ตอนที่422 ทักษะการผดุงครรภ์
วันนี้ หลินอ๋องยืนอยู่ตรงประตูตำหนักสั้นซูเพื่อประกาศเรื่องที่ฆ่าหรงเจี้ยนให้ทั่วเมืองหลวงรู้ แต่หรงเจี้ยนกลับคุกเข่าอยู่ต่อหน้าประตูทางเข้าตำหนักฮ่องเต้ รอให้เขาให้ความเป็นธรรม
ฮ่องเต้เจียเฉิงนอนป่วยอยู่บนเตียงไปสักพักแล้ว ที่ผ่านมาโม่ฉีหมิงเป็นคนจัดการสารนกราบทูลทั้งหมดแทนเขา บางครั้งถ้าอาการของเชาดีขึ้นบ้าง ก็จะให้เขาอ่านการสารนกราบทูลให้เขาฟัง
“ท่านพ่อขอรับ การสารนกราบทูลไม่กี่วันนี้ท่านไม่ต้องฟังจะดียิ่งกว่า ไม่เช่นนั้นให้ลูกอ่านเรื่องที่ขุนนางได้จัดการปัญหาของเมืองโจวให้ท่านฟังจะดีเยี่ยงกว่า” โม่ฉีหมิงจับการสารนกราบทูลไว้แล้วรู้สึกกดดันเบาๆ และตั้งใจจะหลีกเลี่ยงพูดถึงเรื่องพวกนี้
“ไม่เป็นเยี่ยงไร เจ้าอ่านมาเถอะ” ฮ่องเต้เจียเฉิงปรับท่านั่งของตนเองเสร็จ และจ้องมองเขา
โม่ฉีหมิงจึงเอาสาร์นที่ส่งมานานขึ้นมา และแกะอันใดอันหนึ่งออกมาอ่าน
เขาอ่านไปและก็สำรวจการตอบสนองของเขาไป
สาร์นทราบทูลพวกนี้ได้กล่าวถึงแต่เรื่องจองหรงเจี้ยน ทุกคนต่างช่วยหรงเจี้ยนขอความธรรม และร้องขอให้ลงโทษหลินอ๋อง และต้วนกุ้ยเฟยที่อยู่ในคุกก็เหมือนลงโทษในการกระทำความผิดนี้
ฮ่องเต้เจียเฉิงฟังถึงข้างหลัง จึงยิ้มเยาะขึ้น สายตาอันลึกลับของเขากวาดไปยังโม่ฉีหมิง “เจ้าเห็นว่าเป็นเยี่ยงไร?”
โม่ฉีหมิงรู้ว่าเขาตั้งใจถามตนเอง จึงทูลกลับ “น้องเจ็ดเป็นน้องแท้ๆของลูก ต้วนกุ้ยเฟยก็ยังเป็นแม่เลี้ยงของลูก พวกเขาต่างก็เป็นคนในตระกูลของลูกและท่านพ่อ จะเยี่ยงไรก็ตามมันก็ไม่ได้ร้ายแรงเท่าที่เหล่าขุนนางพูดขึ้น
ฮ่องเต้ทำสายตาเลือดเย็น “หลินอ๋องกับเจ้าโกรธแค้นกันมานาน ต้วนกุ้ยยังเป็นศัตรูที่ข้าเป็นแม่เจ้า เจ้าพูดถึงเรื่องที่หลินอ๋องเป็นพี่น้องของตนเอง แล้วไม่ได้รู้สึกฝืนใจตนเองเลยหรือ? หรือว่าเจ้าไม่อยากแก้แค้นแทนเฉินเฟยแล้วหรือ? พวกการสารนกราบทูลที่ขุนนางส่งมาเจ้าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องจริงหรือ? เมื่อวานที่หลินอ๋องแทงเจ้าให้ได้รับบาดเจ็บ เจ้าปล่อยเขาไปง่ายๆเยี่ยงนี้เลยหรือ?”
แต่ละคำพูดของฮ่องเต้เจียเฉิงมีช่างบาดเจ็บใจเขาจริงๆ ทุกคำถามของเขาทำให้โม่ฉีหมิงรู้สึกตกใจ
ก็ได้ เขาเป็นตั้งกษัตริย์ มีอะไรบ้างที่เขาดูไม่ออก เขาอยากจะปกป้องหลินอ๋องให้ดีที่สุด ฉะนั้นต้วนกุ้ยเฟยจะได้ตายจากไปโดยไม่ทิ้งข้อสงสัยให้ใคร
“ท่านพ่อขอรับ ท่านพ่อมองทุกอย่างออกเยี่ยงนี้ ลูกก็ไม่รู้ว่าจะหลบสายตาท่านพ่อได้เยี่ยงไร ท่านนอนป่วยอยู่บนที่นอน ก็พักผ่อนดีๆเถอะขอรับ” โม่ฉีหมิงพยุงตัวของเขาให้นั่งลงตรงๆ
ฮ่องเต้เจีนเฉิงมองเขา “เจ้าอยากจะเยี่ยงนี้? ยังไงข้าก็ยังเป็นกษัตริย์อยู่ ถ้าข้าไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรขึ้น เจ้าก็อย่าคิดเลยว่าจะแตะต้องพวกเขาได้”
โม่ฉีหมิงหยุดชะงักไปสักพัก และหันหน้าไปมองเขา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและทูลกลับด้วยความเฉยชา “ท่านพ่อขอรับ ถ้าท่านพ่อเห็นแก่พวกเขาเยี่ยงนี้แล้วทำไมไม่เห็นลูกและท่านแม่เลย? ตอนนั้นที่ได้หาฆาตกรที่ฆ่าท่านแม่เจอ ท่านกลับไม่ลงมือทำอะไร แล้วตอนนี้ทำเยี่ยงนี้เพื่ออะไร?”
“ลูกรัก ชีวิตนี้ข้าต้องขอโทษแม่ของเจ้ามากที่สุด ข้ารักนาง แต่ไม่ได้สิ่งที่ดีที่สุดกับนาง ให้นางถูกคนต่ำทรามทำร้าย แต่นี่มันก็ผ่านไปแล้ว รอให้เจ้ามีอายุเหมือนข้าตอนนี้ ก็จะรู้เองว่าสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดก็คือครอบครัวตนเอง”
ดังนั้น นี่ก็คือข้ออ้างที่เขาไม่ฆ่าต้วนกุ้ยเฟย และก็กลายเป็นข้ออ้างที่จะไถ่บาปของตนเอง
สีหน้าของโม่ฉีหมิงดูแย่มาก เขากำมือของตนเองใต้แขนเสื้อของตนเอง และเล็บได้จิกเข้าไปในเนื้อของตนเอง
“ท่านพ่อ ลูกทำอย่างที่ท่านพ่อว่าไม่ได้ ท่านพ่อก็รักษาสุขภาพดีๆด้วยขอรับ” โม่ฉีหมิงหันหลังเดินออกไป
ตอนที่เขาเปิดประตูก็ได้ยินเสียงแหบๆดังขึ้น “เจ้าจะทำเยี่ยงไร? จะทำเยี่ยงไรกันแน่?”
เขาไม่ได้หันกลับไป “ถ้าท่านพ่ออยากจะปกป้องหลินอ๋องไว้ นั้นต้วนกุ้ยเฟยก็ต้องเป็นข้าเป็นคนจัดการเอง”
ลมเย็นๆในฤดูใบไม้ผลิได้พัดมากระทบหน้าร่างของโม่ฉีหมิง
เขาก้าวก้าวใหญ่ๆเดินไปข้างหน้า ทันใดนั้นก็หยุดลง แล้วยืนอยู่ตรงศาลาห้องทรงพระอักษรไม่ได้ไปไหน ไม่รู้ว่าตนเองกำลังคิดอะไรอยู่
ไม่ว่าจะเดินไปถึงที่ไหน สุดท้ายเขาก็ต้องกลับไปตำหนักองค์รัชทายาทดีอยู่ เพราะมีแค่ที่นั่น ที่สามารถทำให้เขาสงบสุขได้ ยิ่งตอนที่โล่หวินหลานตั้งครรภ์ ก็ยิ่งทำให้เขาแทบไม่อยากออกไปไหนเลย ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ได้แต่อยู่เป็นเพื่อนนาง
เขากลับไปตำหนักเหมือนเดิม ไม่กี่วันนี้อาการของโล่หวินหลานดูดีขึ้นเยอะ แต่แค่ว่าตอนที่นางดื่มยาบำรุงครรภ์แล้วจะดูแลยากหน่อย เขาไม่ได้ชิมรสชาติ แค่ว่าได้ยินนางพูดว่ามันขม
“เหนียงเหนียง หมอสวินกำชับมาแล้ว ยาบำรุงครรภ์นี้ต้องดื่มวันละครั้ง ท่านรีบเอาของวันนี้ไปดื่มเถอะ ไม่เช่นนั้นจะไม่ดีต่อท่านและลูกเจ้าค่ะ” เทียนหซีถือถ้วยยาไว้ และทูลขึ้นอย่างขอร้องนาง
โล่หวินหลานไม่สนใจนาง นางก็พลิกตำราการแพทย์ตนเองไป และไม่เงยหน้าขึ้นเลย “ยาบำรุงครรภ์นี้ขมจนดื่มไม่ได้ เจ้าไปเอาผลไม้มาให้ข้า กินผมไม้ก็พอแล้ว”
เทียนหซีรับใช้นางมานานเยี่ยงนี้ ยังไงก็ต้องรู้นิสัยของนางไม่มากก็น้อย เห็นนางไม่ยอมดื่มจริงๆ และทำสีหน้าลำบากใจมองนางไว้ ทันใดนั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา
“ไม่ได้” มีเสียงเย็นชาดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ ทั้งสองเงยหน้าขึ้น ก็เห็นร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งได้เดินมาจากที่ไกลๆ ไม่นานก็มาอยู่ต่อหน้าทั้งสองคน
โม่ฉีหมิงยื่นมือไปรับยาจากเทียนหซี “ยาบำรุงครรภ์ต้องดื่ม จะได้ให้เด็กเจริญเติบโตได้แข็งแรง”
เทียนหซีเห็นเขามา และได้ถอนหายใจเบาๆ จึงรีบเดินออกจากไปอย่างดีใจ
โล่หวินหลานใช้ตำราปิดหน้าของตนเองไว้ แล้วพิงลงไปตรงเก้าอี้ แสงอ่อนๆจากพระอาทิตย์ได้สอดส่องบนตัว ทำให้นางเคลือบด้วยแสงสีทอง
“เชื่อฟังหน่อย ไม่ดื่มไม่ได้” โม่ฉีหมิงจับถ้วยยาไว้ และมองลงไปยังนาง
โล่หวินหลานทำท่าทางขี้เกียจไม่ขยับตัวใดๆ
โม่ฉีหมิงจับตำราของนางโดยเร็ว และมองหน้าอันไม่พึงพอใจของนาง และถามนางขึ้นอย่างเข้มงวด “ทำดื่มหรือไม่ดื่ม?”
“ไม่ดื่ม” โล่หวินหลานก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าเขาจะจัดการเยี่ยงไรกับตนเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก