ตอนที่ 85 ป่วยนานไม่หาย – ตอนที่ต้องอ่านของ ชายาเกิดใหม่ของข้า
ตอนนี้ของ ชายาเกิดใหม่ของข้า โดย ลิ่วเยว่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 85 ป่วยนานไม่หาย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 85 ป่วยนานไม่หาย
ค่ำคืนนั้นหลี่เฉินเย่นไม่ได้กลับ ไทเฮาประชวรหนัก เขาจึงเข้าวังไปเฝ้าไข้ ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้ชูเซี่ยเข้าวังเพื่อรักษาไทเฮา แต่กลับถูกไทเฮาปฏิเสธ
ปีที่แล้วไทเฮาทรงลื่นล้มจนศีรษะกระแทก การมองเห็นก็เริ่มเลือนลาง ต่อมาก็ค่อย ๆ มองไม่เห็นสิ่งของ พระนางมีนิสัยดื้อรั้น แม้จะมองไม่เห็น ก็มักจะแสร้งทำเป็นมองเห็นต่อหน้าคนในวัง หลังจากที่เดินสะดุดไปหลายครั้ง อารมณ์ของพระนางก็เริ่มรุนแรงขึ้น ทั้งยังไม่ยอมให้หมอหน้าไหนมารักษา ทรงตรัสว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องตายอยู่ดี ทำไมต้องลากพระนางไปพบกับความเหนื่อยยากทุกข์ทรมาน ดังนั้น ในเมื่อพระนางไม่รักษาก็ไม่ต้องกินยา หากจะกล่าวอย่างตรงไปตรงมาก็คือกำลังรอความตาย
ตอนแรกเริ่ม ฮ่องเต้ทรงฉวยโอกาสตอนที่พระนางหลับแอบให้หมอไปรักษาพระนาง แต่หลังจากสูญเสียการมองเห็นไปก็มีความรู้สึกไว บวกกับประสาทสัมผัสหูไวมากจึงถูกพระนางพบเข้าจนทรงกริ้วอย่างหนัก โยนหมอนข้างทิ้งบนพื้นแล้วต่อว่าฮ่องเต้ยกใหญ่ “เจ้าอยากให้ข้าทรมานอีกนานแค่ไหน ข้าอยากตายก็ไม่ได้หรือ ปล่อยให้ข้าจากไปอย่างสงบ ไม่ทอดทิ้งข้าอีกก็พอแล้ว เว้นแต่พวกเจ้าจะรักษาตาข้าให้หายดีได้”
นี่เป็นครั้งแรกที่พระนางยอมรับการสูญเสียการมองเห็นของพระนางเอง หลังจากตรัสจบก็ร่ำไห้ออกมายกใหญ่ “ฮ่องเต้พระองค์ก่อน ได้โปรดรีบมารับตัวข้าไปเถิด ข้าไม่อยากอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว ต้องทุกข์ทรมานแบบนี้สู้ตายไปเสียยังจะดีกว่า!”
ประสบพบเจอเพียงครั้งเดียว มีหรือที่ไหนที่ฮ่องเต้จะกล้าส่งหมอไปรักษาพระนางอีก เพียงแค่ซุปบำรุงสายตาให้พระนางทุกวัน แต่ก็ไม่ได้ผล พระนางค่อย ๆ พ่ายผอมลง หลังจากวันฟ้าฝนกระหน่ำ ร่างกายของพระนางก็เริ่มเจ็บปวดเมื่อย บวกกับความรู้สึกที่ทนรับไม่ได้ อารมณ์หงุดหงิดของพระนางจึงสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มีครั้งหนึ่งที่บั้นพระองค์ปวดขึ้นมา พอคลำลงจากพระแท่นบรรทมก็หงายหลัง ถูกมามาดึงลงไปกับพื้น มามาคุกเข่าบนพื้นร้องไห้อยู่นานถึงได้ล้มเลิกความคิดที่จะฆ่าตาย
ภาพที่ทั้งสองโอบกอดร้องไห้ด้วยกันก็ทำให้ฮ่องเต้ที่ทราบข่าวทอดพระเนตรเห็นแล้วก็ปวดพระทัยจนต้องหันหนีจากไป นับแต่นั้นมาก็ไม่กล้าไม่เชื่อฟังความคิดของไทเฮาอีก
หลังจากการเอะอะในครั้งนั้น อาการประชวรของไทเฮาก็หนักขึ้น สองวันนี้ได้แต่นอนอยู่บนเตียงไม่อาจลุกขึ้นได้ ฮ่องเต้ทรงกังวลเกี่ยวกับพระวรกายของไทเฮา ดังนั้นจึงถามความเห็นของชูเซี่ยอย่างไม่มีทางเลือก
ฝนหนักหยุดตกไปแล้วสองวัน วันนี้ช่วงบ่ายอากาศก็เริ่มอึมครึม ฮ่องเต้.. เงยพระพักตร์มองท้องฟ้าที่มืดครึ้มอึมครึม ในอากาศมีกลิ่นไอน้ำฝน … ใจของพระองค์ร้อนรน … "ไปเชิญท่านราชครูมา"
ราชครูเข้ามาอย่างรวดเร็ว ฮ่องเต้ชำเลืองทอดพระเนตรเงียบ ๆ จากนั้นก็หันกายแล้วเดินเข้าไปในห้องทรงอักษร..
ราชครูเดินตามเข้าไป ...
ฮ่องเต้ตรัสอย่าง… "... หากเป็นแบบนี้ต่อไป … อาการประชวรของไทเฮา… หากเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่เกินสามวันนี้…!" พระองค์… พูดอย่าง.. "ข้าสั่งให้ท่านคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาพวกนี้ ไม่ว่าจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ ใช้คนมากน้อยแค่ไหน ข้าก็..."
ราชครูกล่าวว่า "ฝ่าบาท กระหม่อมเคยทูลไปแล้วว่าฝนที่ตกอยู่ในเวลานี้ไม่ปกติ เป็นเพราะดาวจื่อเวยอับแสง เภทภัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับฝ่าบาท หากไร้หนทางแก้ไขได้ทันเวลา ก็คงต้องได้แต่รอดูว่ามันจะมาถึงเมื่อไหร่ ฝ่าบาท ตอนนี้พระองค์ต้องเมตตาต่อท่านอ๋องเก้าให้มาก เพราะอ๋องเก้ารู้สึกตำหนิฝ่าบาทมากมายหรือกำลังชิงชังฝ่าบาทอยู่ เลยทำให้ความรู้สึกแบบพี่น้องลดลงอย่างมาก พอถึงเวลานั้น อ๋องเก้าก็ไม่อาจปิดกั้นเภทภัยให้ฝ่าบาทได้ อีกอย่าง ฝ่าบาทต้องรีบแต่งแม่นางผู้สูงส่งผู้นั้นเข้าวังให้เร็ว ระงับความอัปมงคลในวังหลัง พระอาการของไทเฮาก็จะหายดีเป็นปติพ่ะย่ะค่ะ"
"เรื่องแต่งตั้งสนมจะรีบร้อนได้ที่ไหนกัน" พระเนตรของฮ่องเต้ฉายประกายวาบ "ยังมีวิธีอื่นที่สามารถรักษาโรคของไทเฮาได้หรือไม่"
ชะงักไปชั่วครู่ เขาถามขึ้นมาอีกว่า "สิ่งอัปมงคลวังหลังก่อความวุ่นวาย เป็นเพราะวิญญาณชูเซี่ยที่เป็นชายาอ๋องหนิงอันแต่กาลก่อนก่อกวนใช่หรือไม่ ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าบอกให้ข้ามอบตำแหน่งรัชทายาทให้เฉินเย่น ดังนั้น นางจึงเป็นชายาของรัชทายาท หากเป็นแบบนี้แล้วจะยังช่วยแก้ไขปัญหาได้อีกหรือ"
ราชครูส่ายหน้าแล้วกล่าว "ฝ่าบาท กระหม่อมไม่เคยบอกว่าชายาอ๋องหนิงอันเป็นตัวอัปมงคล แต่ในทางตรงกันข้าม กลับหญิงผู้สูงส่งในเวลานี้ต่างหาก และมันจะเป็นการส่งชายาอ๋องหนิงอันข้างกายฝ่าบาทในช่วงเวลาที่มืดมน นอกจากหญิงสูงส่งผู้นี้แล้วก็ไม่มีใครสามารถยับยั้งความอัปมงคลนี้ได้อีก"
"ข้าเป็นลูกมังกรสวรรค์ ข้าก็ยับยังสิ่งอัปทงคลนั้นไม่ได้หรือ" ดูเหมือนฮ่องเต้จะไม่ค่อยพอพระทัย
ทันใดนั้นราชครูก็คุกเข่าทันที "กระหม่อมหมายความเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ เพียงแค่เวลานี้ไอมังกรของฝ่าบาทลดลง ดาวจื่อเวยอับแสง จึงไม่ควรที่จะไปต้านทานกับสิ่งอัปมงคลพ่ะย่ะค่ะ มีทางเดียวคือต้องแต่งหญิงสูงส่งผู้นั้นเข้าวังถึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ" เขาหยุดชั่วครู่แล้วพูดต่อ "ความจริงฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องแต่งตั้งหญิงสูงส่งผู้นั้นเป็นสนมทันทีก็ได้ เพียงแค่ฝ่าบาทให้หญิงสูงส่งผู้นั้นเฝ้าไข้ที่ตำหนักโส่วหนิง อีกอย่าง เชื่อว่าเพียงแค่หญิงสูงส่งผู้นั้นเข้าวัง ไม่เกินสามวันฝนต้องหยุดตกแน่พ่ะย่ะค่ะ"
"จริงรึ?" ฮ่องเต้ดีพระทัยยกใหญ่ ทั้งยังตรัถามสอีกว่า "ถ้าอย่างนั้นเภทภัยของข้า จะสามารถขจัดไปได้เลยหรือไม่"
ราชครูตอบว่า "หากเภทภัยของฝ่าบาทมาถึงเมื่อใด จะมาในทางไหนก็ไม่อาจเล็ดรอดเข้ามาได้พ่ะย่ะค่ะ เพียงจัดการให้อ๋องเก้าเข้าวังอยู่ใกล้ฝ่าบาทก็จะป้องกันเภทภัยได้ตลอด แต่เรื่องนี้มิอาจแพร่งพรายได้ นอกจากกระหม่อมและฝ่าบาทแล้ว ห้ามใครอื่นรู้อีกเด็ดขาด มิเช่นนั้น เกรงว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงพ่ะย่ะค่ะ"
ฮ่องเต้เงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็ตะโกนขึ้นมา “เสี่ยวเต๋อจื่อ!”
เสี่ยวเต๋อจื่อผลักประตูเข้ามาแล้วโค้งกายพูด “กระหม่อมอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้ตรัสว่า “ออกคำสั่งให้ท่านหมอเวินกับอ๋องเก้าเข้าวังมาเฝ้าไข้ ไม่มีคำสั่งจากข้าก็ออกจากวังไม่ได้”
เสี่ยวเต๋อจื่อตอบรับอย่างแข็งขัน “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”
หลี่เฉินเย่นเข้าวังมาเฝ้าไข้อยู่ก่อนแล้ว ช่วงเวลาเที่ยงคืนฝนเริ่มตกเปาะแปะ เขาเป็นห่วงชูเซี่ยจึงเรียกคนเข้ามาให้ออกจากวังไปดูนาง
เด็กที่รับคำสั่งเพิ่งออกจากประตูใหญ่ตำหนักโส่วหนิงไปก็เห็นชูเซี่ยกับอ๋องเก้าเดินเข้ามาด้วยกัน
เสื้อของชูเซี่ยเปียกไปครึ่งหนึ่ง ผมแนบติดกับหน้าผาก หยดน้ำไหลหยดลง อาจเป็นเพราะรีบร้อนออกมาและไม่ได้สวมเสื้อคลุม นางจึงหนาวจนปากสั่นนิด ๆ
ฮ่องเต้แสดงสีพระพักตร์ดีใจแล้วตรัสว่า “อันหรานมานี่สิ มาให้ข้ากอดหน่อย”
อันหรานเอี้ยวตัวแล้วปีนขึ้นไปบนพระเพลาของฮ่องเต้ ฮ่องเต้หอมแก้มเขา จากนั้นก็แย้มพระโอษฐ์ “นับวันอันหรานของเรายิ่งดูสง่างามขึ้นไปทุกวัน”
สนมหรงก็มีความสุขมากเช่นกัน พระนางเอ่ยปากว่า “ฝ่าบาททรงตรัสอะไรอย่างนั้นเพคะ จะบอกว่าสง่างามได้อย่างไร เทียบกับคำว่าน่ารักยังจะใกล้เคียงกว่า ใช่ไหมอันหราน”
อันหรานเอี้ยวคอมองสนมหรงเฟยพลางพูดอย่างจริงจัง “เสด็จแม่บอกว่าอันหรานหล่อเหมือนกับเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ”
ทุกคนต่างก็หัวเราะออกมา อันหรานอดไม่ได้ที่จะยิ้มเช่นกัน นางใช้สายตาที่มีความรักและเมตตามองอันหราน หลานตัวน้อยของฮ่องเต้ หลานตัวน้อย หลานผู้น่ารักคนนี้เป็นบุตรบุญธรรมของนาง เป็นชีวิตน้อย ๆ ที่นางดึงกลับมา! ดีจริง ความรู้สึกที่ทำให้คนอบอุ่นใจเช่นนี้
ฮ่องเต่เงยพระพักตร์ขึ้น พอได้สัมผัสสายตาแห่งความรักและเมตตาของชูเซี่ยก็นึกถึงคำพูดของราชครู ว่านางให้กำเนิดรัชทายาทแก่เขาได้ ความอบอุ่นก็พลันแล่นขึ้นมาในใจและพลันเกิดความหวังขึ้นมาทันที
หลี่เฉินเย่นที่กำลังยืนอยู่ข้างเขามองเห็นสายตาที่เขามองชูเซี่ยแล้ว ในเวลาถัดมาไฟก็ลุกโชนขึ้นในดวงตา เขาแทบอยากจะก้าวไปลากชูเซี่ยเดินออกไปทันที
ในเวลานี้เสียงไอก็ดังขึ้นมาภายในห้องโถง สีพระพักตร์ของฮ่องเต้พลันขรึมลง ทว่าเสียงหัวเราะกลับสดใสมากกว่าเดิม “เอาล่ะ อันหราน เราไปดูเสด็จย่าทวดกันเถอะ”
อันหรานพูดอย่างดีใจ “พ่ะย่ะค่ะ ไปกัน ไปกัน!”
ฮ่องเต้อุ้มอันหรานเสด็จเข้าไปในห้องโถง สีหน้าของทุกคนก็ย่ำแย่ลงทันที ในเวลานี้รอยยิ้มที่มีอยู่เต็มใบหน้าก่อนหน้านี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมาทันที ชูเซี่ยรู้สึกแปลกใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ฮ่องเต่เดินหลับมาแล้วตะโกนเรียก “เวินหน่วน เจ้าก็มาด้วย”
ชูเซี่ยเงยหน้าขึ้น สัผัสได้ถึงสายตาแปลกใจของบรรดาสนม นางพลันก้มหน้าลงแล้วเอ่ยตอบ “เพคะ!” จากนั้นก็เดินมาเข้าไป
หลี่เฉินเย่นก็เดินตามเข้าไปด้วย ทว่ากลับถูกฮองเฮารั้งไว้เสียก่อน ฮองเฮาส่ายหน้าให้กับเขาเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าไม่ต้องเข้าไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...