“เปล่า คุณไม่ต้องห่วง ผมรับผิดชอบเองทั้งหมด หลังจากที่บอสไปแล้ว ได้สั่งให้คนขังผมเอาไว้ ดังนั้นผมจึงได้รับบาดเจ็บสาหัส ผมใช้จังหวะที่คืนนี้คนพวกนั้นดื่มกันจนเมามายแล้วหนีออกมา ”
เมื่อมู่จื่อหนิงได้ฟังคำพูดของเขา ก็ตะลึงงันอยู่กับที่ ในแววตาเต็มไปด้วยความตกใจ
“บอสไม่เก็บผมไว้อีกแล้ว อีกทั้งยังจะสอบสวนเอาความกับผมด้วย และจัดการกับผมขั้นเด็ดขาด คุณให้ที่พักพิงกับผมชั่วคราวได้ไหม ? ผมได้รับบาดเจ็บ หนีไปไหนได้ไม่ไกลหรอก แต่หากผมหายดีแล้ว ผมจะไปทันที”
เมื่อเห็นมู่จื่อหนิงยังตะลึงงัน และไม่พูดอะไร
เขาก็รีบพูดเสริมอย่างถ่อมตัวว่า“คุณวางใจได้ ผมจะไม่สร้างปัญหาให้คุณอย่างแน่นอน ”
“คือ……ขอฉันคิดดูก่อน”มู่จื่อหนิงก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว“ ฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้อย่างเหมาะสมที่สุด ”
หลิวเหนียนที่สูญสิ้นความไว้เนื้อเชื่อใจจากเฟิงยู่เหนียน สำหรับเธอแล้วก็ไม่ได้มีความหมายอะไรอีก แต่หากเธอจะตัดสัมพันธ์กับเขาไปในทันที และหากเขาไปจากคฤหาสน์ตระกูลมู่แล้ว กลับสาวไส้ของเธอออกมา มันยิ่งจะเป็นภัยกับเธอมากกว่า
เพื่อให้แน่ใจว่าแผนการของเธอในอนาคตจะไม่มีอะไรผิดพลาด เธอจึงทำได้เพียงแกล้งทำทีเป็นห่วงใยเขา ให้เขาพักพิงอยู่ที่นี่ชั่วคราวไปก่อน
“ไม่มีปัญหาแน่นอน ตอนนี้คุณบาดเจ็บขนาดนี้ ฉันคงทนนิ่งเฉยไม่ได้ ”มู่จื่อหนิงดึงแขนเสื้อของเขา“สองสามวันนี้ต้องลำบากคุณ ให้พักอยู่ที่เรือนพักคนใช้ไปก่อน ได้ไหม?”
“คุณมู่ยอมช่วยเหลือผม ให้ที่พักอาศัยผม ผมก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว จะลำบากได้ยังไง ?”
หลิวเหนียนมองดูเธอด้วยความซาบซึ้งใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความอบอุ่นใจและชื่นชม
มู่จื่อหนิงยิ้มรับด้วยใบหน้าที่ยินดี แต่ทันทีที่หันหลังกลับ ใบหน้าก็นิ่งลงในทันที
เป็นแค่คนที่ไร้ประโยชน์คนหนึ่ง แล้วยังจะหวังอะไรได้อีก?
หลิวเหนียนเดินกะโผลกกะเผลกตามมาด้านหลัง สายตาจ้องมองแผ่นหลังของเธอไม่วางตา ในใจนึกชื่นชมเธอมากขึ้นไปอีก
หลังจากที่มู่จื่อหนิงจัดการธุระให้เขาเสร็จสรรพ พูดคุยด้วยอีกสักสองสามคำ ก็กลับไปที่ห้องพักของตัวเอง
เธอนั่งลงบนเตียง แล้วกดโทรออกอีกครั้ง ใบหน้ามีความชั่วร้ายปรากฏ
“รอพรุ่งนี้เมื่อทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ฆ่าเขาให้ตายซะ จะได้ไม่มาเป็นภัยในภายหลัง”
ไม่รอให้ปลายสายได้ตอบกลับ มู่จื่อหนิงก็กดตัดสายทิ้งในทันที แล้วโยนโทรศัพท์ลงบนหัวเตียงอย่างเย็นชา
เช้าวันรุ่งขึ้น
มู่จื่อหนิงตื่นมาแต่งตัวแต่เช้า เพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองจะมีภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดต่อหน้านักข่าว
นักข่าวทุกสำนักต่างมายืนออกันอยู่ที่ด้านหน้าของสถานที่จัดงาน และต่างก็ถือกล้องและไมโครโฟนรอกันอยู่ที่หน้าประตู เพื่ออยากจะได้รูปที่เอ็กซ์คลูซีฟที่สุด
มู่จื่อหนิงลงมาจากรถด้วยท่วงท่าที่สง่างาม หันมองแล้วยิ้มให้กล้องด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่วันนี้ได้มีโอกาสพบปะกับทุกคน วันนี้ฉันมาทำตามคำมั่นที่คู่หมั้นของฉันประธานเฟิงได้แจ้งกับทุกท่านเอาไว้ก่อนหน้า เพราะประธานเฟิงมีธุระสำคัญที่ต้องไปจัดการ ดังนั้นฉันจึงจะเป็นคนเปิดแถลงการณ์นี้เอง ฉันจะเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องสุดท้ายนี้ให้ทุกคนได้รับทราบ ”
เธอกวาดตามองไปยังรอบๆบริเวณโดยไม่มีความกังวลหรือความกลัวใดๆ หยิบเอาเอกสารที่ได้ร่างมาแล้วขึ้นมา
ความมั่นใจนี้ของเธอ ทำเอานักข่าวต่างพากันถกเถียงเสียงเบา
หลังจากที่เธอได้ยินคำชื่นชมจากนักข่าวแถวหน้า ในใจก็ยิ่งลำพองมากขึ้น
“เมื่อไม่นานมานี้ อดีตภรรยาของคู่หมั้นฉัน คุณเซิงเกอ ได้ว่าจ้างพวกอันธพาล วางแผนทำร้ายฉันจนบาดเจ็บสาหัส ต้องเข้าพักรักษาตัวนานกว่าหนึ่งสัปดาห์ในโรงพยาบาล ระหว่างนั้นก็ยังได้ส่งพวงหรีดเพื่อให้ฉันอับอายและเสื่อมเสีย คิดว่าทุกคนคงรู้กันดี”
“เดิมทีฉันอยากจะไกล่เกลี่ยเพื่อยุติความขัดแย้งนี้ แต่ฉันไม่คิดว่า เธอจะเสียสติได้ขนาดนี้ พาตัวพี่สาวของฉันมู่ซิ่นซินที่นอนไม่ได้สติออกจากโรงพยาบาลไป แล้วฆ่าเขาอย่างไร้ความเมตตาปรานี!”
มู่จื่อหนิงบรรยาย“ความผิดบาป”นี้ของเซิงเกออย่างเศร้าสะเทือนใจ พอถึงจุดที่อ่อนไหวก็บีบน้ำตาออกมาด้วยเล็กน้อย
นักข่าวต่างพากันแตกตื่น และพากันกระซิบกระซาบขึ้นมา
บนเวที มู่จื่อหนิงยังคงกล่าวโทษด้วยวาจาที่คมคายเป็นเลิศ
“งานแถลงข่าวในวันนี้ ไม่เพียงคืนความบริสุทธิ์ให้ตัวเองเท่านั้น แต่ยังเป็นการประณามความชั่วร้ายของเธออีกด้วย!ตระกูลมู่ของเราจะไม่ทนกับการถูกกลั่นแกล้งและรังแกแบบนี้อย่างเด็ดขาด!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉันนี่แหละ...คุณหนูพันล้าน เซิงเกอ!
เรื่องนี้น่าสนุก...รอติดตามต่อนะคะ...
ไม่ลงต่อเหรอคะ มีตั้ง 452 ตอนจบนะคะ รออ่านต่อนะคะ...
เรื่องนี้ไปติดเหรียญเเอปอื่นซะแล้ว...