ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล นิยาย บท 29

“น้องรอง น้องสามไม่ต้องทำถึงเช่นนี้หรอก ต่อหน้าคนในครอบครัวไม่ต้องทำความเคารพเช่นนี้ก็ได้ ข้าเองก็ไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว” มู่จิ่งซีตอบด้วยรอยยิ้ม

มองดูมู่หลินกับมู่เสวี่ย คนแรกมีใบหน้าที่งดงาม มีเสน่ห์และสง่างาม ดวงตาดูมีชีวิตชีวา คนที่สองก็มีผิวพรรณขาวราวกับหิมะ และงดงามราวกับดอกไม้

ไม่แปลกที่ทั้งสองจะโอหังเช่นนี้ เพราะมีใบหน้าที่งดงามที่เป็นประโยชน์ต่อมู่ชิว ดังนั้นก็ถึงลืมไปว่าตัวเองเป็นแค่ลูกนอกสมรส ไม่เอานางที่เป็นลูกในสมรสไว้ในสายตา!

คำพูดคมคายราวกับคมมีด ทำเอารอยยิ้มบนใบหน้าของมู่หลินเจื่อนไป

“หลินเอ๋อร์กับเสวี่ยเอ๋อร์ขาดการอบรมสั่งสอนจริงๆ ตอนนี้พระชายากลับจวน งั้นก็สอนมารยาทให้พวกนางหน่อยแล้วกัน” มู่ชิวมองมู่จิ่งซี ใบหน้าที่เข้มงวดมืดมนนั้นก็มีรอยยิ้มที่อ่อนโยนปรากฏขึ้น

มู่จิ่งซีเห็นใบหน้าที่เป็นมิตรของเขาแล้วก็ยิ้มตอบ แต่ในใจกลับสบถด่า

ตอนเข้าจวน มู่จิ่งซีก็สังเกตเห็นมีคนหันกลับมามองนาง

ถึงแม้สายตานั้นจะไม่มีความอบอุ่น แต่ก็ทำให้นางรู้สึกตัว ตอนที่เงยหน้ามอง ก็เห็นว่าไม่มีคนหันมามอง

คล้องแขนของหลี่ซื่อเข้าจวนไปพร้อมกัน ตอนที่ก้าวเท้าข้ามธรณีประตู มู่จิ่งซีก็สังเกตเห็นหลี่ซื่อไม่มีแรงยกเท้าขึ้นมาด้วยซ้ำ!

“ท่านแม่?!” มู่จิ่งซีพูดขึ้นเสียงเบา

หลี่ซื่อตบหลังมือนางเบาๆ แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน: “ช่วงนี้เป็นหวัดนิดหน่อย ร่างกายก็เลยอ่อนแอน่ะ”

มู่จิ่งซีขมวดคิ้ว พยักหน้าแอบใช้แรงพยุงนางเดินข้ามธรณีประตู

ตอนนี้เอง มู่จิ่งซีก็สังเกตเห็นว่า หลี่ซื่อแห้งจนเหลือแต่กระดูกแล้ว เบาจนเหมือนใช้มือข้างเดียวก็ยกนางขึ้นมาได้แล้ว!

หลังจากมู่จิ่งซีแต่งเข้าจวนอ๋อง หลี่ซื่อเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่นะ? หรือว่าจะถูกอี๋เหนียงรองแอบกลั่นแกล้ง?!

ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องพวกนี้ หลังจากเก็บความสงสัยไว้ในใจแล้ว ก็เข้าไปในจวนแม่ทัพพร้อมกับทุกคน

หลังจากเข้าจวนแม่ทัพแล้ว พวกผู้ชายก็ไปคุยกันที่เรือนหน้า พวกผู้หญิงก็เข้าไปด้านในเรือนดอกลี่ที่เป็นเรือนในของหลี่ซื่อ

“ข้าสั่งให้คนเก็บกวาดเรือนฉางมู่ที่เจ้าเคยอยู่จนสะอาดแล้ว ช่วงนี้เจ้ากับท่านอ๋องก็พักอยู่ที่เรือนฉางมู่ก็แล้วกัน” หลี่ซื่อกล่าวขึ้น

เห็นมู่จิ่งซีมีใบหน้าแดงระเรื่อ ดีขึ้นกว่าสองครั้งก่อนที่กลับมามาก ก็เลยคิดว่ามู่จิ่งซีไม่ได้มีชีวิตที่แย่มากในจวนอ๋องหนานหยาง นางรู้สึกปลื้มใจมากจนน้ำตาเอ่อล้น

มู่จิ่งซีพยักหน้า: “ลูกคงทำให้ท่านแม่เป็นห่วงมาก”

ในเรือนกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม หลี่ซื่อไม่มีลูกชายให้พึ่งพิง ลูกสาวก็แต่งงานออกไปแล้ว มู่ชิวก็ไม่ได้ชอบนาง ชีวิตในเรือนจะดีหรือไม่ มู่จิ่งซีไม่ต้องเดาก็รู้ได้เลย

หลี่ซื่อ……ช่างน่าสงสารเสียจริง

“ตอนแรกท่านพ่อให้อี๋เหนียงรองช่วยท่านแม่จัดการเรื่องในจวน แต่ท่านแม่ไม่อยากให้ใครเข้ามาแทรก อยากจะทำเองคนเดียว ทำงานหนักคนเดียว จนป่วยเลย” มู่เสวี่ยที่นั่งอยู่ข้างๆก็พูดขึ้นเสียงสูง

คำพูดนั้นสรุปสั้นๆได้สามคำว่า: สมน้ำหน้า!

ได้ยินดังนั้น รอยยิ้มมุมปากของมู่จิ่งซีก็หายไปทันที สายตาที่เย็นชานั้นกวาดตามองไป “น้องสามเหมือนจะไร้มารยาทขึ้นทุกวันเลยนะ พี่ใหญ่กับแม่ใหญ่กำลังคุยกันอยู่ เจ้าก็แค่ลูกนอกสมรสมีสิทธิ์อะไรมาพูดแทรกไม่ทราบ?!”

“เมื่อก่อนไร้มารยาทก็ยังพอเข้าใจได้ ข้าสามารถให้อภัยกับความไม่รู้เรื่องของเจ้าได้! แต่ตอนนี้จวนของเรากำลังจัดงานเลี้ยงฉลอง ผู้คนไปมาขวักไขว่ หากเจ้ายังไร้มารยาทอยู่เช่นนี้ ผู้อื่นหัวเราะเยาะยังไม่เท่าไหร่! ไม่เพียงเท่านั้นก็ยังทำให้จวนแม่ทัพอับอาย และจวนอ๋องหนานหยางก็จะถูกผู้คนเยาะเย้ยเอาได้เช่นกัน!!”

มู่เสวี่ยถูกสั่งสอนจนหน้าแดงไปถึงใบหู อ้าปากอยากจะตอบโต้ แต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล