ยู่รุ่นร้อนรนใจ ไม่สนใจอะไรอีก รีบตอบโต้กลับไปทันที: “ฮูหยินสามอย่าใส่ร้ายบ่าวนะเจ้าคะ ท่านบอกกับบ่าวเองว่า พระชายาสมควรตาย จะได้ไม่ก่อเรื่องวุ่นวายในจวนอีก! ตอนนี้เป็นโอกาสดี ฮูหยินสามอย่ามาใส่ร้ายคนอื่นมั่วซั่วนะเจ้าคะ”
ฮูหยินสามสีหน้าซีดเซียว “เจ้ามันคนเนรคุณ นั่นก็เป็นแค่คำพูดอารมณ์ชั่ววูบ จะจริงจังได้อย่างไร?! เมื่อก่อนเจ้าก็คิดวางแผนให้ข้าจัดการกับพระชายาอย่างไรนี่?!”
ขณะนั้นเอง ภายในห้องโถงก็มีเรื่องหมากัดกันเองเกิดขึ้น
มู่จิ่งซีแสยะยิ้มดูถูก มองดูฮูหยินสามกับยู่รุ่นอย่างสงสาร
ถึงแม้พวกนางจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ วันนี้ก็ยากที่จะรอดไปได้!
ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้ เรื่องนี้หากสอบสวนขึ้นมาก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ หากถูกผู้มีเจตนาคิดร้ายขึ้นมา จะนำพามาซึ้งหายนะแก่จวนอ๋องหนานหยางได้!
ตอนนี้นางยังไม่อยากตาย และเป้าหมายก็สำเร็จแล้วด้วย
ส่วนสองคนตรงหน้า สมควรถูกรับโทษแล้วล่ะ จะโทษที่นางโหดเหี้ยมไม่ได้!
“พอแล้ว!” ฉู่เทียนฉือขมวดคิ้วตะคอก
รองพระชายาเสิ่นรีบพูดอย่างอ่อนโยน: “ท่านอ๋องอย่าโกรธไปเลย พวกนางคงจะพูดเพราะอารมณ์ชั่ววูบ คิดจริงไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”
ตอนนี้เอง มู่จิ่งซีก็หันไปพูดกับฉู่เทียนฉือ โค้งคำนับแล้วพูดว่า: “ตอบท่านอ๋อง ข้ารู้แล้วว่าเรื่องเป็นอย่างไร”
ฉู่เทียนฉือเลิกคิ้วขึ้น มองนางอย่างแปลกใจ
รองพระชายาเสิ่นขมวดคิ้วอย่างแปลกใจเช่นกัน
ฮูหยินใหญ่กับฮูหยินสี่เบิกตาโพลงอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เมื่อกี้ฮูหยินสามกับยู่รุ่นทะเลาะกัน แต่ก็ไม่มีประโยคไหนที่เป็นประโยชน์เลย พระชายาจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นฝีมือใคร?
มู่จิ่งซีใจเย็นและมีสติ หันไปสั่งหงหลิงเสียงเข้ม หงหลิงออกจากห้องโถงอย่างไม่เข้าใจ
เห็นทุกคนที่ไม่เข้าใจ มู่จิ่งซีก็ขี้เกียจที่จะอธิบาย
ผ่านไปชั่วครู่ก็คอแห้งแล้ว เดินกลับไปนั่งที่เดิม แล้วยกชาขึ้นมาจิบ
ทุกคนยังคงกังวลในใจ ผ่านไปสักพัก หงหลิงก็นำกระดาษพู่กันหมึกกับแท่นฝนหมึกเข้ามา
เห็นอย่างนี้แล้ว คนทั้งห้องก็ยิ่งไม่เข้าใจไปกันใหญ่
หงหลิงนำของวางลงแล้ว ก็เอาภาพวาดที่เป็นตัวปัญหากางไว้บนโต๊ะ
มู่จิ่งซีหยิบพู่กันแล้วจิ้มลงไปที่หมึกจากนั้นก็วาดลงบนภาพวาดเบาๆ
“ท่านทำอะไรน่ะ?!” รองพระชายาเสิ่นขมวดคิ้วถาม
ฉู่เทียนฉือมองด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ
หลังจากวาดเสร็จแล้ว มู่จิ่งซีก็เป่าหมึกบนภาพวาด หันไปยิ้มให้กับทุกคน แล้วให้หงหลิงนำภาพไปกางออก
มู่จิ่งซีเชื่อว่า คนที่อยู่ในนี้ได้จะต้องเป็นคนที่ฉลาดมาก บทละครต่อไปพวกเขาต้องร่วมมือแน่นอน!
ข้อความที่แต่เดิมที่อยู่ด้านล่างของภาพวาดนั้น ถูกดอกโบตั๋นที่กำลังเบ่งบานอยู่สองสามดอกวาดทับไว้ และไม่สามารถมองเห็นข้อความตัวอักษรได้อีก!
ขณะที่กำลังตกตะลึงนั้น ฉู่เทียนฉือกะพริบตา และยิ้มเล็กน้อย: “ดูแล้วนี่คงเป็นเรื่องเข้าใจผิด ภาพนี้เป็นแค่ดอกโบตั๋น ไม่มีตัวอักษรกบฏให้เห็นอีกแล้ว?!”
“เมื่อกี้ข้าก็เคยเห็นภาพนี้ เป็นดอกโบตั๋นจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงถูกคนพูดว่าเป็นภาพต้องห้าม” รองพระชายาเสิ่นสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พูดตามอย่างไม่พอใจ
แต่ประโยคสุดท้ายกลับลากมู่จิ่งซีเข้ามา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล
รอตอนต่อไปจ้า...
รบกวนลงทุกวันลงทุกวันด้วยจ้า...
แอดเชื่อไหม ว่าจะหาที่คอมเม้นเจอคือนานมากกกกก เที่เห็นเม้นติดๆกันหลายวันคือเพิ่งหาเจอ 555...
ลงตอนเดียวเองหรออออ 😭...
ลงทุกวันน้า รออ่านค่ะ...