ตอนที่ 421 แผนการชั่วร้ายเพื่อบรรลุเป้าหมาย
“ข้าหวังว่าจะได้ลูกชาย เหมือนเจ้า” โล่หวินหลานขมวดคิ้วขึ้นมองเขา
โม่ฉีหมิงเผยยิ้มเบาๆ ยื่นมือไปลูบผมของนาง “ต่อจากนี้พวกข้ายังต้องมีลูกอีกหลายๆคน ไม่ว่าจะทั้งชายและหญิงก็จะมี จะเหมือนเจ้าก็ได้ เหมือนข้าก็ดี ยังไงทุกคนก็คือลูกของพวกข้า”
โล่หวินหลานจินตนาการไปถึงหลายๆปีต่อไป พวกเขาจะอยู่จนแก่จนเฒ่าไปด้วยกัน และผ่านครึ่งชีวิตที่เหลือไปพร้อมๆกัน ในใจก็รู้สึกอบอุ่น
ทันใดนั้น นางก็ปิดปากตนเองเพราะจะเกิดอาการอยากอาเจียนอีกแล้ว แต่ก็ไปอาเจียนก็ไม่อาเจียนไม่ออกอะไร
โม่ฉีหมิงช่วยเหลือนางอะไรไม่ได้เลย และเดินไปเดินมาในห้องเหมือนกำลังจะโทษตนเอง ทำคิ้วขมวดเป็นปม และมองนางด้วยความเป็นห่วง อยากจะให้ตนเองไปทรมานแทนนาง
“หวินหลาน ทรมานหรือไม่? มีวิธีอะไรที่จะบรรเทาอาการอาเจียนได้? คนตั้งท้องเป็นเยี่ยงนี้กันหมดใช่หรือไม่?” โม่ฉีหมิงจับร่างของนางไว้ และจูบหัวของนางเบาๆ และทำตัวไม่ถูก
โล่หวินหลานซบลงกลางอกของเขาอย่างขี้เกียจ และค่อยๆสูดดมความหอมของกลิ่นกายเขา แค่นี้ก็ทำให้นางรู้สึกดีแล้ว
“แค่ตั้งครรภ์ก็เป็นเยี่ยงนี้กันหมด ผ่านไปอีกไม่กี่เดือนก็ดีขึ้นเอง เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง” โล่หวินหลานปลอบใจเขา
ฟังคำพูดของนางแล้ว โม่ฉีหมิงยังคงกังวลอยู่ไม่เป็นสุข และดูแลนางอยู่ข้างๆ ไม่กล้าจากไปไหน
โม่ฉีหมิงนอนเป็นเพื่อนอยู่บนเตียงกับนาง แสงแดดจากนอกหน้าต่างสอดส่องมาตรงร่างของพวกเขา ช่วงเวลาหลังเที่ยงที่แสนอบอุ่น นานๆพวกเขาจะได้อยู่ด้วยกัน เหมือนโลกใบนี้มีแค่พวกเขาแค่สองคน
“จริงๆวันนี้เจ้าสามารถหลบทันได้ ทำไมต้องไปรับบาดเจ็บจากที่เวินอ๋องฟันดาบมา?” โล่หวินหลานนึกถึงเรื่องเมื่อครู่ นางก็รู้สึกว่าเขาต้องมีเป้าหมายอย่างอื่นแน่นอน
โม่ฉีหมิงพยักหน้า “ข้าตั้งใจให้เขามาฟันข้าให้ได้รับบาดเจ็บ เยี่ยงนี้ก็จะทำให้ท่านพ่อเห็นว่าเขาทำผิด และให้เขามีความผิดของการเจตนาฆ่าคน”
“ถ้าเจ้าพูดเยี่ยงนี้ แสดงว่าหลินอ๋องไม่ได้ฆ่าหรงอัน?” โล่หวินหลานพูดในสิ่งที่ตนเองกำลังคาดเดาออกมา นางรู้ว่าแค่นางถาม เขาก็จะไม่โกหกตนเอง
“หรงอันถูกเวินอ๋องแทงจนได้รับบาดเจ็บ แค่ยังไม่ถึงจนตาย ท่านพ่อจะได้แน่ใจว่าจะนี่เป็นความผิดของต้วนกุ้ยเฟย คงต้องทำให้หลินอ๋องเป็นคนกระตุ้นให้ท่านพ่อลงโทษต้วนกุ้ยเฟน” โม่ฉีหมิงทำน้ำเสียงที่เฉยชามากยิ่งขึ้น
“ท่านพ่อไม่ลงโทษต้วนกุ้ยเฟยเพราะเหตุผล? ต้วนกุ้ยเฟยถูกขังไว้ในคุกตั้งนาน ถึงแม้นางจะถูกปล่อยออกมาอีกครั้ง ก็คงเป็นกุ้ยเฟยไม่ได้อีกต่อไป” หรือไม่ฮ่องเต้อยากจะเก็บต้วนกุ้ยเฟยไว้เพื่ออยู่เป็นเพื่อนกับเขา?
