้า ไข่ไก่ และของอื่น ๆ ทั้งหมดล้วนอยู่ตรงนี้แล้วเจ้าค่ะ”
จูเก๋อหมิงไล่ตรวจไปทีละอย่าง หลี่เฉินเย่นถามขึ้นว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”
จูเก๋อหมิงส่ายหน้า “ล้วนแต่ไม่มีพิษ”
ฉ่ายหลิงตะลึงไปชั่วครู่ “นี่...แต่ของที่ข้าใช้ทำขนมล้วนแต่อยู่ตรงนี้ทั้งหมดแล้วนะเจ้าคะ”
จูเก๋อหมิงตรวจจาน หม้อ รวมถึงภาชนะต่าง ๆ ที่ใช้งาน ต่างก็พบว่าไม่มีพิษ
ฉ่ายเวินโมโหขึ้นมา พุ่งเข้าไปแล้วตบบ้องหูของฉ่ายหลิงโดยไม่สนร่างกายที่อ่อนแอ “ของพวกนี้ล้วนแต่ไม่มีพิษ หากไม่ใช่เจ้าวางยาแล้วจะเป็นใคร เจ้ารู้ดีว่าขนมพวกนีของข้าเป็นของที่ทำให้พี่สาวกิน ทำไมเจ้าต้องวางยานางด้วย เจ้าอยากใส่ความข้าใช่หรือไม่”
ฉ่ายหลิงร้องไห้พลางคุกเข่า “คุณหนูเชื่อบ่าวนะเจ้าคะ บ่าวไม่ได้วางยาจริง ๆ บ่าวเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้”
ฉ่ายเวินเชื่อเสียที่ไหนเล่า ต่อมาก็หันไปพูดกับหลี่เฉินเย่น “เจ้าพาตัวไปไต่สวนเถอะ ถ้าไม่ตีนางคงไม่ยอมรับ เกินเรื่องแบบนี้ในเรือนของข้า ข้าก็ต้องรับผิดชอบ หากไม่ถามให้ชัดเจน ข้าก็จะไม่ยอมเลิกราเช่นกัน!”
หลี่เฉินเย่นมองฉ่ายหลิงด้วยสีหน้าเคร่งขรึมพลางถาม “หากเจ้าสารภาพตอนนี้ ข้าจะลงโทษสถานเบา แต่หากเจ้ายังเล่นลิ้นพลิกคำอีก จะโทษว่าข้าไร้ความปราณีไม่ได้!”
ฉ่ายหลิงโขกศีรษะพร่ำร้องว่าถูกใส่ร้ายไม่หยุด น้ำตาและน้ำมูกต่างไหลปะปนกัน ดูน่าอึดอัดใจอย่างยิ่ง
หลี่เฉินเย่นตะโกนออกคำสั่ง “คนมา เอาตัวนางลากออกไปแล้วไต่สวนอย่างละเอียด”
องครักษ์เดินเข้ามาจากข้างนอกแล้วตอบรับคำสั่ง “พ่ะย่ะค่ะ!” จากนั้นก็ลากฉ่ายหลิงที่คุกเข่าอยู่ออกไปข้างนอก
ชูเซี่ยมองดูวัตถุดิบเหล่านั้น ทันใดนั้นก็ตะโกนขึ้นมา “ช้าก่อน!” นางถามฉ่ายหลิง “เจ้าแน่ใจนะว่าของทุกอย่างนี้ครบหมดแล้ว”
ฉ่ายหลิงเห็นชูเซี่ยตะโกนบอกให้หยุดก็รีบดิ้นออกจากมือขององครักษ์แล้วคุกเข่าลงกับพื้น “ท่านหมอเวิน บ่าวถูกใส่ร้าย บ่าวไม่ได้วางยาท่านนะเจ้าคะ!”
