ตอน บทที่ 479 ไม่กล้ารับ ก็ต้องรับ จาก ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 479 ไม่กล้ารับ ก็ต้องรับ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม ที่เขียนโดย Meow(○` 3′○) เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ระยะห่างที่มู่น่อนน่อนออกเดินทางจากเมืองหู้หยางมาหาเสิ่นเหลียง จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาประมาณไม่ถึงห้าวัน
จากเมืองหู้หยางมาที่นี่ เดินทางใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งหรือสองวัน อีกทั้งตอนนี้สภาพถนนย่ำแย่ เดินทางลำบากแน่นอน ก็ต้องใช้เวลาเดินทางเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย
ถ้าหากเดินทางใช้เวลาสองวัน ถ้าอย่างนั้นเวลาออกเดินทางของลี่จิ่วเชียน ก็ต้องเลื่อนขึ้นมาก่อนอีกอย่างน้อยสองวัน
เฉินถิงเซียวออกเดินทางวันที่สองหลังจากที่มู่น่อนน่อนออกเดินทาง วันที่สามมาถึง
จากการคาดเดา ลี่จิ่วเชียนก็คือในวันนั้นที่เฉินถิงเซียวมาถึง เริ่มออกเดินทางมาที่นี่
ในเวลาสั้นขนาดนี้ สามารถมั่นใจว่าเธออยู่ที่นี่ และมาตามหา ก็แสดงว่า——ลี่จิ่วเชียนเป็นไปได้มากที่จะแอบติดตามทุกความเคลื่อนไหวของเธอ
เธอใช้ชีวิตอยู่กับลี่จิ่วเชียนมาระยะหนึ่ง ต่อมาทั้งสองคนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ร่วมกัน แม้จะบอกว่าเป็นมิตรภาพที่ผ่านความเป็นความตายกันมา แต่มู่น่อนน่อนก็รู้สึกได้ว่า ลี่จิ่วเชียนไม่ได้คิดกับเธอแบบความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง
ผู้ชายคนหนึ่ง ติดตามทุกการเคลื่อนไหวของผู้หญิงคนหนึ่งตลอดเวลา ถ้าหากไม่ได้คิดกับผู้หญิงคนนี้แบบความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง ก็จะต้องมีจุดประสงค์อื่นแน่
สำหรับจุดประสงค์ของลี่จิ่วเชียน มู่น่อนน่อนยังคงเต็มใจที่จะคิดไปในทางที่ดี
ถึงยังไง ลี่จิ่วเชียนก็คอยช่วยเธอมาโดยตลอด
แม้ว่าเมื่อสามปีก่อนเขาจะปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน แต่กลับช่วยชีวิตเธอไว้
ถ้าไม่มีเขา เธอคงตายไปนานแล้ว
มู่น่อนน่อนถามเขาว่า: “ถนนด้านนอกเสียหายหนักมาก คุณเข้ามาได้ยังไง?”
“เฮลิคอปเตอร์” ลี่จิ่วเชียนพูดจบ ก็มองตรวจสอบเธอรอบหนึ่ง: “คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
มู่น่อนน่อนกำลังจะพูด ถึงจะสัมผัสได้ว่าบรรยากาศมีบางอย่างผิดปกติ
เธอหันหน้าไป ก็เห็นเฉินถิงเซียวจ้องเธออย่างเย็นชาอยู่ตรงหน้า
มู่น่อนน่อนหนาวสั่น เธอไปยั่วโมโหเขาตรงไหนอีกล่ะ?
เธอเม้มปาก นั่งลงข้างๆเฉินถิงเซียว ตอนที่หันไปมองอีกครั้ง พบว่าสีหน้าของเฉินถิงเซียวเหมือนว่าจะดีขึ้นมาเล็กน้อย เธอถึงจะถามลี่จิ่วเชียนว่า: “คุณกินข้าวเช้าแล้วหรือยัง?”
ลี่จิ่วเชียนกวาดสายตามองเธอและเฉินถิงเซียว ตอบว่า: “กินแล้ว”
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าบรรยากาศมีบางอย่างแปลกๆ ไม่รู้จะพูดอะไร เลยถือโอกาสพูดบอกไปว่า: “เรายังไม่ได้กินเลย...”
เวลานี้ เฉินถิงเซียวที่ไม่พูดอะไรมาตลอดก็พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน: “คลินิกของคุณลี่ล้มละลายแล้วหรอครับ?”
สีหน้าของลี่จิ่วเชียนแข็งทื่อไปสองสามวินาที จากนั้นถึงจะพูดว่า: “เปล่าครับ ไม่รู้ว่าทำไมคุณเฉินถึงถามแบบนี้ล่ะครับ?"
