ตอนที่ 83 แย่งเหล้า
หลี่เฉินเย่นขมวดคิ้ว ยังไม่ทันได้เอ่ยถาม จูเก๋อหมิงก็พูดออกมาเสียก่อน “โหรวเฟย ข้าขอถามคำถามท่านสักข้อได้หรือไม่”
หลิวมี่เหอมองจูเก๋อหมิง ยิ้มเหยียดหยัน “ท่านพี่จูเก๋อ คำที่เรียกว่าโหรวเฟยของท่านทำให้ข้าเจ็บปวดเหลือเกิน”
ทั้งสองสนิทสนมกันมาตั้งแต่ยังเล็ก นับถือกับเป็นพี่น้องมาตลอด การที่เขาเอ่ยเรียกว่าโหรวเฟยในวันนี้ ถือว่าเป็นการล้มล้างมิตรภาพที่มีมาแต่วัยเยาว์ไปจนสิ้น แล้วจะไม่ให้นางเสียใจได้อย่างไร
จูเก๋อหมิงตะลึงงัน จากนั้นก็ถอนใจยาว “น้องมี่เหอ รู้ไหมว่าทำไมวันนี้ถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้ ข้าเคยชี้แนะเจ้าไปแล้ว”
หลิวมี่เหอเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาอ่อนโยน “พี่จูเก๋อมีอะไรจะถามก็ถามมาเถอะ เรื่องถึงขนาดนี้แล้ว ข้าเองก็ไม่มีอะไรจะปิดบังแล้ว”
จูเก๋อหมิงเอ่ยถาม “ก่อนหน้าที่จะวางยา ชูเซี่ยก็โดนพิษอยู่ก่อนแล้ว ก่อนหน้านั้นเจ้าวางยาที่ไหนหรือ”
หลิวมี่เหอยิ้ม “คนมีใจทำร้ายคนไร้ใจ นั่นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ข้าเคยไปที่เรือนจื่ออี๋มาก่อน เสี่ยวฉิงบอกว่านางก็ชอบดื่มชากุหลาบเช่นกัน ข้าจึงส่งไปให้เสี่ยวฉิง แต่ว่าให้ใส่ไปสองวันครั้ง พอดื่มหมด ข้าก็ส่งไปให้อีก วันนั้นที่นางเข้าวัง พอตกดึกก็ยังไม่กลับมา ใจข้ารู้สึกว่าอาจจะถูกตรวจพบเข้าแล้ว จึงต้องระมัดระวังให้รอบคอบมากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้ใครสงสัยในตัวข้า ดังนั้น วันถัดไปข้าจึงส่งชาที่ไม่มีพิษให้ แต่ข้าวางยาไปตั้งหลายวันแล้ว จะยอมปล่อยนางไปได้เชียวหรือ ต่อมาข้ารู้ว่านางไปหาฉ่ายเวินทุกวัน และกินของว่างที่ทางฉ่ายเวินให้คนเตรียมไว้ให้ ดังนั้น ข้าจึงอาศัยอำนาจควบคุมการเบิกวัตถุดิบในคลัง วางยาในน้ำตาลก้อน แบบนี้ แม้จะตรวจพบพิษในตอนท้าย ทุกคนก็ต้องคิดว่าคนวางยาคือฉ่ายเวิน ไม่สงสัยมาถึงข้าแน่นอน แต่นึกไม่ถึงว่าพวกท่านจะตรวจวัตถุดิบที่ใช้ทำขนม ทั้งยังสืบจากน้ำตาลก้อนมาจนถึงข้าได้ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าก็ไม่คิดจะพูดอะไรแก้ต่างให้ตนเอง ท่านอ๋องจะฆ่าก็ฆ่าเถอะ ถึงอย่างไรข้าก็เบื่อกับการมีชีวิตอยู่แล้ว”
ฉ่ายเวินพูดด้วยความโมโห "จิตใจชั่วช้าเสียจริง แล้วยังคิดจะโยนความผิดมาใส่ข้าอีก ตอนที่ศิษย์พี่ไม่เชื่อข้า ข้าเกือบจะจบชีวิตตัวเองไปแล้ว ข้าไปทำอะไรให้เจ้าเคืองใจหรือ เจ้าถึงได้วางยาข้าแบบนี้" เสียงของฉ่ายเวินเปลี่ยนเป็นสูงแหลมขึ้นมา ราวกับว่าเอาความโกรธแค้นที่อัดอั้นในใจระเบิดออกมา การที่ถามนางเช่นนี้ มันเหมือนกับว่าหลิวมี่เหอลอบวางยานางมาหลายครั้งแล้ว
หลิวมี่เหอจ้องนางสักพักใหญ่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร การที่ทั้งสองปะทะสายตากันเช่นนี้ ดูไปแล้วก็เป็นความโกรธเคืองที่คนนอกมองแล้วไม่เข้าใจ
สุดท้ายหลิวมี่เหอก็หลุบตาลงเบา ๆ แล้วกล่าว "ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเจ้า"
"ไม่ได้ตั้งใจ แค่นี้หรือ เจ้าเกือบจะฆ่าข้าด้วยซ้ำ!" ฉ่ายเวินกำหมัดแน่น ไฟโทสะในดวงตาลุกโชน
หลิวมี่เหอหัวเราเบา ๆ พลางมอวนางอย่างเย้ยหยัน "แต่ตอนนี้เจ้ายังยืนอยู่ดีในที่นี้นี่"
"เป็นเพราะข้าดวงแข็ง แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าไม่มีความผิด!" ฉ่ายเวินว่าอย่างเย็นชา
จูเก๋อหมิงมองทั้งสองแล้ว ในใจก็รู้สึกมีอะไรบางอย่างผิดแปลกไป แต่ก็บอกไม่ถูกว่าผิดที่ตรงไหน แน่นอนว่าฉ่ายเวินเกือบจะฆ่าตัวตาย เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธ์ของตน แต่เพราะเหตุนี้ นางต้องโกรธแค้นขนาดนั้นเลยหรือ แต่ท้ายสุดแล้วหลิวมี่เหอก็ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่นางตั้งแต่แรก
ชูเซี่ยเองก็มองเห็นจุดนี้เช่นกัน แม้นางจะไม่เข้าใจจิตใจคน แต่จากการสังเกตุดวยสายตาเฉียบแหลม ทำให้สัญชาตญาณบอกกับนางว่า ความชิงชังระหว่างฉ่ายเวินกับหลิวมี่เหอไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ส่วนหลี่เฉินเย่น ใจของเขาสนแต่ชูเซี่ยเท่านั้น ทั้งยังเชื่อมั่นในตัวฉ่ายเวินมาก ดังนั้น ในเวลานี้จึงไม่สงสัยอะไร แค่เห็นว่าทั้งสองอยากจะเอาชนะฝ่ายตรงข้าม ก็รู้สึกรำคาญ จากก็พูดอย่างหงุดหงิด "เอาล่ะ เรื่องนี้ข้าจะเป็นคนจัดการเอง ในเมื่อโหรวเฟยชอบเรือนโม่หลานขนาดนี้ ต่อไปก็อยู่แต่ในเรือนโม่หลานเถอะ หากไม่มีคำสั่งข้าก็ออกไปไม่ได้ชั่วชีวิต!"
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือค่ำสั่งห้าม ทั้งยังเป็นการห้ามไปชั่วชีวิต
หลิวมี่เหอยิ้ม "ท่านอ๋องไม่ฆ่าข้าหรือ ข้าคิดว่าทำร้ายยอดดวงใจของท่านแล้ว ท่านจะฆ่าข้าโดยไม่เวทนาเสียอีก วันนี้แค่สั่งห้าม มันทำให้ข้าดูถูกท่านจริง ๆ"
จูเก๋อหมิงเห็นนางยังมีใจยั่วโทสะหลี่เฉินเย่น ก็รู้เลยว่านางตระหนักถึงความตายแล้ว "น้องมี่เหอ การฆ่าเจ้าจะง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ เฉินเย่นแค่นึกถึงหน้าพ่อแม่เจ้า พวกเขาสูญเสียบุตรีไปแล้วหนึ่งคน วันนี้ก็เหลือเพียงเจ้าแล้ว ในญานะคนเป็นลูก เจ้ายังไม่ได้ทำหน้าที่ลูกตัญญูเลย" เขาพูดเช่นนี้เพื่อเตือนสติมี่เหอ แม้จะเพื่อบิดามารดาก็ไม่ควรทำร้ายตัวเอง
มี่เหอได้ยินแล้ว หน้าที่ขาวซีดก็เริ่มจะแดงขึ้นมา มองจูเก๋อหมิงด้วยความตะลึงงัน น้ำตาแห่งการอดกลั้นไหลออกมาจากดวงตา ท้ายสุดแล้วก็ไหลลงอย่างเงียบ ๆ
ชูเซี่ยไม่กล้ามองนางโดยตรง จึงได้แต่ก้มหน้ามองมือตัวเอง ผ้าพันแผลที่พันเอาไว้มีรอยเลือดสีแดงสดซึมออกมา นางรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่เอ่อล้นออกมาจากอก นางรู้ดีว่าทุกครั้งที่ตนเองเสียใจจะมีความรู้สึกเจ็บขึ้นมา นางเสียใจกับหลิวมี่เหอ เป็นความเสียใจอย่างแท้จริง นางคิดว่าบางทีอาจเป็นเพราะในหัวของนางมีความทรงจำของหลิวหยิงหลง ดังนั้นจึงจดจำมิตรภาพในวัยเยาว์ที่มีร่วมกับหลิวมี่เหอได้เป็นอย่างดี
อีกอย่าง ในตอนนี้ภาพบิดามารดาของหลิวหยิงหลงที่นางไม่เคยพบมาก่อนปรากฏเด่นชัดในหัวนาง นางเอ่ยเสียงเบา "เฉินเย่น..."
หลี่เฉินเย่นหันไปมองนาง "หากเจ้าขอร้องเพื่อนาง ข้าก็จะฆ่านางเสีย!"
หลิวมี่เหอตัวสั่นนิด ๆ พลางจ้องหลี่เฉินเย่น ออกแรงยืนตั้งตัวตรง ราวกับพยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีของนาง แม้กระทั่งการหายใจก็ยังค่อนข้างเร็ว นางไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่หมุนตัวกลับไปช้า ๆ แล้วเดินเข้าไปในห้อง จากนั้นก็ปิดประตูเบา ๆ
ราวกับว่าร่างกายมีความรู้สึกเดียวกัน วินาทีนั้นน้ำตาของชูเซี่ยพลันไหลออกมาทันที ใจของพี่น้องสื่อถึงกัน นางรู้ว่าหลิวหยิงหลงต้องโกรธเคืองที่นางไม่ได้ปกป้องน้องสาวให้ดี
นางเองก็ค่อย ๆ หมุนตัว คิดหมายจะเดินจากไป ทว่า หลี่เฉินเย่นกลับดึงรั้งนางไว้เสียก่อนพร้อมกับกล่าวอย่างนิ่งและจริงจัง "เจ้าอาจจะคิดว่าข้าใจร้าย ข้าแค่ซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเอง นางทำร้ายเจ้า ก็เหมือนกับเอามีดมากรีดใจข้า เจ้าไม่ควรสงสารนาง นางสมควรได้รับโทษแล้ว"
ชูเซี่ยมองเขาเงียบ ๆ น้ำเสียงไม่สั่นเครือ "แต่ท่านก็ควรจะเข้าใจให้ชัดเจนด้วย ว่าความผิดของนางนั้นมีต้นเหตุมาจากที่ใด!"
หลี่เฉินเย่นยิ้มหยัน "เจ้ารู้สึกผิดหรือ รู้สึกเสียใจหรือ ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะนางบอกกับข้าต่อหน้าเรื่องที่ทำร้ายเจ้าล่ะก็ ข้าจะทำเรื่องไร้จิตใจไร้มนุษยธรรมแบบนี้กับเจ้าหรือ เจ้านึกถึงความรู้สึกแบบพี่น้องกับนาง แล้วเจ้าเอาข้าไปไว้ที่ไหนหรือ หรือว่า..."
"เฉินเย่น!" จูเก๋อหมิงรีบโพล่งปากยั้งไว้ทันที "เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร ตอนนั้นพระชายาก็คือพระชายา วันนี้ชูเซี่ยก็คือชูเซี่ย ๆม่ใช่คน ๆ เดียวกัน เจ้าจะเอาความรู้สึกในตอนนั้นของพระชายาในตอนนั้นมาใส่ชูเซี่ยทำไม"
ในจวนแห่งนี้ยังมีคนอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะฉ่ายเวินที่ยังอยู่ จากการสังเกตุของเขาเมื่อครู่นี้ เขาพบว่าการแสดงออกของฉ่ายเวินดูเหมือนจะไม่ง่ายเลยทีเดียว เขาไม่อาจปล่อยให้ชูเซี่ยเอาตัวไปอยู่ท่ามกลางอันตรายได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...