ชูเซี่ยกล่าวเสียงอ่อน “เจ้าตอบคำถามข้ามา วัตถุดิบที่ใช้ครบหมดแล้วหรือ”
ฉ่ายหลิงเงยหน้าขึ้นมองของบนโต๊ะ จากนั้นก็เอียงศีรษะแล้วคิดทบทวนไปมา “ของทั้งหมดล้วนอยู่ที่นี่แน่นอนเจ้าค่ะ”
ชูเซี่ยกล่าว “ถ้าอย่างนั้นขนมของเจ้าไม่ได้ใส่น้ำตาลหรือ ตอนที่ข้ากินขนม มันมีรสหวานนี่”
ฉ่ายหลิงนึกขึ้นมาได้ทันใด นางตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้นแล้วไปหยุดอยู่ตรงหน้ากระปุกหนึ่ง จากนั้นก็วางกระปุกไว้บนโต๊ะ “ใส่ ใส่น้ำตาลก้อนเจ้าค่ะ น้ำตาลพวกนี้เป็นน้ำตาลก้อน เพื่อความสะดวก บ่าวจึงบดให้เป็นผง แบบนี้จึงไม่ต้องเคี่ยวเป็นน้ำเชื่อมเจ้าค่ะ”
จูเก๋อหมิงก้าวไปตรวจสอบ เขาตรวจดูน้ำตาลผงอย่างละเอียดแล้วใช้เข็มเงินจิ้มเข้าไปแล้วมองดู ต่อมาก็ตักน้ำใส่หม้อ เอาน้ำตาลผงใส่ลงในน้ำ จนน้ำตาลผงละลายหมด เขาจึงกลับมาที่หม้ออีกครั้งแล้วใส่ฟืนเพิ่ม เวลาผ่านไปสักพักน้ำตาลในหม้อก็เดือด กลิ่นแปลก ๆ คล้ายมีคล้ายไม่มีลอยออกมาจากไอน้ำ ชั้นบนของน้ำเชื่อมมีผงสีขาวบางอย่างที่ไม่ละลาย
เขาพูดขึ้นมาว่า “น้ำตาลผงมีพิษ”
หลี่เฉินเย่นตะคอกถามทันที “น้ำตาลก้อนของเจ้าเอามาจากที่ไหน”
หลี่เฉินเย่นพูดอย่างเย็นชา “เจ้ากล้าพูดไหมเล่าว่าตอนนั้นที่ข้าสู่ขอเจ้า เจ้าไม่ได้ใช้อุบายใด ๆ เลย”
หลิวมี่เหอแสยะยิ้ม “อุบาย? ท่านเห็นว่าครั้งนั้นข้าใช้อุบายหรือ ไม่ผิด ครั้งนั้นที่หลับนอนกันที่วัดร้างเป็นฝีมือของข้าเอง และเป็นข้าเองที่เริ่มชักนำท่าน แต่ถ้าท่านไม่ได้รู้สึกอะไรต่อข้าแม้เพียงนิด ก็อาจจะทิ้งข้าแล้วจากไปแล้วก็ได้!”
หลี่เฉินเย่นพูดอะไรไม่ออก ครั้งนั้น ฝนตกหนักจนได้หลับนอนกันที่วัดร้างเป็นเพราะการริเริ่มของนาง และครั้งนั้นเองพวกเขาก็มีความสัมพันธ์กัน ดังนั้นถึงได้เร่งรีบแต่งนางเข้ามา
ตอนแรกเขาร่วมมือเพียงแค่ครึ่งเดียวเพราะโกรธหลิวมี่เหอ และตอนนั้นเขามีความรู้สึกดี ๆ ต่อหลิวมี่เหอ ไม่ใช่เพราะรัก เขาไม่ได้ลึกซึ้งอะไร แค่รู้สึกว่าอยู่กับหลิวมี่เหอแล้วสบายใจมากเท่านั้นเอง
แต่ความผิดพลาดครั้งนั้นผ่านมาสามปีแล้ว
เขาจ้องหลิวมี่เหอเขม็ง “แม้จะเป็นแบบนี้แล้ว ข้าก็ต้องขอโทษเจ้าด้วย หากเจ้าแค้นเคืองก็วางยาทำร้ายข้าสิ ทำไมถึงต้องพาลไปลงคนอื่นด้วย”
หลิวมี่เหอเหยียดตัวตรงพลันยิ้มอย่างอ่อนโยน ยังคงคล้ายกับรอยยิ้มสดใสในช่วงวัยสิบห้าสิบหกปีและดูเหนียมอายอย่างมาก แววตาของนางพลันเปลี่ยนเป็นอ่อนลงทันที น้ำตาคลอไหวระริก ในนัยน์ตามีภาพเขาอยู่ แต่ไหนแต่ไรมาก็มีแต่เขา น้ำเสียงของนางนิ่งไร้คลื่นใด ราวกับว่าเมื่อครู่นี้ไม่มีอะไรเกดขึ้นก็ไม่ปาน นางยิ้มอย่างงดงาม จากนั้นคำพูดก็พรั่งพรูออกมาจากปากนาง “ท่านคิดว่าข้าไม่อยากเกลียดท่านหรือ พอตื่นจากฝันกลางวันก็นึกถึงเรื่องทั้งหมดที่ท่านทำกับข้า ข้าบอกกับตัวเอง ว่าโศกนาฏกรรมทั้งหมดของข้าล้วนแต่เป็นฝีมือท่านทั้งนั้น ข้าเกลียดท่านจนเข้ากระดูก แต่ว่า สุดท้ายข้าก็พบว่าข้าใช้ความหลังทั้งหมดมาอภัยให้กับท่าน เพราะนึกถึงจุดดี ๆ ที่ท่านมีต่อข้าตรงนั้นมันจำฝังเข้าไปในกระดูก ทุกครั้งที่ข้าอยากจะเกลียดท่าน ความดีตรงจุดนั้นก็มักจะโผล่ออกมา ทำให้ข้าลืมความโหดเหี้ยมไร้ความปรานีทุกสิ่งอย่างของท่านไปจนสิ้น!”
ชูเซี่ยเบือนหน้าหนี ไม่กล้ามองใบหน้าที่เศร้าโศกรันทดของนาง หากจะว่าไปแล้ว เรื่องโศกนาฏกรรมของหลิวมี่เหอ นางเองก็มีส่วนด้วย หากในคราแรกนางกับหลี่เฉินเย่นไม่ได้มีความรู้สึกต่อกัน เชื่อว่าสุดท้ายแล้วแม้หลิวมี่เหอกับหลี่เฉินเย่นจะไม่มีความรักลึกซึ้งต่อกัน ก็จะไม่มีทางเป็นเหมือนอย่างตอนนี้เด็ดขาด ความรู้สึกผิดในใจบังเกิดขึ้นมา ตนเองเป็นคนที่ตายไปแล้ว แม้หลิวมี่เหอจะไม่ได้วางยา นางก็ยากจะหนีความตายพ้นอยู่ดี แล้วมีเหตุจำเป็นใดต้องไปรื้อฟื้นเรื่องราวพวกนี้ด้วยหรือ
นางดึงแขนเสื้อของหลี่เฉินเย่นแล้วพูดอย่างยากลำบาก “ข้าไม่ได้ถูกพิษ ไม่มีใครวางยาข้าหรอก เรื่องนี้หยุดแค่นี้ได้หรือไม่”
หลี่เฉินเย่นมองนาง เริ่มเข้าใจในความหมายของนางแล้ว เมื่อสัมผัสได้ถึงความรู้สึกผิดในสายตานาง เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่านางต้องการให้ปล่อยหลิวมี่เหอไป ไม่ต้องซักไซ้เรื่องวางยานางแล้ว เขาส่ายหน้าแล้วกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าเคยพูดไปแล้ว ว่าจะไม่ให้ใครหน้าไหนทำร้ายเจ้าได้ ในเมื่อนางมีใจเลวทรามวางยาเช่นนี้ ตอนที่วางยาก็ควรคิดถึงสิ่งที่ตามมาให้ดี”
ชูเซี่ยมองเขาแล้วพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินกันเพียงสองคนเท่านั้น “นางเป็นน้องสาวของหยิงหลง ข้าหวังว่านางจะได้มีชีวิตดี ๆ นี่เป็นเรื่องที่เจ้ากับข้าติดค้างนาง เข้าใจหรือไม่ ตอนนี้โหวเยี่ยเหลือลูกสาวเพียงคนเดียว หรือท่านอยากจะให้เขาแต่ตายไปอย่างไม่สงบสุขกันเล่า”
หลี่เฉินเย่นนิ่งเงียบ เขาไม่เห็นด้วยเรื่องที่ว่าเขาติดหนี้พี่น้องตระกูลหลิว แต่ประโยคสุดท้ายของชูเซี่ยกระทบเข้ากับเขาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ตอนสามปีก่อนที่ชูเซี่ยตาย โหวเยี่ยบอกกับเขาอย่างตรงไปตรงมาว่าผู้หญิงที่ตายในอ้อมแขนเขาไม่ใช่หลิวหยิงหลง ทำให้เขาไม่ผู้ใจจมปักอยู่กับนาง และวันนั้นเองเขาก็เห็นความเสียใจลึก ๆ ในตาของโหวเยี่ย คนแก่ฝังคนสาว เหตุโศกนาฏกรรมที่สูญเสียไปหนึ่ง แล้วเขาจะทำใจยอมรับกับเหตุครั้งที่สองได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้สุขภาพฮูหยินของโหวเยี่ยไม่ค่อยจะสู้ดี หากได้รับอะไรกระทบกระเทือนใจแม้เพียงนิด เกรงว่าคงอยู่พ้นพ้นปีนี้เป็นแน่
ฉ่ายเวินเห็นความลังเลจากหลี่เฉินเย่นก็พูดอย่างโมโห “ศิษย์พี่ หญิงชั่วแบบนี้ท่านคิดจะปล่อยนางไปหรือ นางวางยาในขนมของข้า แม้จะบอกว่าต้องการวางยาทำร้ายทานหมอเวิน แต่ข้าก็กินขนมพวกนั้นด้วยไม่ใช่หรือ นางอาจจะอยากให้ข้าตายไปด้วยก็ได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...