โม่ฉีมหิงเข้าใจในการตัดสินใจของฮ่องเต้ เข้ารู้ว่าตนเองแก่ลงไปเรื่อยๆ ไม่อยากให้ตนเองต้องเสียใจอีก และไม่อยากไปทำร้ายผู้อื่น แต่สามารถเก็บต้วนกุ้ยเฟยไว้ได้ก็จะเก็บ เพราะจะได้ปลอบใจตนเอง
“พอท่านพ่อได้ยินเรื่องของหลินอ๋องจึงเป็นลมไป และมีความเป็นไปได้มากที่จะป่วยหนักนอนอยู่บนเตียง เหมือนคนกำลังจะตายจากไป เลยอยากจะพูดจาดีๆ เพื่อไม่เป็นการทำร้ายจิตใจคนอื่น ท่านพ่อก็ไม่อยากให้ชีวิตของคนอื่นมาจบในมือของตนเองอีก”
แค่กลัวว่าความปรารถนาครั้งสุดท้ายของฮ่องเต้เจียเฉิงคงไม่บรรจุ เพราะยังไงต้วนกุ้ยเฟยก็ต้องตาย
“ท่านพ่อกำลังป่วยหนักหรอกหรือ?” โล่หวินหลานตกลงเบาๆ และค่อยๆถามขึ้น
โม่ฉีหมิงจึงตบตรงหลังของนางเบาๆ และหลับตาลงเพื่อปลอบนางและปลอบตนเองด้วยเช่นกัน “หมอหลวงพูดเยี่ยงนี้เอง”
เขานอนเป็นเพื่อนนางสักพัก รอจนกว่าโล่หวินหลานหลับไปสักพัก เขาจึงค่อยๆลุกขึ้นมานั่งลง มือใหญ่ที่แสนอบอุ่นของเขาค่อยๆปัดผมของนางให้ไปแนบอยู่หลังหู และจูบลงบนหน้าผากของนางเบาๆ
ออกจากประตู และกำลังเดินไปทิศทางตำหนักสั้นซู วันรุ่งเช้านี้ทีแรกจะไปหาหรงเจี้ยนเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับแผนการว่าจะดำเนินต่อไปเยี่ยงไร แต่กลับถึงหลินอ๋องมาขัดจังหวะ
แต่ก็ดี สุดท้ายมันก็เป็นไปตามแผนของเขา ตอนนี้ทุกอย่างยิ่วลงตัวมากขึ้น
พอเข้าไปถึงตำหนักสั้นซู หรงเจี้ยนกำลังเดินออกมาจากห้องๆหนึ่งที่อยู่หลังสวน ในตำหนักมีคนสวมใส่ชุดสีขาวล้วน ดูๆแล้วเหมือนคนที่ตายไปแล้ว
“องค์รัชทายาทมาแล้วหรือ เชิญทางนี้ขอรับ” หรงเจี้ยนเชิญโม่ฉีหมิงเดินไปพูดคุยกันตรงตำหนักหลัก
โม่ฉีหมิงนั่งลง และถามขึ้นอย่างเป็นห่สง “แผลขององค์ชายหรงเป็นเยี่ยงไรแล้วบ้างขอรับ?”
หรงเจี้ยนพยักหน้า “ขอบพระคุณองค์รัชทายาทที่เป็นห่วง ไม่มีอาการร้ายแรงเยี่ยงไรแล้วขอรับ”
“ครั้งนี้องค์ชายหรงบาดเจ็บและแกล้งตาย ทำให้เขาลำบากใจจริงๆ รอให้เรื่องสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ข้าต้องแต่งตั้งยศอื่นๆให้ท่านได้เข้ามาเมืองจริงเฉิงอีกครั้ง ช่วงนี้ต้องรบกวนท่านหน่อย” โม่ฉีหมิงจิบชาไป และรู้สึกกระหายน้ำมากๆ
เรื่องครั้งนี้ลุล่วงไปด้วยดีก็ถือว่าลำบากหรงอันไว้มาก ถ้าไม่ใช่เพราะเขาช่วยเหลือ แล้วจะสามารถจับหลินอ๋องได้ง่ายดายเยี่ยงนี้ได้เยี่ยงไร?
หรงเจี้ยนได้ยินโม่ฉีหมิงพูดคำขอบคุณออกมา จึงรีบลุกขึ้นแล้วทูลกลับ “องค์รัชทายาทขอรับ ท่านกล่าวเกินจริงเยี่ยงนี้ทำให้กระหม่อมรับไว้ไม่ไหว กระหม่อมสามารถช่วยองค์รัชทายาทก็ถือว่าเป็นเรื่องอันประเลิศแล้ว จะสมควรได้รับคำขอบคุณจากองค์รัชทายาทได้เยี่ยงไร?”
โม่ฉีหมิงกระตุกมุมเพื่อยิ้มเยาะเบาๆ และพยุงเขายืนขึ้น “ใต้เท้าหรง ข้าเป็นคนแยกแยะระหว่างบุญคุณกับความแค้น ครั้งนี้ที่ท่านช่วยข้า วันข้างหน้าข้าจะตอบแทนท่านอย่างแน่นอน”
ความมั่นสัญญาขององค์รัชทายาทสำหรับหรงเจี้ยนแล้วคือสิ่งที่ประเสริฐเป็นอย่างยิ่ง กษัตริย์ในอนาคตไม่เพียงแต่ขอบคุณเขา แล้วยังให้คำมั่นสัญญากับเขา ดูๆแล้ววันแห่งการจุดประกายตำหนักสั้นซูให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้นมาเยือนเสียที
“ขอบพระคุณองค์รัชทายาทเป็นอย่างยิ่ง สามารถช่วยองค์รัชทายาททำเรื่องเล็กน้อยเยี่ยงนี้ กระหม่อมร้องขอยังจะไม่มีโอกาสเลย แค่ว่าเรื่องนี้ยังไม่ทันได้จบลง และยังต้องให้กระหม่อมทำอะไรอีกหรือไม่?” หรงเจี้ยนถามขึ้น
แน่นอน วันนี้ที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อนจะให้เจ้าดำเนินการต่อไป
แค่ทำให้ฮ่องเต้จนไม่ไหวจนต้องลงโทษต้วนกุ้ยเฟยจริงๆ นี่แหละเป้าหมายของเขาจึงจะบรรลุ
“รีบกินเถอะ เจ้าไม่ได้ชอบกินหมูผัดซอสแดงหรือ?” โล่หวินหลานเผยยิ้มออกมาเบาๆ และคีบเนื้อให้เขาในถ้วย
“ใช่” โม่ฉีหมิงกินเนื้อที่นางคีบให้โดยไม่แสดงอาการใดๆ
“ทานยากเยี่ยงนั้นเลยหรือ?” โล่หวินหลานขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น
“เปล่า อร่อยมากๆ รีบทานเร็วๆ” โม่ฉีหมิงส่งยิ้มตอบนางกลับ แน่นอนว่าต้องไม่กล้าพูดถึงแม้จะไม่อร่อยก็ตาม
“ถ้าเจ้ารู้สึกว่ามันไม่อร่อย ก็ให้พ่อครัวทำใหม่ เจ้าดูเจ้าสิ สีหน้าตอนกินนี่เปลี่ยนไปเยอะเยี่ยงนั้น อย่าทรมานตนเองมากเกินไป” โล่หวินหลานทำสีหน้าถนอมเขามากๆ
นึกไม่ถึงว่าโม่ฉีหมิงจะส่ายหัวแล้วจ้องหน้านาง แล้วพูดขึ้น “พูดอะไรของเจ้า? ทานอาหารดีๆ”
โล่หวินหลานรู้ว่าเขาไม่คุ้นเคยกับอาหารพวกนี้ แต่เพราะเขาอยากทานเป็นเพื่อนนาง ดูท่าทางที่เขาพยายามจะกลืนอาหารลงไปในท้อง นางก็รู้สึกปลื้มใจจริงๆ
พอทานอาหารเสร็จ โม่ฉีหมิงคิดๆดูแล้ว ยังเหลืออีกแปดเดือนที่เด็กจะคลอด ต้องให้เขาทานเยี่ยงนี้ไปตลอดแปดเดือนนั้นหรือ?
