ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล นิยาย บท 27

พอพูดเช่นนี้ออกไป สีหน้าของฮูหยินสามกับยู่รุ่นก็เปลี่ยนไป ทั้งที่รู้ว่าหงหลิงพูดมีเหตุผล แต่เพราะจะถูกลงโทษก็เลยห่วงอะไรเยอะไม่ได้!

มู่จิ่งซีมองหงหลิงอย่างชื่นชม ยัยเด็กคนนี้เฉลียวฉลาด ให้นางมาเรือนไผ่ด้วยเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดมาก

มองดูฮูหยินสามกับยู่รุ่น นางก็พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย: “ทำผิดครั้งแรก สองครั้ง สามครั้ง ข้าก็สามารถให้อภัยได้ และยังไม่ทำโทษพวกเราตามกฎ แต่ว่า ทำผิดหลายครั้ง งั้นข้าก็คงต้อง……”

นางหยุดพูดแล้วหันไปมองฉู่เทียนฉือกับรองพระชายาเสิ่น ก็ถึงพูดต่อ: “ไม่สามารถปกป้องพวกเจ้าได้แล้ว เพราะยังไงคนจะใหญ่แค่ไหน ก็ใหญ่ไม่ได้เท่าฟ้าหรอก ในจวนอ๋องหนานหยาง กฎกลับเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หากพวกเจ้าอยากถูกทำโทษเบาหน่อย ก็ไปขอร้องท่านอ๋องกับรองพระชายาเสิ่นเถอะ”

รองพระชายาเสิ่นสีหน้าแย่ลง จิตใจว้าวุ่นมาก

พูดซะดิบดี! เรื่องนี้ใครเป็นคนเริ่มก่อน?!

ตอนนี้พูดเหมือนตัวเองเป็นแม่พระ! ทำให้คนอื่นคิดว่านางเป็นคนจิตใจคับแคบ ไม่ให้ความสำคัญกับกฎ!

คำพูดนี้ตั้งใจพูดให้นางชัดๆ?!

ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายของสงคราม

ฉู่เทียนฉือนั่งลงไปอีกครั้ง กวาดตามองมู่จิ่งซีอย่างเรียบเฉย แล้วหันหน้าไปพูดกับรองพระชายาเสิ่น: “เจ้าว่ามาสิว่าจะจัดการสองคนนี้อย่างไร”

รองพระชายาเสิ่นยิ้มแล้วพยักหน้าอย่างอ่อนโยน ต่อมาก็หันไปมองฮูหยินสามกับยู่รุ่นที่ร้อนรนใจมาก: “ถึงแม้น้องสามกับข้าจะรับใช้ท่านอ๋องด้วยกัน อยู่ในจวนก็ถือว่าเป็นนายเหมือนกัน แต่กลับทำผิดกฎต่อหน้าข้ารับใช้ สาปแช่งนายหญิง ความผิดนี้ไม่อาจละเว้นได้ พรุ่งนี้ก็ไล่ไปอยู่ในสวนแล้วกัน”

ฮูหยินสามทรุดตัวลงกับพื้น คราบน้ำตาแห้งติดบนใบหน้าดูน่าสงสารมาก แต่นางเลือกเส้นทางนี้เอง ก็ต้องยอมรับกับผลที่ตามมาด้วย

ถึงแม้ชีวิตในสวนจะไม่ค่อยดีมากนัก แต่ก็ดีกว่าถูกพวกคนขายทาสนำไปขายในซ่อง ต่อไปยังมีโอกาสอีก

แต่แค่มองตาขวางมู่จิ่งซีอย่างไม่พอใจ

ต่อมารองพระชายาเสิ่นก็หันไปมองยู่รุ่น ขี้เกียจพูดอะไรมาก

ปกตินางก็ไม่ชอบยู่รุ่นอยู่แล้ว วันๆเอาแต่ประแป้งทำผม การกระทำไม่แตกต่างจากโสเภณีในซ่องเลย น้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย “ส่วนยู่รุ่น เดี๋ยวก็ขายให้คนขายทาสแล้วกัน”

ยู่รุ่นอึ้ง คุกเข่าอยู่กับที่นิ่งๆ เหมือนไม่สามารถรับกับโชคชะตาที่เปลี่ยนไปของตัวเองได้ นางมองฉู่เทียนฉืออย่างไม่พอใจ

คิดว่าฉู่เทียนฉือจะมองนาง สุดท้ายหางตาของฉู่เทียนฉือกลับเอาแต่มองมู่จิ่งซีที่ยิ้มและสง่างาม รับไม่ได้จนเป็นลมล้มลงไป

รองพระชายาเสิ่นปัดมือ “นำตัวลงไป!”

พอพวกนางไป ในที่สุดห้องก็เงียบลงสักที

มู่จิ่งซีลุกขึ้นสะบัดแขนเสื้อ แล้วหันไปมองฉู่เทียนฉือ ฉีกยิ้มร่าราวกับดอกไม้บาน: “เรื่องในวันนี้ต้องรบกวนท่านอ๋อง เป็นความผิดพลาดของข้าเอง ขอท่านอ๋องให้อภัย”

ต่อมาก็หันไปมองรองพระชายาเสิ่น ยิ้มแล้วพูดโดยไม่ให้จับผิดได้: “จวนอ๋องหนานหยางจะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่จะว่าเล็กก็ไม่เล็ก เรื่องยิบย่อยคงเยอะมากแน่ๆ ยังไงพี่ก็คุมงานครั้งแรก คงจะมีบางจุดที่ผิดพลาด ต่อไปคงมีหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้กับน้องเสิ่น น้องเสิ่นอย่ารำคาญพี่เอาล่ะ”

รองพระชายาเสิ่นรอยยิ้มมุมปากชะงัก ทุกคำพูดทำเอาคนแทบหายใจไม่ออก แต่ภายนอกกลับแสดงออกมาไม่ได้!

ทำได้แค่พยักหน้าแล้วตอบว่า: “พี่ท่านพูดอะไรกัน เกรงว่าหลังจากนี้น้องคงต้องเรียนรู้จากท่านแล้วล่ะ”

ได้ยินดังนั้น มู่จิ่งซีก็ปิดปากยิ้มอย่างเขินอาย

ฉู่เทียนฉือมองมู่จิ่งซีเงียบๆแล้วลุกขึ้น “พวกเจ้าคุยกันเถอะ ข้ายังมีธุระสำคัญต้องจัดการ”

มู่จิ่งซีกับรองพระชายาเสิ่นยิ้มพูดคุยกัน

ต่อมาทั้งสองก็คุยกันอีกนิดอย่างเสแสร้ง ตอนพระอาทิตย์ตกดิน มู่จิ่งซีก็หาข้ออ้างแล้วออกมาจากเรือนไผ่

รอมู่จิ่งซีออกจากเรือนไผ่แล้ว รองพระชายาเสิ่นก็เข้าไปในห้อง และไม่อาจข่มความโกรธในใจได้ ยกมือขึ้นปัดแจกันบนตู้ตกลงพื้นอย่างแรง

“พระชายาคิดจะแย่งอำนาจงั้นเหรอเจ้าคะ?” ซิ่วยู่ที่ตามหลังมาเห็นแจกันที่แตกละเอียดบนพื้น ก็พูดอย่างตกตะลึง

รองพระชายาเสิ่นกัดฟันกรอดไม่พูดอะไร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล