เฉินถิงเซียวขมวดคิ้ว และเรียกชื่อเธอ “มู่น่อนน่อน”
มู่น่อนน่อนพูดขัดขึ้นมา เธอสบตาเขา และพูดอย่างจริงจังว่า “เฉินถิงเซียว ฉันรู้จักคุณดีกว่าที่คุณคิดไว้”
“ตอนนี้คุณรู้สึกกับฉัน หรือกับมู่มู่แล้ว ยังไม่มีความผูกพัน คุณกำลังพยายามยอมรับพวกเรา แค่นี้ก็ดีมากแล้ว อย่าเพิ่งใจร้อน ค่อยๆ เดินเข้าหาพวกเราทีละก้าวนะคะ”
เฉินถิงเซียวเองก็กำลังพยายามเช่นกัน เขาพยายามที่จะยอมรับเธอกับเฉินมู่
แต่เห็นได้ชัด ว่าผลลัพธ์มันไม่ค่อยดีนัก
นี้อาจเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ก่อนหน้านี้ของเฉินถิงเซียว
ในช่วงวัยรุ่นของเขา เพราะแม่ของเขา ทำให้โลกของเขามืดมนลงไป
มันไม่ง่ายเลยจริงๆ
จะเดินเข้าไปในหัวใจของเขา มันไม่ง่ายเลย
และเขาเป็นคนที่ชอบควบคุมเรื่องทุกอย่างไว้ในอุ้งมือ
จากนั้น ความทรงจำของเขาดูวุ่นวาย ความทรงจำของเขากลับไปอยู่ในช่วงวัยยี่สิบต้นๆ
ในตอนนั้นเขายังไม่รู้จักมู่น่อนน่อนกับเฉินมู่
เขาอาจจะยอมรับตัวตนของเขาในฐานะประธานของบริษัทเฉินซื่อ ยอมรับความจริงของคดีลักพาตัวแม่ของเขา แต่มู่น่อนน่อนกับเฉินมู่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเขาโดยสิ้นเชิง
เพราะพวกเธอสองคน คนหนึ่งเป็นภรรยาของเขา อีกคนเป็นลูกสาวของเขา ล้วนแต่เป็นคนที่สนิทกับเขามากที่สุด
อ้อ จะให้พูดให้เจาะจงกว่านี้ ตอนนี้เธอก็เป็นแค่อดีตภรรยาของเขาเท่านั้นเอง
ตอนที่เฉินถิงเซียวอยู่กับพวกเธอ จริง ๆ แล้วเขาก็รู้จะทำตัวยังไง นี่คือสิ่งที่ มู่น่อนน่อนรู้สึกได้
มู่น่อนน่อนไม่รู้ว่าคำพูดของเธอ เฉินถิงเซียวจะฟังหรือเปล่า
เขามองไปทางมู่น่อนน่อนสักพัก แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า: “ตามใจคุณ”
พอพูดเสร็จเขาก็หันหลังเดินออกไป
……
หลังจากที่เฉินมู่ตื่น มู่น่อนน่อนก็พาเธอกลับไปด้วยทันที
พอเฉินมู่กลับถึงบ้านก็รู้สึกดีขึ้นมาก มู่น่อนน่อนทำอาหารให้กิน แล้วก็เกลี้ยกล่อมให้เฉินมู่เข้านอน
และอาจเป็นเพราะกำลังป่วย เฉินมู่จึงติดคนมากเป็นพิเศษ
มู่น่อนน่อนกล่อมเธออยู่สักพัก แต่พอเธอกำลังจะเดินออกไป เฉินมู่ก็จะคว้ามือเธอไว้ “คุณแม่อย่าไปไหนนะคะ”
“ได้จ้ะ แม่ไม่ไป คืนนี้แม่จะนอนกับเธอ” มู่น่อนน่อนต้องเอนกายลงบนเตียงเพื่อกล่อมเธออีกครั้ง
เฉินมู่ดวงตาเป็นประกายอย่างดีใจ “ค่ะ”
เฉินมู่เพิ่งผล็อยหลับไป โทรศัพท์มือถือของมู่น่อนน่อนก็ดังขึ้นมา
มู่น่อนน่อนรีบปิดเสียง แล้วค่อยๆ เปิดประตูย่องออกไปจากห้อง
คนที่โทรมาคือฉินสุ่ยซาน
ตอนกลางวันเพิ่งเจอกันไป แต่โทรกลับมาเร็วขนาดนี้ มีอะไรสำคัญอะไรหรือเปล่า?
ทันทีที่กดรับสาย เสียงของฉินสุ่ยซานก็ดังเข้ามาตามสาย “คืนพรุ่งนี้มีงานเลี้ยง เราไปร่วมงานกัน”
“งานเลี้ยงอะไร”
เธอไม่พูดเริ่มต้นและสรุปท้าย มู่น่อนน่อนยังไม่รู้เลยว่างานเลี้ยงอะไร
“เป็นงานเลี้ยงประกาศรางวัลเล็กๆ มีคนในวงการไปร่วมงานเยอะพอตัว แล้วยังมียังมีนักลงทุนอยู่ด้วย ยังไงต่อไปเธอก็ต้องอยู่ในวงการนี้ ไปทำความคุ้นเคยกับฉันไว้ก่อน”
มู่น่อนน่อนรู้ดี ว่าฉินสุ่ยซานกำลังพาเธอไปเพื่อดึงดูดนักลงทุน
ที่จริงแล้วไปแสดงตัวสักนิดก็เป็นเรื่องดี
เหมือนกับที่ฉินสุ่ยซานพูดไว้ ต่อไปนี้เธอต้องทำมาหากินอยู่ในวงการนี้ ต้องมีเส้นสายไว้บ้าง จึงต้องทำความรู้จักกับคนอื่นบ้างเป็นธรรมดา แล้วเธอต้องสร้างพรสวรรค์ในแวดวงให้มากขึ้น
มู่น่อนน่อนเห็นด้วย “ได้สิ แล้วไปกี่โมง”
หลังจากวางสายแล้ว มู่น่อนน่อนถึงนึกขึ้นได้ว่ามีเฉินมู่อยู่ด้วย
ถ้าเธอไปงานเลี้ยง แล้วเฉินมู่จะทำยังไง?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...