เฉินถิงเซียวหัวเราะเหอะ น้ำเสียงทุ้มต่ำเย็นชามากขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย: “คุณลี่ว่างมาเป็นห่วงภรรยาของคนอื่น ผมก็นึกว่าเป็นเพราะคลินิกล้มละลายแล้ว เลยว่างจนไม่มีอะไรทำ”
มู่น่อนน่อนได้ยินคำว่า “ภรรยา” สองคำนี้ ก็เงยหน้าขึ้นมองเฉินถิงเซียวอย่างแปลกใจ
ลี่จิ่วเชียนถูกคำพูดของเฉินถิงเซียวทำให้จุกจนพูดไม่ออกอยู่สักพัก
เขายกมุมปากก่อน เผยรอยยิ้มที่ฝืนๆอย่างมาก: “ขอบคุณความห่วงใยของคุณเฉินนะครับ ห้องตรวจจิตเวชของผมเปิดปกติดี มีลูกค้าประจำมากมาย แต่ใครๆก็อยากใหญ่โต ถ้าคุณเฉินหวังดี ก็ช่วยแนะนำลูกค้าให้ผมสักหน่อย หรือคุณเฉินเอง จะมาดูแลธุรกิจของผมสักหน่อยก็ได้นะครับ”
ลี่จิ่วเชียนพูดถึงตอนท้าย น้ำเสียงก็ยิ่งเป็นธรรมชาติมากขึ้น ราวกับว่าสร้างพันธมิตรทางธุรกิจอยู่ในงานเลี้ยงอาหารค่ำ
เพียงแต่ว่า…
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าประโยคสุดท้ายของเขา เหมือนจะมีความหมายอื่นแอบแฝง
รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินถิงเซียวยิ่งเพิ่มมากขึ้น รัศมีบนตัวก็ยิ่งเยือกเย็นมากยิ่งขึ้น: “ผมกล้าไป คุณกล้ารับมั้ยครับ?”
“คุณเฉินอุตส่าห์มาหาผมได้ นั่นคือไว้วางใจในตัวผม และเป็นเกียรติของผม ต่อให้ผมไม่กล้ารับ ก็ต้องรับครับ” เสียงของลี่จิ่วเชียนฟังดูเหมือนตื่นเต้นดีใจเล็กน้อย
ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็คงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“กินข้าวเช้าได้แล้ว”
เสียงของคุณลุงดังมาจากห้องข้างๆ มู่น่อนน่อนหันหน้าไป ก็เห็นคุณลุงเดินมาถึงที่ประตูห้องโถงแล้ว มือข้างหนึ่งถือผัดผักกวางตุ้งหนึ่งชาม มีอีกข้างหนึ่งถืออีกผักดองหนึ่งชาม
เขาถือผักสองชามเดินตรงไปข้างๆลี่จิ่วเชียน วางผักสองชามลงบนโต๊ะ ขมวดคิ้วมองลี่จิ่วเชียนแวบหนึ่ง หันหลังกลับไปหยิบเก้าอี้ตัวกนึ่งมา และนั่งลงข้างๆ
ปกติคุณลุงอยู่คนเดียว ในห้องโถงมีเก้าอี้สามตัวพอดี ไม่กี่วันนี้ตอนที่พวกเขากินข้าว หนึ่งคนก็เก้าอี้หนึ่งตัวพอดีนั่งกินข้าวรอบโต๊ะ
สีหน้าเมื่อกี้ของคุณลุง ราวกับว่ากำลังโทษลี่จิ่วเชียนที่แย่งที่นั่งของเขา
คุณลุงเป็นคนหัวรั้น อาจจะไม่พอใจที่ลี่จิ่วเชียนไม่บอกกล่าวสักคำก็เข้ามาในบ้านของเขาแล้ว
มู่น่อนน่อนรีบลุกยืนขึ้นเอาเก้าอี้ของตัวเองวางไว้หน้าโต๊ะอาหาร: “หนูไปยกข้าวในครัวนะคะ”
“อืม” คุณลุงพยักหน้า แล้วหันหน้ามาเหลือบมองลี่จิ่วเชียนแวบหนึ่งอีกครั้ง
ต่อให้ลี่จิ่วเชียนจะตอบสนองช้าก็สูญเปล่า เมื่อกี้ชายชราคนนี้ขมวดคิ้วมองเขานั้นหมายถึงอะไร
มู่น่อนน่อนไปที่ห้องครัวยกข้าวต้มมาสองชาม หันหลังกลับก็เห็นเฉินถิงเซียวก็เข้ามาด้วย
ประตูห้องครัวเล็กไปหน่อย ตอนที่เฉินถิงเซียวเข้ามาเลยก้มตัวเล็กน้อย รับข้าวต้มสองชามในมือของมู่น่อนน่อนมา หันหลังกลับแล้วเดินออกไป
มู่น่อนน่อนหมุนตัวกลับมาหยิบอีกชามหนึ่ง เดินตามหลังเฉินถิงเซียว
ดังนั้น ลี่จิ่วเชียนจึงเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว
มู่น่อนน่อนและเฉินถิงเซียวนั่งลงหน้าโต๊ะไม้ที่เก่าจนมองสีเดิมไม่ออกตัวหนึ่ง ร่วมกันกับชายชราในชนบทคนหนึ่ง กินข้าวต้มกับผักดองที่มองสีไม่ออกและผักกวางตุ้งหนึ่งชาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...