ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 250

เฉินชิงเฟิงกับเฉินเหลียนเป็นพี่น้องกัน ดูจากความสัมพันธ์ของทั้งคู่ช่วงสองวันนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีมาก

ถ้าทั้งสองเพียงเดินคุยกันตามปกติก็ไม่มีอะไร

แต่ทั้งสองดูกลัวๆ ว่าใครจะมาพบเข้า ดูลับๆ ล่อๆ น่าสงสัยมาก

มู่น่อนน่อนเม้มริมฝีปากติดตามไป

เนื่องจากเป็นวันส่งท้ายปีเก่า บ้านเก่าจึงมีคนรับใช้น้อยกว่าปกติ พวกเขาเพิ่งทานอาหารเสร็จ ตอนนี้คนรับใช้จึงกำลังรับประทานอาหารเย็นวันส่งท้ายปีเก่ากันอยู่

ดังนั้น ที่มู่น่อนน่อนเดินไปตลอดทาง จึงแทบจะไม่มีคนรับใช้เลย

เธอติดตามเฉินชิงเฟิงกับเฉินเหลียนไปตลอดทางจนเห็นเฉินชิงเฟิงพาเฉินเหลียนเข้าไปในห้องของตัวเขาเอง

ตอนที่ปิดประตู เฉินชิงเฟิงยังเหลือบมองปากประตูครู่หนึ่งด้วย

มู่น่อนน่อนหลบเข้ามุมด้านข้างอย่างระแวดระวัง

เมื่อออกมาอีกครั้ง ประตูก็ปิดแล้ว

มู่น่อนน่อนเดินไปที่หน้าประตูห้องเฉินชิงเฟิง เอาหูแนบประตูตั้งใจฟังว่าทั้งสองคุยอะไรกัน

เธอรู้สึกว่าพวกเขาต้องมีความลับบางอย่างแน่นอน

เฉินเหลียนเป็นแม่ของซือเฉิงหยู้ สองเดือนที่ผ่านมาจู่ๆ ซือเฉิงหยู้ก็เปลี่ยนพฤติกรรมมางัดข้อกับเฉินถิงเซียว ส่วนเฉินถิงเซียวกับเฉินเหลียนก็เห็นได้ชัดว่าไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันนัก

ก่อนหน้านี้เฉินถิงเซียวซือเฉิงหยู้เฉินเจียฉินมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วความสัมพันธ์กับเฉินเหลียนก็ย่อมไม่เลว เขาจะไม่ตีตัวออกห่างเฉินเหลียนโดยไม่มีเหตุผล

ต่อให้มีปัญหากับซือเฉิงหยู้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเย็นชากับเฉินเหลียนเพราะซือเฉิงหยู้

มันสามารถมองเห็นได้จากเฉินเจียฉิน เขาไม่ได้เอาความโกรธที่มีต่อซือเฉิงหยู้ไปเย็นชาใส่เฉินเจียฉิน

ดูอย่างนี้แล้ว ตัวเฉินเหลียนต้องมีอะไรผิดปกติแน่นอน

คิดแบบนี้แล้วมู่น่อนน่อนก็รู้สึกว่าตระกูลมหาเศรษฐีปัญหาเยอะจริงๆ

มีความลับมากมาย

ฉนวนกันเสียงของห้องนั้นยอดเยี่ยม มู่น่อนน่อนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย

ในเมื่อไม่ได้ยินอะไรเลย มู่น่อนน่อนจำต้องหันหลังเดินจากไป

เธอยังไม่ได้เดินไปไกล ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้นข้างหลัง

อาจเพราะกินปูนร้อนท้องมู่น่อนน่อนจึงวิ่งหนีไป

เธอวิ่งไปถึงหัวมุม หอบหายใจ ก่อนจะชะโงกศีรษะไปมอง เธอพบว่าเฉินชิงเฟิงกับเฉินเหลียนทั้งสองคนออกไปอีกทางแล้ว

มู่น่อนน่อนถึงได้ถอนหายใจโล่งอก กลับไปเข้าห้องน้ำในห้องแล้วเดินไปที่ห้องอาหาร

เดินไปถึงประตูห้องอาหาร เธอก็พบเฉินถิงเซียวที่รีบเร่งเดินมา

ทันทีที่เฉินถิงเซียวเห็นเธอก็หยุดก้าวเดิน แล้วขมวดคิ้วถามเธอว่า “ทำไมตั้งนานเพิ่งกลับมา”

มู่น่อนน่อนเม้มริมฝีปาก รู้สึกว่านอกจากเรื่องเมื่อครู่ที่ไปพิสูจน์ว่าเฉินชิงเฟิงกับเฉินเหลียนมีความลับบางอย่าง ก็ไม่สามารถอธิบายอะไรได้เลย

เพราะว่าใครกันจะไม่มีความลับ

ดังนั้น เธอจึงไม่อยากบอกเฉินถิงเซียว จึงเค้นออกไปสองคำ “ท้องผูก”

เฉินถิงเซียวเลิกคิ้ว ลูบศีรษะของเธอ แล้วพาเธอเข้าไปข้างใน

เมื่อมู่น่อนน่อนเข้าไป ก็พบว่าเฉินชิงเฟิงอยู่ในห้องอาหารแล้ว

เหมือนว่าสัมผัสได้ถึงสายตาของมู่น่อนน่อน เฉินชิงเฟิงจึงหันหน้าไปมองเธอแล้วยิ้มให้

เพราะเรื่องเมื่อครู่ เมื่อมู่น่อนน่อนเห็นเฉินชิงเฟิงยิ้ม จึงรู้สึกแปลกๆ

แต่เธอก็ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า ทำแค่ยิ้มให้เฉินชิงเฟิง

ผ่านไปสักพัก เฉินเหลียนก็เข้ามา

มู่น่อนน่อนกับเฉินถิงเซียวนั่งข้างคุณปู่เฉิน เฉินเหลียนก็ไปนั่งลงอีกด้านข้างคุณปู่เฉินด้วย

เฉินเหลียนถามขึ้นน้ำเสียงนุ่มนวล “น่อนน่อนกี่เดินแล้ว ท้องยังไม่ออกเลย”

“ไม่ถึงสองเดือนค่ะ” มู่น่อนน่อนอดไม่ได้ที่จะลูบท้องเล็กของตัวเองโดยอัตโนมัติ

เฉินถิงเซียวหันหน้าไปมองเธอ และสายตาก็อ่อนโยนตาม

สายตาของเฉินเหลียนมองกลับมาที่ทั้งสองคนแล้วก็ยิ้ม

เป็นรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนและใจดี

ทันใดนั้นมู่น่อนน่อนก็เกิดความสงสัย ผู้หญิงอย่างเฉินเหลียน ดูอ่อนโยนและอ่อนแอ แต่เด็กสองคนที่เธอเลี้ยงดูสั่งสอนกลับมีบุคลิกแตกต่างจากเธอโดยสิ้นเชิง

ไม่สิ แค่เฉินเจียฉินเท่านั้นที่มีบุคลิกแตกต่างจากเธอมากมายนัก

ส่วนซือเฉิงหยู้นั้นมีท่าทางอบอุ่นและอ่อนโยนมาโดยตลอด ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะทำเรื่องเลวร้ายเช่นนั้น

ที่ซือเฉิงหยู้กลายเป็นคนหน้าอย่างหลังอย่าง เกี่ยวข้องเพราะครอบครัวเป็นเหตุหรือไม่

“น่อนน่อน คุณเป็นอะไร”

มู่น่อนน่อนได้สติกลับมา ถึงได้พบว่าตัวเองกำลังจ้องเฉินเหลียนอยู่

เธอยิ้มและพูดว่า “คุณป้า มีอะไรเหรอคะ”

“เมื่อครู่ฉันถามคุณหลายรอบว่าจะไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจดูว่าชายหรือหญิงเมื่อไร” น้ำเสียงของเฉินเหลียนยังคงอบอุ่นอ่อนโยน

“คงจะไม่ค่ะ” มู่น่อนน่อนพูดแล้วหันไปมองเฉินถิงเซียว

เฉินถิงเซียวเลิกคิ้วของเฉินเหลียน น้ำเสียงค่อนข้างเย็นชา “ชายหญิงไม่สำคัญ”

บรรยากาศค่อนข้างกระอักกระอ่วน

ครอบครัวแบบตระกูลเฉิน โดยธรรมชาติแล้วจึงต้องการให้มู่น่อนน่อนให้กำเนิดบุตรชาย

เมื่อเฉินเหลียนถูกเฉินถิงเซียวพูดใส่อย่างนั้น สีหน้าจึงเปลี่ยนเล็กน้อย ฝืนยิ้มและไม่ส่งเสียงใดๆ อีก

มู่น่อนน่อนหยิกมือเฉินถิงเซียวเงียบๆ

วันนี้เพราะเป็นวันสิ้นปี เธอรู้สึกว่าเฉินถิงเซียวควรจะควบคุมอารมณ์เอาไว้หน่อย

แต่ใครจะรู้ เฉินถิงเซียวกลับหันหน้ามากวาดตามองเธออย่างเย็นชา...

……

ผ่านเที่ยงคืน ทุกคนกล่าวสวัสดีปีใหม่ซึ่งกันและกัน

คุณปู่เฉินมอบอั่งเปาซองใหญ่แก่เฉินถิงเซียวกับมู่น่อนน่อนคนละซอง “พวกแกทั้งคู่ต้องดีๆ กันนะ”

มู่น่อนน่อนยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณค่ะคุณปู่”

แน่นอนว่าหลานคนอื่นๆ ในตระกูลก็ได้รับอั่งเปาจากคุณปู่เฉินด้วย

กลับไปที่ห้อง มู่น่อนน่อนเปิดอั่งเปาพร้อมกับสังเกตสีหน้าท่าทางของเฉินถิงเซียวไปด้วย

เฉินถิงเซียวหลังจากที่เฉินเหลียนถามคำถามนั้น สีหน้าก็ไม่ดีอยู่ตลอด

“เฉินถิงเซียว!” มู่น่อนน่อนส่งเสียงเรียกเขา

เฉินถิงเซียวเหลือบมองเธออย่างไร้อารมณ์ “อะไร”

“คุณป้าแค่ถามว่าต้องการตรวจเพศเด็กหรือไม่ ทำไมคุณถึงทำปฏิกิริยาใหญ่โตขนาดนี้”

เฉินถิงเซียวไม่พูด

มู่น่อนน่อนลุกจากเตียงเดินไปหาเขา “เธอไม่ได้ตั้งใจ คุณ...”

“ตั้งใจไม่ตั้งใจผมสนเหรอ” เฉินถิงเซียวหันไปมองเธอ ใบหน้าเย็นชา “มู่น่อนน่อน ตอนนั้นที่ตอบตกลงคุณว่าจะกลับปีใหม่ที่บ้านเก่า ไม่ใช่การพาคุณมาอดทนคับข้องใจเห็นแก่หน้าคนอื่น”

มู่น่อนน่อนชะงักไป

ที่แท้ที่เขาเป็นแบบนี้เพราะโกรธมาก

“ฉันไม่ได้คับข้องใจ จริงๆ นะ”

มู่น่อนน่อนอยากหัวเราะ หลายวันมานี้เฉินถิงเซียวมองเธออย่างเข้มงวด เธอมีแต่จะรู้สึกเหมือนเป็นเด็กเล็ก ไหนเลยยังจะมีความคับข้องใจ

เฉินถิงเซียวจ้องเธออยู่สองสามวินาที เหมือนเพื่อความแน่ใจว่าเธอไม่ได้พูดโกหก

ไม่นานเขาก็ถอนหายใจ “นอนเถอะ”

……

วันรุ่งขึ้น

เมื่อมู่น่อนน่อนตื่นขึ้นมา เฉินถิงเซียวก็ไม่ได้อยู่ข้างกายแล้ว

ข้างนอกมีเสียงคนรับใช้ดังขึ้น “คุณหญิงน้อย คุณตื่นหรือยังคะ คุณท่านเฉินให้มาเชิญคุณไปหา คุณชายก็กำลังรอคุณอยู่ที่นั่นด้วยค่ะ”

มู่น่อนน่อนได้ยินก็ลุกขึ้นนั่งทันที “ตื่นแล้ว ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”

เธอมองดูเวลา มันสิบเอ็ดโมงแล้ว

เธอรีบลุกขึ้นล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปหาคุณปู่เฉิน

ประตูห้องคุณปู่เฉินเปิดกว้าง แต่ข้างในกลับไม่มีใคร

เธอออกจากในห้อง พลันได้ยินเสียงเคลื่อนไหวตรงปากบันได

“คุณปู่คะ”

เธอเรียกแล้วไม่ได้ยินเสียงตอบ จึงเดินเข้าไป

ทันใดนั้นก็มีเสียงของหนักกลิ้งตกจากบันได

มู่น่อนน่อนหัวใจบีบรัด รีบวิ่งไปที่บันใด

เธอวิ่งไปแล้วพบว่าคุณปู่เฉินกลิ้งตกบันไดถึงพื้นแล้ว พื้นสีขาวเต็มไปด้วยกองเลือดไหลนองเป็นวงกว้าง

มู่น่อนน่อนดวงตาเบิกกว้าง ผ่านไปหลายวินาทีกว่าจะได้สติ ก่อนจะร้องเรียกด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “คุณปู่!”

มีคนรับใช้ผ่านมากรี๊ดเสียงดังลั่น

“กรี๊ด! ใครก็ได้มาเร็วๆ คุณท่านล้ม...”

“เกิดอะไรขึ้น...คุณท่านเฉิน!”

“รีบโทรหาหมอเร็ว!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม