ตอนที่ 423 ชีวิตที่แสนสงบสุขในโลกปัจจุบัน
หลังจากวัดชีพจรเสร็จ จึงหันไปคุยกับโม่ฉีหมิง “เหนียงเหนียงและเด็กในท้องแข็งแรงดี ไม่มีปัญหาอะไร”
โม่ฉีหมิงโล่งอกเบาๆ และพยักหน้า
“เด็กที่อยู่ในท้องของข้า ยังไงข้าก็ต้องให้เขาอยู่อย่างแข็งแรงอยู่แล้ว” โล่หวินหลานลูบท้องของตนเอง และพูดขึ้นอย่างมั่นใจ
“ครั้งก่อนได้ยินมาว่าองค์ชายสวินได้มีคู่ครองแล้ว มีรู้ว่าได้มีลูกด้วยกันแล้วหรือไม่?” โล่หวินหลานถามขึ้นอีกครั้ง
สวินโม่หยุดชะงักไปสักพักแล้วหัวเราะขึ้น “ยังไม่มีขอรับ เรื่องนี้ปล่อยให้โชคชะตากำหนด”
เข้ากับหรูซูก็สมรสกันมานาน นางกลับไม่ได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับเรื่องคั้งครรภ์?
“ก็เช่นนั้น ต้องมีสักวันที่จะมีข่าวดีนี้เกิดขึ้น ตอนนี้ก็คงยังไม่รีบใช่หรือไม่?” โล่หวินหลานหันไปมองมโม่ฉีหมิง เหมือนมีความหมายโดยนัยอะไรบางอย่าง
โม่ฉีหมิงได้เห็นนัยน์ตาของนาง จึงค่อยๆเดินไปข้างหน้าของนาง และขมวดคิ้วขึ้นเบาๆ “เร็วกับช้ามันไม่เหมือนกัน เรื่องมีลูกแน่นอนว่ายิ่งเร็วก็ยิ่งดี สวินโม่ เจ้าก็ต้องระวังเรื่องนี้ให้มาก”
เขาใช้หางตาที่ดูเย็นชามองไปยังสวินโม่ ความหมายของเขาก็คือให้เขากลับไปตรวจดูหน่อย
หน้าของสวินโม่เริ่มแดง ในใจก็รู้สึกสงสัยเหมือนกัน เลยนึกถึงหรูซูขึ้นมา แล้วรีบยกตำรับยาของตนแล้วอำลาพวกเขา
โล่หวินหลานเห็นฝีเท้าที่รีบร้อนของเขาออกจากที่นั่น ยังอยากจะเชิญเขาอยู่รับประทานสำลักด้วยกัน พอออกจากประตู ร่างของเขาก็ได้เดินไปถึงตรงสวนแล้ว ก็เลยไม่ได้เอ่ยปากเชิญ
“เขากับหรูซูเกิดอะไรขึ้น?” โล่หวินหลานหันไปหาเขาถามขึ้น
โม่ฉีหมิงปัดมือตนเองเบาๆ “ไม่รู้เหมือนกัน”
เขาจะไม่ยุ่งกับชีวิตของพวกเขาได้เยี่ยงไร อีกอย่างก่อนที่โล่หวินหลานจะปรากฏตัวอีกครั้ง เขาก็ใช้ชีวิตอย่างทนทุกข์ทรมานอยู่ทุกวัน ไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องของคนอื่น?
หลังจากทานสำลักเย็นเสร็จ โม่ฉีหมิงก็ดูดาวเป็นเพื่อนนาง และนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกด้วยกัน และเปิดใจคุยกัน
หลังจากที่มีลูก โม่ฉีหมิงก็อยู่เคียงข้างและคอยเป็นเพื่อนนางทุกวัน อีกอย่างจะระวังทุกการเคลื่อนไหวของนาง และยังใส่ใจความรู้สึกแล้วอารมณ์ของนาง
“ช่วงนี้เหมือนไม่ค่อยอาเจียนแล้วใช่หรือไม่?” โม่ฉีหมิงพรากคางไว้บนหัวของนาง แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ
โล่หวินหลานจับท้องของตนเองเบาๆ และพยักหน้าขึ้น “เช่นนั้น ช่วงนี้เป็นเด็กดีมาก”
“ถ้าเป็นเยี่ยงนี้ได้ตลอดก็ดี อย่าทำให้เจ้าต้องทรมานอีกเลย จริงๆเจ้าก็มีกันสองคนแล้ว ทำไมไม่อ้วนขึ้นแต่กลับผอมลงอีก” โม่ฉีหมิงจับแขนนางเบาๆ ผอมแห้งกว่าแต่ก่อนจริงๆ
โล่หวินหลานเห็นมองเอวของตนเอง เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามันกว้างขึ้น อ้วนกว่าแต่ก่อนไปเกือบคืบหนึ่ง เขาหลับตาพูดหรืออย่างไร
พวกนี้นางทานอาหารไม่ได้ทานแค่ส่วนของตนเอง ทานอาหารมื้อหนึ่งต้องทานสำหรับสองคน ช่วงนี้ไม่มีอาการอยากอาเจียน รู้สึกว่าทนอะไรก็อร่อยไปหมด
“เจ้าพูดมาดูว่าข้าผอมลงตรงไหน?” โล่หวินหลานเงยหน้าจ้องมองเขา และพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ
ในสายตาของโม่ฉีหมิงที่ไหนก็ผอมไปหมด สายตาของเขาจับจ้องไปยังอกของนาง มีเพียงที่นี่ที่ไม่ผอมลง อยากจะเป็นเพราะว่าตั้งครรภ์
โล่หวินหลานมองสายตาอันจดจ่อของเขา และไล่ระดับสายตามองของเขา สุดท้ายก็ตกอยู่ตรงตำแหน่งหน้าอกของตนเอง นางก็ชกไปยังแผงอกของเขา
“มองอะไร”
โม่ฉีหมิงนวดตำแหน่งที่นางชกมา ความรู้สึกเร่าร้อนก็ได้เกิดขึ้นอย่างห้ามปรามไม่ได้ เขาจับมือของนางหอมเบาๆ
“นอกจากท้องของเจ้าที่นูนออกมา รูปร่างของเจ้ากำลังดีเลย ตอนกอดไม่ได้รู้สึกโล่งเหมือนแต่ก่อน แต่อย่างไรก็ตามกินให้เยอะๆหน่อย เข้าใจหรือไม่?” โม่ฉีหมิงนวดแขนที่เต็มไปด้วยเนื้อเบาๆ เหมือนกำลังหลับตาพูดโกหกอยู่
“จริงหรือ?” โล่หวินหลานเหมือนไม่ค่อยอยากเชื่อเสียเท่าไหร่
“ข้าจะไปกล้าโกหกเจ้าได้เยี่ยงไร? เจ้าไม่เชื่อข้า ก็คงต้องเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นหรือไม่?” โม่ฉีหมิงกอดนางไว้ เพื่อไม่อยากให้นางสบตาของเขา
เขาพยายามจะหลบสายตาอันขี้สงสัยของนาง และจ้องไปยังที่อื่นจนกว่านางจะก้มหน้าไม่มองเขาจึงจะถือว่าจบ
เขาถอนหายใจเบาๆ ถ้าให้นางรู้ตัวว่าตนเองอ้วนขึ้น นางคงไม่กล้าทานอะไรอีก ถ้าอย่างนั้นลูกของพวกเขาจะแข็งแรงได้เยี่ยงไร?
หมอหลวงในราชวังก็ได้แต่เฝ้าประตูทางเข้าตำหนักของฮ่องเต้เจียเฉิงไว้อย่างใกล้ชิด และคอยดูอาการของเขาตลอดเวลา แต่ว่าโรคของเขาก็ยังคงไม่หายดี ยังคงนอนอยู่บนเตียง
เหล่าขุนนางในราชสำนักได้ทูลถึงฮ่องเต้ไม่ได้เข้าราชสำนักนานยิ่งนัก เรื่องในราชสำนักไม่สามารถทำทุกอย่างจนล่าช้า เลยขอเสนอแนะให้เปลี่ยนสถานที่เป็นตำหนักกลาง
โม่ฉีหมิงแค่พูดไปเรื่อยเปื่อย เขาไม่สนใจสิ่งที่พวกเขาจะกราบทูล ยังคงอยู่เคียงข้างฮ่องเต้เจียเฉิงเพื่ออ่านการสารนกราบทูลให้เขาฟัง
“เหล่าขุนนางพวกนั้นคงทนไม่ไหวและอยู่ไม่ได้แล้ว ข้าป่วยมากนานปานนี้ พวกเขาคงเสนอให้เจ้าครองบัลลังก์ ก็คงสมดั่งที่เจ้าปรารถนา?” ฮ๋องเต้เจียเฉิงอารมณ์ไม่ค่อยดี ช่วงนี้เลยชอบทำตัวเย็นชาและประชดประชัน
โม่ฉีหมิงรับคำพูดประชดของเขาไว้ และหัวเราะขึ้นอย่างไม่สนใจ “ท่านพ่อยังสุขภาพแข็งแรง ลูกคงมิบังอาจข้ามหัวท่านพ่อไปหรอก”
ฮ่องเต้เจียเฉิงดื่มยาเสร็จแล้วเช็ดปากของตนเอง
“วันนี้การสารนกราบทูลที่ได้รับจากราชสำนักมากมาย ไม่ได้พูดถึงเรื่องหลินอ๋อง เจ้าเป็นคนจัดการเองใช่หรือไม่?” ฮ่องเต้เจียเฉิงถามเขาโดยไม่เงยหน้าขึ้นเลย
โม่ฉีหมิงหัวเราะและส่ายหัว “ท่านพ่อนึกว่าลูกจะมีปัญญาทำเยี่ยงนั้นหรือ ข้าสามารถไปยุ่งเกี่ยวกับสาร์นที่พวกขุนนางเขียนขึ้นได้หรือ? ไม่ใช่ลูกเป็นคนจัดการ”
ดูออกว่าฮ่องเต้ไม่เชื่อ และเขาก็ไม่ถามต่ออีกต่อไป แต่กลับถามขึ้น “วันนี้หรงเจี้ยนในตำหนักสั้นซูได้เข้ามาในวังหรือไม่?”
โม่ฉีหมิงทูลขึ้น “เขาเข้าวังทุกวัน และกราบทูลทุกวัน จนตอนนี้เขากำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าตำหนัก และคุกเข่ามาทั้งวันแล้ว”
พอพูดถึงหรงเจี้ยน ฮ่องเต้เจียเฉิงก็รู้สึกเครียดมากๆ ปล่อยให้เขาคุกเข่าอยู่ที่นั่น ก็กลัวคนอื่นจะแปลกใจ แต่พอคุยอะไรกับเขาไม่กี่วัน เรื่องที่เขาพูดขึ้นก็มีแต่เรื่องการไถ่บาปแลกชีวิต
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก