แต่ความรู้สึกอึดอัดแบบนั้น มาอย่างรวดเร็วแล้วก็จากไปอย่างรวดเร็ว
มู่น่อนน่อนหันหน้าไปมองนอกหน้าต่างรถนั้น รถยนต์สีดำที่อยู่ข้างๆคันนั้นได้ขับออกไปไกลแล้ว
เลขทะเบียนรถยนต์คันนั้นค่อนข้างพิเศษ คิดว่าเจ้าของรถยนต์คันนั้นคงจะรวยน่าดู
เธอคิดถึงชายหนุ่มที่เห็นแวบๆเมื่อสักครู่ และก็อดนึกถึงสิ่งที่ชายหนุ่มคนนั้นพูดไม่ได้
——เฉินมู่ ในสายตาของหนูที่บอกว่าสวยทำให้พ่อสงสัยว่าหนูเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อหรือเปล่า
ตอนนี้เธอดูน่าเกลียดมากเลยเหรอ
อีกอย่าง มีพ่อที่ไหนกันที่พูดกับลูกสาวตัวเองแบบนั้น
ดูแล้วคงเป็นผู้ชายที่เคร่งขรึมและเย็นชา คำพูดคำจารุนแรงขนาดนั้น ไม่รู้ว่าลูกสาวแบบไหนกันที่จะสามารถอดทนกับคนอย่างเขาได้
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ มู่น่อนน่อนก็หันหน้าไปมองลี่จิ่วเชียนที่กำลังจดจ่อกับการขับรถ
เมื่อเปรียบเทียบกันแบบนี้แล้ว ลี่จิ่วเชียนถือว่าเป็นผู้ชายที่ไม่เลวเลยทีเดียว
คนที่มีรักและภักดี แถมยังนิสัยดีอีกต่างหาก
“มองผมทำไม” หางตาลี่จิ่วเชียนเหลือบเห็นมู่น่อนน่อนกำลังจ้องมองเขา
มู่น่อนน่อนยิ้มแล้วกล่าว:“รู้สึกว่าคุณดีมาก”
ลี่จิ่วเชียนที่ดูเหมือนจะคิดไม่ถึงว่าเธอจะพูดคำแบบนี้ได้ แววตาจึงเป็นประกาย:“เหรอ”
……
รถยนต์ได้ขับเข้าไปสู่ชุมชนหนึ่งที่มีบรรยากาศสวยงาม
“คุณลงจากรถแล้วไปรอผมก่อน ผมจอดรถเสร็จแล้วจะตามมา” ลี่จิ่วเชียนพลางพูดพลางโน้มตัวไปช่วยมู่น่อนน่อนปลดล็อกเข็มขัดนิรภัย
มู่น่อนน่อนยื่นมือออกมาบังเขาอย่างอัตโนมัติ แล้วทำท่าป้องกันตัว :“เดี๋ยวฉันทำเอง”
มือที่ลี่จิ่วเชียนยื่นออกมาจึงได้ค้างชะงักอยู่กลางอากาศ
สักพักเขาพยักหน้าขึ้น:“ครับ”
มู่น่อนน่อนรู้สึกอึดอัด รีบปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วลงจากรถ
เธอยืนอยู่ข้างทาง มองดูลี่จิ่วเชียนนำรถไปจอด คิ้วที่เรียวสวยขมวดขึ้น
ก่อนหน้านี้เธอแค่รู้สึกว่าความสัมพันธ์เมื่อก่อนของตัวเองกับลี่จิ่วเชียนนั้นอาจแค่ไม่ได้ลึกซึ้ง แต่ว่าเมื่อสักครู่ที่ลี่จิ่วเชียนต้องการจะช่วยเธอปลดเข็มขัดนิรภัยนั้น หัวใจของเธอกลับเกิดความรู้สึกต่อต้าน
แล้วก็ทำท่าป้องกันตัวอย่างอัตโนมัติ
บางครั้ง ร่างกายคนเราตอบสนองได้เร็วกว่าและตรงไปตรงมากว่าสมองจริง ๆ
“กำลังคิดอะไรอยู่”
เสียงของลี่จิ่วเชียนได้ดึงความคิดของมู่น่อนน่อนกลับมา
เธอรีบเงยหน้าขึ้น ถึงได้พบว่าลี่จิ่วเชียนได้จอดรถเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาแล้ว
“ไม่ได้คิดอะไร แค่รู้สึกแดดร้อนนิดหน่อย” มู่น่อนน่อนเอื้อมมือมาบังหน้าผาก
อากาศตอนนี้ไม่ถือว่าร้อนมาก แต่ว่าก็ไม่ได้เย็นสดชื่น
ลี่จิ่วเชียนไม่ได้สงสัยอะไร แล้วพาเธอมุ่งเดินเข้าไปที่ตึกอาคาร
ในชุมชนมีความเขียวชอุ่มขจี อาคารของตึกก็ไม่สูงมาก ประมาณเจ็ดแปดชั้นเท่านั้น การก่อสร้างของอาคารก็ไม่ได้ติดกัน ทำให้เห็นได้ชัดว่าชุมชนมีความสงบและดูกว้างขวาง
ลี่จิ่วเชียนที่อยู่ด้านหน้าทำการเปิดประตู จากนั้นก็ยืนไปด้านข้าง:“เชิญครับ”
ด้านในเป็นห้องดูเพล็กซ์ สว่าง กว้างขวาง การตกแต่งก็ดูอบอุ่นมาก แต่นอกจากเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นแล้ว ก็ไม่มีการตกแต่งอย่างอื่นแต่อย่างใด ดูแล้วรู้สึกวังเวง
มู่น่อนน่อนเดินเข้าไป พบว่าของด้านในทั้งหมดนั้นยังใหม่เอี่ยม กลิ่นอายของชีวิตนั้นจืดชืด
ลี่จิ่วเชียนก้าวเดินตามเธอ และรักษาระยะห่างกับเธอหนึ่งก้าว:“รู้สึกว่าห้องเป็นไง”
ระยะห่างหนึ่งก้าว ไม่ทำให้ดูห่างเหิน และก็ไม่ทำให้ดูใกล้ชิดเกินไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...