ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 386

มู่น่อนน่อนเห็นท่าทางเคร่งขรึมของเฉินถิงเซียว ก็พอจะเดาดได้แล้วว่ามันคือเรื่องอะไร

เธอไม่ได้พูดอะไร ได้แต่เงยหน้ามองเสิ่นเหลียง

ร่างกายของเฉินถิงเซียวมีแรงกดขี่ออกมาอย่างรุนแรง เสิ่นเหลียงก็ทำได้เพียแค่กัดฟัน “ให้น่อนน่อนกับมู่มู่จำกันได้ เพราะว่าน่อนน่อนคือแม่แท้ๆ ของมู่มู่”

เรื่องนี้เสิ่นเหลียงพึ่งจะบอกมู่น่อนน่อนไปเมื่อกี้นี้ ดังนั้นมู่น่อนน่อนก็เลยไม่ได้ประหลาดใจเท่าไหร่

แต่ว่าสายตาของเธอก็จับจ้องไปที่เฉินถิงเซียว

เฉินถิงเซียวก็หันหน้ามองมาที่เธอเหมือนกัน ทั้งสองคนสบตากันในอากาศอยู่สองวินาที แล้วก็หลบตากันอย่างรวดเร็ว

เฉินถิงเซียวหัวเราะอย่างเย็นชา แล้วก็ถามเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “แล้วอะไรอีก? ”

เสิ่นเหลียงก็ทำได้แค่พูดในสิ่งที่บอกมู่น่อนน่อนเมื่อกี้นี้อีกครั้งหนึ่ง “พวกคุณเป็นสามีภรรยากัน”

พอพูดจบ เธอก็เงยหน้าขึ้นมองสีหน้าของเฉินถิงเซียวอย่างระมัดระวัง

เฉินถิงเซียวมักเป็นคนที่ต่อให้มีความสุขก็ไม่แสดงออกเสมอ ในขณะนี้ ใบหน้าของเขาไม่มีอารมณ์ที่ชัดเจน และการปรากฏที่เงียบนั้นคาดเดาไม่ได้

เสิ่นเหลียงรู้สึกกังวลนิดหน่อย แล้วก็ค่อยๆ ยื่นมือไปดึงมุมเสื้อของมู่น่อนน่อนเบาๆ

ถ้าเกิดว่าเป็นมู่น่อนน่อน เฉินถิงเซียวก็จะฟัง

ต่อให้ตอนนี้ทั้งสองคนความจำเสื่อม แต่ว่าเฉินถิงเซียวก็ได้ให้สือเย่ไปสืบเรื่องของมู่น่อนน่อน ไม่ใช่แค่นี้ แถมยังย้ายมาอยู่ตรงข้ามห้องของมู่น่อนน่อนอีกด้วย

นี่มันหมายถึงอะไร?

หมายถึง ต่อให้ทั้งสองคนสูญเสียความทรงจำ แต่ว่าสำหรับเฉินถิงเซียวแล้วมู่น่อนน่อนก็ยังเป็นคนที่พิเศษอยู่

โซ่ตรวนระหว่างคนบางคนอาจถูกลิขิตไว้ล่วงหน้า แม้ว่าพวกเขาจะหลงทางไปครึ่งทางและลืมกันและกัน แต่ก็ยังดึงดูดกันและกัน

เสิ่นเหลียงรู้สึกว่า น่าจะเป็นเหตุผลนี้

มู่น่อนน่อนได้รับสายตาขอความช่วยเหลือจากเสิ่นเหลียง ก็เม้มปาก และพูดด้วยสีหน้าที่สงบว่า “เรื่องนี้ถึงแม้ว่าฟังดูแล้วจะไร้สาระ แต่ว่าฉันก็เชื่อว่าเสี่ยวเหลียงไม่ได้โกหก……”

ตอนที่เธอพูดประโยคนี้นั้น แววตาของเฉินถิงเซียวถึงแม้ว่าจะไม่ได้เปลี่ยนไป แต่เขาก็ค่อยๆ หันมามองเธอ เห็นได้ชัดว่ากำลังฟังในสิ่งที่เธอพูดอยู่

แค่ฟังที่เธอพูดก็พอแล้ว

หลังจากชะงักไป มู่น่อนน่อนก็มองไปที่เฉินมู่

เฉินมู่กำลังตั้งแต่ดูการ์ตูนอยู่ ไม่ได้รับผลกระทบจากบรรยากาศที่จริงจังและหนักแน่นของพวกผู้ใหญ่เลย แถมยังดูไปด้วยพร้อมกับยิ้มไปด้วย

สีหน้าของมู่น่อนน่อนก็อ่อนโยนลงเล็กน้อย เสียงก็อ่อนโยนลงเหมือนกัน แล้วก็พูดต่อว่า “ให้ฉันกับมู่มู่ตรวจ DNA กันก็ได้นะ มันดูเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดแล้ว”

พอพูดจบ สายตาของทุกคนก็มองไปที่เฉินถิงเซียว

เฉินถิงเซียวนั่งด้วยสีหน้าที่มืดมนอยู่ตรงนั้น มองไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่

มือทั้งสองข้างที่วางอยู่ใต้โต๊ะของมู่น่อนน่อนกำแน่นอย่างช่วยไม่ได้

เรื่องที่เสิ่นเหลียงพูด แม้แต่เธอยังรู้สึกว่ามันแปลกๆ แล้วจะนับประสาอะไรกับเฉินถิงเซียวกันล่ะ

เฉินถิงเซียวคือประธานของบริษัทเฉินซื่อ แถมยังมีคู่หมั้นแล้วอีกด้วย……เรื่องแบบนี้พูดไปก็น่าจะยากที่จะเชื่อ

ทันใดนั้น มู่น่อนน่อนก็คิดอะไรขึ้นมาได้ แล้วก็ถามเฉินถิงเซียว “คุณก็ความจำเสื่อมเหรอ? ”

ตั้วแต่ตอนที่เสิ่นเหลียงพูดเรื่องพวกนี้นั้น เธอก็เอาแต่สนใจเรื่องของเฉินมู่

เพราะว่าเธอชอบเฉินมู่มาก ดังนั้นก็เลยสนใจเกี่ยวกับแค่เรื่องที่ว่าเฉินมู่อาจจะเป็นลูกสาวของเธอ สำหรับเรื่องที่เธอกับเฉินถิงเซียวเป็นสามีภรรยากันนั้น เธอไม่เคยนึกถึงมาก่อนเลย……

อย่างไรซะสำหรับเธอแล้ว เฉินถิงเซียวก็เป็นแค่คนแปลกหน้าที่พึ่งจะรู้จักกัน

เดิมทีนึกว่าเฉินถิงเซียวจะไม่สนใจเธอ แต่ไม่คิดว่าเขาจะพูดเตือนแบบนี้ “ทุกคนก็เป็นคนฉลาด ผมเชื่อว่าทุกคนควรจะรู้ว่า อะไรควรพูดกับภายนอก อะไรไม่ควรพูด”

มู่น่อนน่อนก็อึ้งไป แล้วก็เข้าใจในทันที “ฉันเข้าใจ”

เฉินถิงเซียวคือประธานของบริษัทเฉินซื่อ ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขามันต่างก็ต้องเกี่ยวข้องกับบริษัทเฉินซื่อ

ถ้าเกิดว่าคนภายนอกรู้ว่าเฉินถิงเซียวสูญเสียความทรงจำไปเมื่อสามปีก่อน มันจะส่งผลกระทบต่อหุ้นของ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม