พอพูดเช่นนี้ออกไป สีหน้าของฮูหยินสามกับยู่รุ่นก็เปลี่ยนไป ทั้งที่รู้ว่าหงหลิงพูดมีเหตุผล แต่เพราะจะถูกลงโทษก็เลยห่วงอะไรเยอะไม่ได้!
มู่จิ่งซีมองหงหลิงอย่างชื่นชม ยัยเด็กคนนี้เฉลียวฉลาด ให้นางมาเรือนไผ่ด้วยเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดมาก
มองดูฮูหยินสามกับยู่รุ่น นางก็พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย: “ทำผิดครั้งแรก สองครั้ง สามครั้ง ข้าก็สามารถให้อภัยได้ และยังไม่ทำโทษพวกเราตามกฎ แต่ว่า ทำผิดหลายครั้ง งั้นข้าก็คงต้อง……”
นางหยุดพูดแล้วหันไปมองฉู่เทียนฉือกับรองพระชายาเสิ่น ก็ถึงพูดต่อ: “ไม่สามารถปกป้องพวกเจ้าได้แล้ว เพราะยังไงคนจะใหญ่แค่ไหน ก็ใหญ่ไม่ได้เท่าฟ้าหรอก ในจวนอ๋องหนานหยาง กฎกลับเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หากพวกเจ้าอยากถูกทำโทษเบาหน่อย ก็ไปขอร้องท่านอ๋องกับรองพระชายาเสิ่นเถอะ”
รองพระชายาเสิ่นสีหน้าแย่ลง จิตใจว้าวุ่นมาก
พูดซะดิบดี! เรื่องนี้ใครเป็นคนเริ่มก่อน?!
ตอนนี้พูดเหมือนตัวเองเป็นแม่พระ! ทำให้คนอื่นคิดว่านางเป็นคนจิตใจคับแคบ ไม่ให้ความสำคัญกับกฎ!
คำพูดนี้ตั้งใจพูดให้นางชัดๆ?!
ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายของสงคราม
ฉู่เทียนฉือนั่งลงไปอีกครั้ง กวาดตามองมู่จิ่งซีอย่างเรียบเฉย แล้วหันหน้าไปพูดกับรองพระชายาเสิ่น: “เจ้าว่ามาสิว่าจะจัดการสองคนนี้อย่างไร”
รองพระชายาเสิ่นยิ้มแล้วพยักหน้าอย่างอ่อนโยน ต่อมาก็หันไปมองฮูหยินสามกับยู่รุ่นที่ร้อนรนใจมาก: “ถึงแม้น้องสามกับข้าจะรับใช้ท่านอ๋องด้วยกัน อยู่ในจวนก็ถือว่าเป็นนายเหมือนกัน แต่กลับทำผิดกฎต่อหน้าข้ารับใช้ สาปแช่งนายหญิง ความผิดนี้ไม่อาจละเว้นได้ พรุ่งนี้ก็ไล่ไปอยู่ในสวนแล้วกัน”
ฮูหยินสามทรุดตัวลงกับพื้น คราบน้ำตาแห้งติดบนใบหน้าดูน่าสงสารมาก แต่นางเลือกเส้นทางนี้เอง ก็ต้องยอมรับกับผลที่ตามมาด้วย
ถึงแม้ชีวิตในสวนจะไม่ค่อยดีมากนัก แต่ก็ดีกว่าถูกพวกคนขายทาสนำไปขายในซ่อง ต่อไปยังมีโอกาสอีก
แต่แค่มองตาขวางมู่จิ่งซีอย่างไม่พอใจ
ต่อมารองพระชายาเสิ่นก็หันไปมองยู่รุ่น ขี้เกียจพูดอะไรมาก
ปกตินางก็ไม่ชอบยู่รุ่นอยู่แล้ว วันๆเอาแต่ประแป้งทำผม การกระทำไม่แตกต่างจากโสเภณีในซ่องเลย น้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย “ส่วนยู่รุ่น เดี๋ยวก็ขายให้คนขายทาสแล้วกัน”
ยู่รุ่นอึ้ง คุกเข่าอยู่กับที่นิ่งๆ เหมือนไม่สามารถรับกับโชคชะตาที่เปลี่ยนไปของตัวเองได้ นางมองฉู่เทียนฉืออย่างไม่พอใจ
คิดว่าฉู่เทียนฉือจะมองนาง สุดท้ายหางตาของฉู่เทียนฉือกลับเอาแต่มองมู่จิ่งซีที่ยิ้มและสง่างาม รับไม่ได้จนเป็นลมล้มลงไป
รองพระชายาเสิ่นปัดมือ “นำตัวลงไป!”
พอพวกนางไป ในที่สุดห้องก็เงียบลงสักที
มู่จิ่งซีลุกขึ้นสะบัดแขนเสื้อ แล้วหันไปมองฉู่เทียนฉือ ฉีกยิ้มร่าราวกับดอกไม้บาน: “เรื่องในวันนี้ต้องรบกวนท่านอ๋อง เป็นความผิดพลาดของข้าเอง ขอท่านอ๋องให้อภัย”
ต่อมาก็หันไปมองรองพระชายาเสิ่น ยิ้มแล้วพูดโดยไม่ให้จับผิดได้: “จวนอ๋องหนานหยางจะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่จะว่าเล็กก็ไม่เล็ก เรื่องยิบย่อยคงเยอะมากแน่ๆ ยังไงพี่ก็คุมงานครั้งแรก คงจะมีบางจุดที่ผิดพลาด ต่อไปคงมีหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้กับน้องเสิ่น น้องเสิ่นอย่ารำคาญพี่เอาล่ะ”
รองพระชายาเสิ่นรอยยิ้มมุมปากชะงัก ทุกคำพูดทำเอาคนแทบหายใจไม่ออก แต่ภายนอกกลับแสดงออกมาไม่ได้!
ทำได้แค่พยักหน้าแล้วตอบว่า: “พี่ท่านพูดอะไรกัน เกรงว่าหลังจากนี้น้องคงต้องเรียนรู้จากท่านแล้วล่ะ”
ได้ยินดังนั้น มู่จิ่งซีก็ปิดปากยิ้มอย่างเขินอาย
ฉู่เทียนฉือมองมู่จิ่งซีเงียบๆแล้วลุกขึ้น “พวกเจ้าคุยกันเถอะ ข้ายังมีธุระสำคัญต้องจัดการ”
มู่จิ่งซีกับรองพระชายาเสิ่นยิ้มพูดคุยกัน
ต่อมาทั้งสองก็คุยกันอีกนิดอย่างเสแสร้ง ตอนพระอาทิตย์ตกดิน มู่จิ่งซีก็หาข้ออ้างแล้วออกมาจากเรือนไผ่
รอมู่จิ่งซีออกจากเรือนไผ่แล้ว รองพระชายาเสิ่นก็เข้าไปในห้อง และไม่อาจข่มความโกรธในใจได้ ยกมือขึ้นปัดแจกันบนตู้ตกลงพื้นอย่างแรง
“พระชายาคิดจะแย่งอำนาจงั้นเหรอเจ้าคะ?” ซิ่วยู่ที่ตามหลังมาเห็นแจกันที่แตกละเอียดบนพื้น ก็พูดอย่างตกตะลึง
รองพระชายาเสิ่นกัดฟันกรอดไม่พูดอะไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล
รอตอนต่อไปจ้า...
รบกวนลงทุกวันลงทุกวันด้วยจ้า...
แอดเชื่อไหม ว่าจะหาที่คอมเม้นเจอคือนานมากกกกก เที่เห็นเม้นติดๆกันหลายวันคือเพิ่งหาเจอ 555...
ลงตอนเดียวเองหรออออ 😭...
ลงทุกวันน้า รออ่านค่ะ...