ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 84

สรุปบท ตอนที่ 84 รู้เขาไม่รู้ใจ: ชายาเกิดใหม่ของข้า

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 84 รู้เขาไม่รู้ใจ – ชายาเกิดใหม่ของข้า โดย ลิ่วเยว่

บท ตอนที่ 84 รู้เขาไม่รู้ใจ ของ ชายาเกิดใหม่ของข้า ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ลิ่วเยว่ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 84 รู้เขาไม่รู้ใจ

เมื่อสองปีก่อนเขาเกิดอาการพิษกำเริบ แต่ชูเซี่ยช่วยชีวิตเขาเอาไว้ แม้พิษภายในร่างจะไม่ได้ถูกขจัดไปจนสิ้น แต่ชูเซี่ยสกัดพิษไว้ ณ ตำแหน่งหนึ่งในร่างกายของเขา เพียงแค่เขาเชื่อฟัง ไม่ดื่มเหล้าแรง ๆ ไม่ทำพฤติกรรมที่ทำให้พิษกระจายก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวชีวิต

ตอนนี้สั่งเหล้าเซาเตาจื่อมา ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ชูเซี่ยจะโมโห

"ท่านต้องรีบกลับไปเยว่โจว เพราะสถานการณ์ตอนนี้ตึงเครียดมาก" ชูเซี่ยเตือนเขา

"ข้่าหยอกเจ้าเล่น วางใจเถอะ ท่านผู้นั้นเรียกข้ากลับมาเมืองหลวงเพื่อเฝ้าไข้ เพราะไทเฮาประชวรหนัก" ความเศร้าโศกฉายขึ้นมาบนหน้าตาอันหล่อเหลาของท่านอ๋องเก้า แม้ไทเฮาจะไม่ใช่มารดาแท้ ๆ ของเขา แต่ก็เลี้ยงเขามากับมือตั้งแต่เล็ก ในตอนแรกที่ฮ่องเต้จะฆ่าเขา ไทเฮาก็พยายามปกป้องให้เขาได้มีชีวิตอยู่ต่อ เขารู้สึกซาบซึ้งในตัวไทเฮามาตลอด

"จริงหรือ" ชูเซี่ยถามเหมือนไม่เชื่อเขา

อ๋องเก้าพูดกับนางเบาๆ "จะหลอกไปทำไมกัน ข้าเข้าวังไปพบฮ่องเต้กับไทเฮาแล้วแน่นอนว่าความหมายที่แท้จริงของพระองค์คือไม่ใช่ให้ข้ากลับมาเฝ้าไข้ แต่ให้ข้ามาเพื่อกันภัยพิบัติให้เขาหาก"

"กับภัยพิบัติอะไรหรือ" ชูเซี่ยถามด้วยความตกใจ

อ๋องเก้าตอบว่า "ท่านราชครูบอกว่าปีนี้ดวงจื่อเวยหนีฝ่าฝุ่น จะมีภัยพิบัติเกิดขึ้น ต้องหาคนที่มีสายโลหิตเกี่ยวข้องกับตนเองมาสกัดกั้นไว้ถึงจะหลบหลีกภัยยี้ได้ เขากลัวว่าข้าจะตายที่เยว่โจว ดังนั้นจึงรีบเรียกข้าเข้าวังแล้วให้ยาถอนพิษแก่ข้า แต่ข้ายังไม่ได้กินมันหรอก"

ชูเซี่ยไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี "เขาเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยหรือ ท่านกับเขาเป็นพี่น้องกันนี่"

"เป็นพี่น้องกันแล้วอย่างไร นี่เป็นแผนของหลี่อวิ๋นกัง เขาต้องการกำจัดหลี่เฉินเย่น ถึงแม้จะลืมไปแล้วว่าฮ่องเต้ยังมีข้าที่เป็นพี่น้องที่เหลือรอดเพียงคนเดียว" อ๋องเก้าพูดอย่างเย็นชา "เจ้าเด็กนั่นก็นับได้ว่าโหดเหี้ยม นิสัยเหมือนกับพ่อเขา"

ชูเซี่ยรู้สึกสะเทือนใจ ส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ "ท่านจะหลอกข้าหรือ อ๋องเจิ้งหย่วนจะเป็นคนแบบนั้นหรือ แม้เขากับหลี่เฉินเย่นจะมีเรื่องบาดหมางกัน แต่ก็ไม่ถึงขั้นเอาชีวิตเขา ท้ายสุดแล้วก็เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน ตัดสายสัมพันธ์กันไม่ขาดหรอก"

อ๋องเก้าหัวเราะหยัน "งั้นหรือ ต่อให้ไม่ใช่เจตนาของเขา แต่ก็เป็นความคิดของคนที่หนุนหลังเขา เขาไม่เคยคัดค้าน แสดงว่านี่ก็เป็นความคิดของเขาเช่นกัน เด็กน้อย ประสบการณ์ชีวิตเจ้าน้อยเกินไปแล้ว เจ้ายังไม่รู้จักความน่ากลัวของใจคน"

ชูเซี่ยยังไม่เชื่อว่าท่านอ๋อนผู้มีใจรักภรรยาผู้นั้นจะทำเรื่องขาดสติพวกนั้นได้ แต่นางก็เชื่อว่าอ๋องเก้าไม่ได้หลอกนาง

ชูเซี่ยนิ่งเงียบไปสักพัก จากนั้นก็พูดขึ้นมา "ในเมื่อให้ยาถอนพิษท่านแล้ว ท่านก็กินมันเถอะ"

อ๋องเก้ามองนางอย่างหยอกเย้า "ทำไม? เจ้ากลัวว่าข้าจะพิษกำเริบไปทั่วร่าง จากนั้นก็จะทำให้สามีผู้แสนดีของเจ้าตายแทนอย่างนั้นหีือ"

ชูเซี่ยกลอกตาใส่เขา "ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น"

อ๋องเก้าเอามือเท้าเอวแล้วดื่มเหล้าเซาเตาจื่อ จากนั้นก็รินเหล้าใส่แก้วแล้วหยิบยาถอนพิษออกมาจากอกเสื้อ ละลายมันในเหล้าแล้วดื่มมันลงไป อารมณ์โศกเศร้าฉายขึ้นมาบนหน้าเขา "ดี ยากนักที่เขาจะนึกถึงน้องชายคนนี้อย่างข้า ช้าเร็วอย่างไรก็ต้องตายในมือเขาอยู่ดี ช้าก็ตาย เร็วก็ตาย สู้ให้มันจบไปโดยเร็วเสียยังจะดีว่า จะได้รับความทุกข์ทรมานน้อยลง"

ชูเซี่ยรู้สึกโศกเศร้า นิ่งเงียบไม่ส่งเสียงใด

อ๋องเก้าพูดอีกว่า "เขาถามข้าเรื่องเจ้า"

ชูเซี่ยอึ้งไปอีกครั้ง "ทำไมเขาถึงได้ถามเรื่องข้ากับท่านเล่า เขารู้ว่าพวกเรารู้จักกันหรือ"

"เขาไม่รู้หรอก แต่เจ้าเป็นหมอที่มีชื่อเสียงในเยว่โจว ช้าเป็นอ๋องแห่งเยว่โจว เขาเตรียมใจเอาไว้แล้ว จะไม่เอ่ยถามเลยหรือ ว่ากันอีกอย่างก็คือ ตอนนี้เจ้าเป็นคนสูงส่งของเขา เขายืนกรานจะแต่งเจ้าเข้าวัง ต้องหาวิธีทำความรู้จักกับเจ้าทางใดทางหนึ่งแน่"

"คนสูงส่ง!" ชูเซี่ยแสยะยิ้ม "ดูเหมือนว่าท่านเข้ามาเมืองหลวงได้ไม่นานก็รู้ข่าวคราวตั้งมากมาย แม้แต่ราชครูพูดอะไรกับเขาก็ยังรู้ ท่านอยู่ในเมืองหลวงต้องมีสายอยู่ภายในเยอะมากใช่หรือไม่"

อ๋องเก้ายิ้มเงียบ ๆ หยิบไหเหล้าขึ้นมาแล้วรินลงแก้วอีกครั้ง หลังจากที่ดื่มไปไม่กี่แก้ว ไอทะมึนตรงหน้าผากเขาก็มลายหายไป กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ พิษในตัวเขาถูกขจัดไปแล้ว

ชูเซี่ยจ้องเขา "ข้ารู้ว่าท่านต้องการล้างแค้น แต่ท่านดึงข้าเข้ามา มันจะไม่ใจแคบไปหน่อยหรือ"

อ๋องเก้ายิ้มพลางมองนาง "ชูเซี่ย เจ้าฉลาดหลักแหลมจริง ๆ ไม่ผิด ราชครูเป็นคนของข้า แต่ว่า ข้าสาบานต่อสวรรค์ก็ได้ นอกเรื่องชะตาลิขิตที่ความคิดของข้าแล้ว คนสูงส่งอะไรนั่นล้วนแต่เป็นความคิดของหลี่อวิ๋นกัง เขารู้ว่าเจ้ากับหลี่เฉินเย่นมีความรู้สึกส่วนตัวต่อกัน ดังนั้น ราชครูจึงทูลต่อหน้าฝ่าบาท บอกว่าเจ้าสามารถให้กำเนดโอรสสวรรค์แก่เขาได้ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ช่วยให้เขาผ่านพ้นเคราะห์ภัยไปได้ เป้าหมายของเขาคือต้องการให้เจ้ากับหลี่เฉินเย่นแตกแยกกัน แต่เรื่องนี้ก็ต้องโทษเจ้าด้วยที่เจ้าร่วมมือด้วยดี เจ้าใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็รักษาโรคปวดหัวเรื้อรังของเขาให้หายดีได้ ทำให้เขายิ่งเชื่อถือคำพูดของราชครูมากขึ้นไปอีก"

ชูเซี่ยยิ้มแสยะยิ้ม “ในเมื่อการหาคนใกล้ชิดที่สุดมากีดกันการขู่บังคับคือความคิดของท่าน แล้วทำไมเมื่อครู่นี้ถึงได้พูดว่าหลี่อวิ๋นกังมีใจอยากทำร้ายเฉินเย่นด้วยเล่า ท่านคิดจะยุให้พี่น้องแตกคอกันหรือ”

อ๋องเก้าหัวเราะอย่างออกรสออกชาติอยู่สักพักใหญ่ “ชูเซี่ยน้อย เจ้าคิดง่ายเกินไปแล้ว แม้ว่านั้นจะเป็นความคิดของข้า แต่เจ้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าหลี่อวิ๋นกังไม่มีความคิดจะปองร้ายหลี่เฉินเย่น เรื่องแสลงใจของพวกเขาพี่น้อง ตอนนี้คนทั้งแคว้นต่างก็รู้ดี”

ชูเซี่ยขมวดคิ้วมองเขา “ท่านไม่ต้องพูดคำพูดจำพวกคล้ายกับใช่ แต่แท้จริงนั้นไม่ใช่กับข้าหรอก ข้าเข้าใจที่ท่านคิดทำเช่นนี้ ท่านไม่เพียงแต่ต้องการให้ฮ่องเต้อนุญาตให้ท่านกลับเมืองหลวงและพระราชทานยาขจัดพิษล้างพิษในตัวท่าน แต่การที่ท่านโยนข้าลงน้ำแบบนี้ ทั้งยังทำเรื่องจำพวกคนสูงส่งเรื่องภัยพิบัติอะไรนั่นอีก เป้าหมายของท่านบรรลุแล้ว แต่ข้าจะถอนตัวออกมาได้อย่างไร”

ในที่สุดความรู้สึกผิดก็ฉายขึ้นมาบนหน้าอ๋องเก้า เขามองชูเซี่ยพลางพูด “ขอโทษด้วย แรกเริ่มเดิมทีข้าไม่คิดอยากจะโยนเจ้าลงน้ำ ตอนแรกหลี่อวิ๋นกังอยากให้ราชครูทูลต่อหน้าฮ่องเต้ว่าเจ้าเป็นคนสูงส่งของเขา ข้าก็แค่ต้องการวางแผนซ้อนแผนเท่านั้น แต่เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะพยายามหาทางแก้ปัญหาให้เจ้าเอง”

ชูเซี่ยลุกขึ้นยืน ใจเย็นเหมือนกับอากาศข้างนอกก็ไม่ปาน นางเคยเห็นว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดี แต่ตอนนี้กลับไม่พูดอะไรแล้วก็ขายนองออกไป นางตาบอดแล้วจริง ๆ นางมองอ๋องเก้าพลางพูดขึ้นมาเบา ๆ “ไม่ต้องหรอก นับแต่นี้เป็นต้นไปพวกเราจะไม่รู้จักกัน” พูดจบ นางก็รีบสาวเท้าออกไป

ฉ่ายเวินเห็นว่าชูเซี่ยไม่โทษนาง สีหน้าก็ดูผ่อนคลายลง นางดึงมือชูเซี่ยไว้ บนใบหน้ายังมีสีหน้าแห่งความอึดอัดอยู่ "วันนี้ได้ยินศิษย์พี่พูดเหมือนท่านเป็นตัวแทนหลิวหยิงหลง ในใจท่านคงรู้สึกแย่ใช่หรือไม่"

"ทำไมล่ะ" ชูเซี่ยค่อนข้างตกใจ แต่ก็ยังฝืนยิ้มรับมือฉ่ายเวิน

“ข้ารู้ว่าพี่สาวในใจของพี่สาวรู้สึกแย่ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมศิษย์พี่ถึงได้ชอบผู้หญิงมือโหดใจเหี้ยมอย่างหลิวหยิงหลงได้ หลังจากนางตายไปแล้วก็ยังจำนางไว้ไม่ลืมเลือน ไม่รู้ว่านางมีดีตรงไหนกัน” ฉ่ายเวินพูดอย่างไม่พอใจ

อยู่ ๆชูเซี่ยก็นึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ นางมองฉ่ายเวินแล้วพูด “เจ้าบอกว่าหลิวหยิงหลงผลักเจ้าลงน้ำ เจ้าเห็นชัดว่าเป็นนางหรือ”

แววตาของฉ่ายเวินนิ่งสงบ ทว่าบนใบหน้ากลับฉีกยิ้มหยัน “พี่สาวคิดว่าข้าโกหกหรือ”

ชูเซี่ยอธิบายว่า “ไม่ใช่ ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อเจ้า แค่ได้ยินว่าก่อนหลิวหยิงหลงตายนางแก้ตัวว่านางไม่ได้ผลักเจ้าลงน้ำ นางใกล้จะตายแล้ว คงไม่โกหกหรอกกระมัง ตอนนั้นเป็นนางที่ผลักเจ้าลงน้ำกับมือเองหรือสั่งให้สาวใช้ผลัก เจ้าจำได้หรือไม่”

ฉ่ายเวินพูดเน้นย้ำทีละคำ “เป็นนางที่ผลักข้าเองกับมือ!”

ชูเซี่ยขมวดคิ้ว “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมนางต้องฆ่าเจ้าด้วย ตอนที่นางทำร้ายเจ้า นางได้พูดอะไรกับเจ้าหรือไม่”

ในแววตาของฉ่ายเวินฉายแววแห่งความเคียดแค้น นางพูดว่า “นางบอกว่าศิษย์พี่ชอบข้า ขอแค่ข้าตาย ก็จะได้ครอบครองศิษย์พี่ไว้เพียงคนเดียว แล้วก็ นางจะโยนความผิดเรื่องการตายของข้าให้หลิวมี่เหอ ตอนที่นางพูดเรื่องพวกนี้ ข้างกายนางไม่มีสาวใช้อยู่สักคน แต่มีสาวใช้เดินอยู่ไกล ๆ ข้าเชื่อว่าตอนนั้นจะต้องมีคนเห็นนางลงมือแน่ ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมต่อมาศิษย์พี่ถึงได้ไม่ไต่สวนสอบถามสาวใช้ ทั้งยังแต่งนางเข้าจวนอีก”

ชูเซี่ยมุ่นคิ้วคิดอยู่สักพัก ทว่าในหัวของนางกลับไม่มีความทรงจำแบบนั้นเลย แต่ก็ไม่ใช่ว่านางไม่เชื่อฉ่ายเวิน สมองของคนนั้นประหลาดมาก มันเลือกลืมเรื่องบางเรื่องที่ตนเองไม่อยากจำ ในสมองของหลิวหยิงหลงไม่มีฉากพวกนี้เลย หรือเท่าที่นางพอจะนึกได้

“ข้าได้ยินว่าตอนแรกจะไต่สวนสาวใช้คนนั้น แต่ฮองเฮาทรงยับยั้งเอาไว้ก่อน ทรงตรัสว่าไม่มีหลักฐานแน่ชัด คดีนี้จึงถูกยับยั้งเอาไว้ ศิษย์พี่ของเจ้าจึงจำต้องแต่งงานกับหลิวหยิงหลง”

ฉ่ายเวินพูดอย่างโมโห “ในเมื่อถูกบังคับให้แต่งกับนาง ในใจก็ยังสงสัยเรื่องที่นางทำร้ายข้า ทำไมสุดท้ายแล้งถึงได้รักนางมากขนาดนั้นกัน จนกระทั่งหลังจากนางตายไปแล้ว ก็ยังมาทำเหมือยข้าเป็นตัวแทนนางอย่างนั้นหรือ อีกอย่าง ข้าไม่เข้าใจเหมือนกัน ท่านไม่เหมือนกับหลิวหยิงหลงแม้แต่นิด ทำไมถึงได้เห็นท่านเป็นตัวแทนคนรัก แต่ไหนแต่ไรมาศิษย์พี่ก็ไม่ใช่คนไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจขนาดนั้น”

ชูเซี่ยส่ายหน้า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”

ในใจกลับรู้สึกว่าการที่ฉ่ายเวินมาที่นี่ไม่ใช่เพื่อขอรับโทษ แต่เพื่อบ่งชี้สถานะของนาง

นางเป็นตัวแทน ฉ่ายเวินย้ำเตือนนางครั้งแล้วครั้งเล่า แม้จะไม่รู้ว่าวัตถุประสงค์ของฉ่ายเวินคืออะไร แต่ก็ใช่ว่าท่าทีที่แสดงออกของนางจะง่ายขนาดนั้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า