มู่น่อนน่อนลืมตา ก็พบกับแววตาลุ่มลึกของเฉินถิงเซียว
เม้มปาก หรี่ตาเล็กน้อยแล้วสักพักก็ลุกขึ้นมาอย่างกะทันหัน มานั่งบนเตียง
“ปึก!”
เฉินถิงเซียวเดิมทีก็คือก้มตัวลงมามองมู่น่อนน่อน ตอนที่มู่น่อนน่อนลุกขึ้นเลยกระแทกเข้ากับหน้าผากของเขา
มู่น่อนน่อนแตะหน้าผากตัวเองเงียบๆ เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่นานก็หายไป
เฉินถิงเซียวเหยียดมือออก จับหน้าผากตัวเอง จ้องมู่น่อนน่อนด้วยใบหน้านิ่งขรึมราวกับน้ำลึก
มู่น่อนน่อนกลิ้งลงจากเตียงช้าๆ พูดด้วยสีหน้านิ่งเรียบว่า: “ขอโทษที ไม่ระวังเลยชนคุณเข้า”
แม้ว่าเธอก็เจ็บนิดหน่อย แต่เฉินถิงเซียวดูจะเจ็บมากกว่า
ไม่ระวัง?
เฉินถิงเซียวเชื่อเธอก็แปลกแล้ว
เนื่องจากสภาพอากาศไม่ดี ทั้งสองคนนอนหลับเลยไม่ถอดเสื้อผ้า มู่น่อนน่อนสวมเสื้อคลุมของตัวเอง ก็เดินลงไปชั้นล่างเลย
คุณลุงที่รับช่วยเหลือพวกเขาคนนั้นตื่นเรียบร้อยแล้ว กำลังก่อไฟอยู่ในห้องครัว
มู่น่อนน่อนพูดออกมาว่า: “คุณลุง อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
คุณลุงเงยหน้าขึ้นมาจากกองไฟและควัน หรี่ตามองมาทางมู่น่อนน่อน: “เช้าขนาดนี้ก็ตื่นแล้ว ไม่นอนต่ออีกเสียหน่อยล่ะ?”
“ตื่นแล้วก็ลุกแล้วค่ะ คุณก็ตื่นเช้าขนาดนี้เหมือนกันไม่ใช่หรอคะ?” มู่น่อนน่อนพับแขนเสื้อขึ้น: “จะทำอาหารเช้าใช่มั้ยคะ? หนูช่วยนะคะ ต้องทำอะไรบ้างคะ?”
คุณลุงส่ายหัว: “ไม่ต้องหรอก”
แม่หนูคนนี้มองดูแล้วผิวพรรณขาวเนียนละเอียด จะทำงานใช้แรงงานพวกนี้ได้ที่ไหน
“ถ้างั้นคุณจุดไฟนะคะ หนูช่วยคุณทำอาหารได้ค่ะ” มู่น่อนน่อนเสยผมที่ข้างหู พูดด้วยรอยยิ้ม
คุณลุงเห็นเธอพูดขนาดนี้แล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก นั่งจุดไฟอยู่หน้าเตาฟืน บอกเธอว่าต้องทำอะไรบ้าง
ในชนบทมีอะไรก็กินอันนั้น ฤดูไหนกินผักอะไร มีบะหมี่กินบะหมี่ มีข้าวกินข้าว
คุณลุงขอให้มู่น่อนน่อนทอดไข่สามฟอง จากนั้นเทน้ำต้มบะหมี่
น้ำยังไม่ทันจะเดือด คุณลุงก็ลุกขึ้นมา หยิบเสื้อกันฝนจะเดินออกไปข้างนอก
มู่น่อนน่อนถามเขาว่า: “คุณจะไปทำอะไรคะ?”
“ที่พื้นดินข้างหน้ามีผักกวางตุ้ง ฉันจะไปเก็บมาต้มกิน” คุณลุงขณะพูด ก็จะเดินออกไปข้างนอก
มู่น่อนน่อนมองออกไปข้างนอกแวบนึง ฝนตกหนักขนาดนั้น พื้นด้านนอกล้วนเป็นโคลน เดินเหยียบไม่ระวังนิดเดียวจะล้มเอาได้
มู่น่อนน่อนขมวดคิ้วเล็กน้อย ดึงคุณลุงไว้: “ให้หนูไปละกันค่ะ”
“เธอไปอะไร ฉันจะไปเอง!” คุณลุงดื้อรั้น แค่คิ้วขมวด ก็เผยให้เห็นถึงความน่าเกรงขามของผู้สูงอายุ
ในเวลานี้ เฉินถิงเซียวลงมาจากชั้นบน
มู่น่อนน่อนเห็นเช่นนี้ ก็รีบชี้ไปที่เฉินถิงเซียวและพูดกับคุณลุงว่า: “ให้เขาไปละกันค่ะ”
เฉินถิงเซียวชี้มาที่ตัวเอง เลิกคิ้วเล็กน้อยและเดินเข้าไป: “ไปทำอะไร?”
“คุณลุงบอกว่าจะไปเก็บผักกวางตุ้งตรงพื้นที่ด้านหน้า เอากลับมาต้มบะหมี่ น้ำในหม้อก็จะเดือดแล้ว คุณรีบไปเถอะ”
มู่น่อนน่อนผลักเขาไปทางด้านนอกเล็กน้อย
น้ำเสียงใช้งานเขาเป็นธรรมชาติอย่างมาก
เฉินถิงเซียวเหลือบมองเธอนิ่งๆแวบหนึ่ง รับเสื้อกันฝนจากมือของคุณลุงมา สวมใส่บนตัวแล้วก็เดินออกไป
มู่น่อนน่อนเห็นเขาเดินก้าวใหญ่ๆอยู่ในสายฝน ริมฝีปากเหยียดขึ้นเล็กน้อยยิ้มออกมา
เธอพบว่า เฉินถิงเซียวก็แค่พูดจาไม่น่าฟังกับเรื่องเล็กๆ แต่ถ้าลงมือทำ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยไม่ตั้งใจ
แม้ว่าจะแตกต่างไปจากอดีต แต่เฉินถิงเซียวก็ยังคงเป็นเฉินถิงเซียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...