ทันใดนั้นเขาก็ถูกคำความคิดทำให้สะดุ้งตกใจ และส่ายหัวอย่างไม่กล้านึกถึง หวังว่าวันหลังโล่หวินหลานจะเปลี่ยนไปลิ้มรสชาติอื่น
จริงๆพวกนี้ก็ถือว่าไม่เป็นไรอะไรมาก ที่ทรมานที่สุดก็คือตอนนอน
ท่านอนของนางไม่ดีจริงๆ นางชอบแตะผ้าห่ม ชอบนอนคว่ำ อย่างไรก็ตาม นางจะเปลี่ยนท่านอนหลายๆท่า ทำให้เขาต้องตื่นมาห่มผ้าตอนกลางดึกในนางบ่อยครั้ง
ตอนนี้นางตั้งครรภ์ คนที่ทำให้กังวลและเป็นห่วงก็ไม่ใช่แค่คนเดียว ถั่วงอกน้อยๆที่อยู่ที่ท้อง ไม่ควรทำให้เขาต้องหนาวหรือถูกทับ
ดังนั้น ทุกครั้งก่อนจะนอนโม่ฉีหมิงก็ให้นางทำคำมั่นสัญญาออกมาสามอย่าง ห้ามแตะผ้าห่ม ห้ามนอนคว่ำ และห้ามนอนดึก
ก่อนที่นางจะนอนก็หน้าพยักหน้าติดต่อกันหลายครั้ง ใครจะไปรู้ว่าตอนนอนตนเองกลับไม่รู้อะไรสักอย่าง ความเคยชินของนางก็เผยออกมาหมด โม่ฉีหมิงถูกนางทรมานจนไม่กล้านอนตลอดทั้งคืน
ตอนที่นางนอนคว่ำ เขาก็ต้องพลิกตัวนางขึ้น เพื่อจะหลีกเลี่ยงไม่ให้ทับโดนถั่วงอกตัวน้อยในท้อง บางครั้งตนเองทรมานมากๆ แต่ก็พูดไม่ได้ ได้แต่จับนางมาหอมจูบแล้วหอมจูบอีก จึงจะทำให้ไฟที่รุกขึ้นในใจดับลง
แต่ว่าแค่ได้เห็นหน้านาง เขาก็รู้สึกคุ้มค่า สามารถมีนางในชีวิต เหมือนเป็นสิ่งที่โชคดีที่สุดในโลก
ความมืดมัวของผืนฟ้าด้านนอกค่อยๆลามเข้ามาในห้อง โม่ฉีหมิงยังคงนอนไม่หลับ เหมือนรู้สึกว่าคนที่อยู่ในอ้อมกอดเขานั้นเป็นแค่ความฝัน กลัวเขาหลับไปจริงๆ พอตื่นขึ้นมาอีกที คนๆนั้นก็หายสาบสูญไป
เขาพลิกตัวนอนตะแคง และมองไปที่นาง ดวงตาคู่นั้นที่กำลังหลับใหลทำให้รู้สึกน่าหลงใหล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก