บทที่ 157 เพราะฉันเหมือนชิงหนิง
เฉินเจียฉินเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าของมู่น่อนน่อนอย่างระมัดระวัง
พบว่าสีหน้ามู่น่อนน่อนเป็นปกติ ถึงได้พูดต่อไป “พี่ชิงหนิงเป็นช่างภาพครับ มีครั้งหนึ่งเธอไปถ่ายภาพหิมะ แล้วประสบเหตุหิมะถล่ม ทีมค้นหาและกู้ภัยหาเธอไม่พบ...”
พูดถึงตอนท้าย น้ำเสียงของเฉินเจียฉินก็เบาลง
มู่น่อนน่อนชะงักไปครู่หนึ่ง เวลานี้ไม่รู้จะพูดอะไร
“เรื่องเกิดขึ้นเมื่อไร” มู่น่อนน่อนเงยหน้าถามเขา
เฉินเจียฉินพูดว่า “ห้าปีก่อนครับ”
“พี่ชายคุณกับเธอ...”
เฉินเจียฉินเม้มริมฝีปาก ขอบตาดูค่อนข้างเศร้า “เธอเป็นคู่หมั้นของพี่ชายผมครับ”
มู่น่อนน่อนอ้าปาก เกินความเงียบขึ้นฉับพลัน
เธอก้มลงมองข้อความที่ซือเฉิงหยู้ส่งให้เธอ แล้วขยับนิ้วตอบกลับไปหนึ่งประโยค “ได้ ฉันจะเป็นคนบอกเฉินถิงเซียวเองค่ะ”
ประสบเหตุหิมะถล่ม เมื่อทีมค้นหาและกู้ภัยหาคนไม่พบ ส่วนใหญ่ระดับนั้นตายหมด ถูกฝังในหิมะ หาก็หาไม่พบ
ในใจมู่น่อนน่อนค่อนข้างรู้สึกจุก เรื่องราวต่างๆ ก่อนหน้านี้มลายหายไปหมดสิ้น
ก่อนหน้านั้นนานมาแล้ว มู่น่อนน่อนรู้สึกได้ลางๆ ว่าเฉินถิงเซียวเหมือนจะไม่ค่อยพอใจที่เธอติดต่อกับซือเฉิงหยู้มากเกินไป
มาถึงตอนนี้ คาดว่านี่คงเป็นเหตุผล
มู่น่อนน่อนถามเฉินเจียฉินอีกครั้ง “ฉันกับเธอเหมือนกันมากจริงๆ เหรอ”
เฉินเจียฉินเห็นมู่น่อนน่อนสีหน้าปกติ จึงพูดความจริง “ผมรู้สึกว่าเหมือนมากครับ”
มู่น่อนน่อนจมลงในความเงียบงัน ไม่พูดอะไรอีก
……
ก่อนมื้อเที่ยง เฉินถึงเซียวก็กลับมา
มื้อเที่ยงทำโดยบอดี้การ์ด ตอนนี้มู่น่อนน่อนได้รับบาดเจ็บ โดยธรรมชาติแล้วจึงไม่อาจทำอาหารได้
เฉินถิงเซียวทานไปยังไม่มากก็วางตะเกียบลง มู่น่อนน่อนก็ไม่ได้ทานมากนัก มีเพียงเฉินเจียฉินที่กระตือรือร้นในการทาน
เฉินเจียฉินทานเสร็จอย่างรวดเร็วแล้วก็ออกไป
เฉินถิงเซียวกับมู่น่อนน่อนยังนั่งเผชิญหน้ากัน จู่ๆ เฉินถิงเซียวก็พูดออกมาว่า “คุณอยากจะพูดอะไร”
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ เธอยังไม่ได้พูดอะไร เขาก็รู้แล้วเหรอว่าเธอมีเรื่องจะพูดกับเขา
เฉินถิงเซียวอ่านความคิดของเธอออกจากสีหน้าของเธอ “มันเขียนอยู่บนใบหน้าของคุณ คุณมีอะไรอยากจะพูดกับผมก็พูด คุณมีคำถามอยากถามผมก็ถาม”
“........” มู่น่อนน่อนสัมผัสใบหน้าตัวเอง เห็นได้ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ
มู่น่อนน่อนกระแอมไอ “ฉันอยากถามอะไรก็ได้หมดเลยเหรอ”
เฉินถิงเซียวขยับเล็กน้อย ตอนที่เขาออกไปเมื่อเช้านี้ เมื่อตอนที่ผู้หญิงคนนี้คุยกับเขา ยังจะกัดเขาอยู่เลย ตอนนี้มามีท่าทางอยากจะคุยกับเขา ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปอีก
เฉินถิงเซียวกระตุกมุมปาก มองเธออย่างเหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม “ในเมื่อในใจคุณรู้ว่าถามไม่ได้ งั้นก็ไม่ต้องถาม”
“ใครให้คุณสอบสวนฉัน ฉันจะถามคำถามคุณแล้วทำไม” ดวงตาสดใสจ้องตรงไปที่เขา “คุณก็รู้สึกว่าฉันเหมือนชิงหนิง ใช่ไหม”
บนใบหน้าเฉินถิงเซียวที่ตอนแรกสบายๆ หายไปฉับพลัน สีหน้าเปลี่ยนเป็นมืดมนลงเล็กน้อย “เสี่ยวฉินเป็นคนบอกคุณเหรอ”
“ถ้าเป็นเรื่องที่ฉันต้องรู้ให้ได้ ต่อให้คนอื่นไม่บอกฉัน ฉันก็สามารถรู้จนได้!”
เมื่อเฉินถิงเซียวได้ฟัง ก็ได้รับการยืนยันแน่นอนแล้วว่าเฉินเจียฉินเป็นคนบอกเธอเรื่องนี้ เขาหรี่ตาเล็กน้อยและพูดว่า “เขาบอกคุณว่าคุณเหมือนชิงหนิงมากงั้นเหรอ”
ชิงหนิงเหรอ
เป็นการเรียกที่สนิทสนมจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...