“เกิดอะไรขึ้นกับซิ่นซิน?”
มู่เจี้ยนเต๋อปิดทีวี แล้วเอ่ยถาม
“ซิ่นซินถูกลู่ฮั๋วพาตัวไป บอกว่าจะหาหมอมาผ่าตัดให้เธอ แต่เพราะความผิดพลาดระหว่างการผ่าตัด ซิ่นซินก็เลยฮือๆ……”
หยุนเหม่ยร้องห่มร้องไห้อย่างหนัก ใบหน้าเศร้าเสียใจ ยังคงร้องไห้ต่อ“ ฉันไปที่บ้านลู่ฮั๋วเพื่อขอคำอธิบาย แต่เขาไม่ยอมให้ร่างที่ไร้วิญญาณของลูกสาวกับฉัน หนำซ้ำยังไล่ฉันออกจากบ้านอีก !”
เธอกุมไปที่หน้าอกแล้วสะอื้นไห้
มู่เจี้ยนเต๋อรีบรินน้ำให้เธอ ประคองเธอให้นั่งลง แล้วตบหลังเธอเบาๆ เพื่อให้เธอหายใจสะดวกยิ่งขึ้น
“แล้วจะทำยังไงกันดี ? ลู่ฮั๋วไม่ใช่คนที่ตระกูลมู่อย่างเราจะไปมีเรื่องด้วยได้นะ ”
หลังจากที่ได้ยินข่าวร้ายของลูกสาว ดวงตาของมู่เจี้ยนเต๋อก็แดงก่ำ ไม่รู้จะทำยังไงเพราะอีกฝ่ายคือลู่ฮั๋ว……
ฝั่งหนึ่งเป็นศพของลูกสาว อีกฝั่งหนึ่งคือลู่ฮั๋วผู้มีอำนาจและอิทธิพลในวงการบันเทิง อีกทั้งเบื้องหลังยังมีมหาเศรษฐีอย่างตระกูลลู่ของเมืองSคอยสนับสนุน ต่อให้เขาจะเสียใจมากแค่ไหนกับการจากไปของลูกสาว และอยากให้ลู่ฮั๋วต้องชดใช้ แต่ก็ไม่กล้าที่จะไปมีเรื่องด้วย
เขาอยู่ตรงกลาง มีสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
มู่จื่อหนิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องอย่างไม่คิดปิดบัง
หยุนเหม่ยที่หายจากความเศร้าโศก ก็เห็นเธอที่ยิ้มจนหน้าบาน ความโกรธที่สะสมมาเป็นเวลานานก็ปะทุขึ้น ชี้หน้าแล้วก่นด่าเธอทันที
“เธอมันนังคนชั่ว เธอฆ่าลูกสาวของฉัน!ถ้าไม่ใช่เพราะตัวซวยอย่างเธอ ซิ่นซินจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ยังไง!ตอนนี้ให้ฉันต้องมาดูลูกตายก่อนตัวเอง!”
มู่จื่อหนิงเค้นเสียงหึ ยกยิ้ม“ฉันไม่ได้ให้เขาไปเมาแล้วมาขับรถสักหน่อย และไม่ใช่ฉันที่เอาตัวเขาไปให้ลู่ฮั๋วเพื่อให้คนมาผ่าตัดเขา เขาตายแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน ? คุณอย่ามาใส่ร้ายกันแบบนี้ดีกว่า เรื่องอะไรที่มันไม่ดีก็เอามาลงที่ฉันหมด ”
เธอกลอกตาใส่ด้วยความรังเกียจ กระแทกแก้วคริสทัลในมือลงบนโต๊ะอย่างแรง
“เพราะนังสารเลวอย่างเธอ ไม่อย่างนั้นเมื่อคืนเธอจะรู้ล่วงหน้าได้ยังไงว่าซิ่นซินตายแล้ว!เธอยังกล้าแถอีกเหรอ วันนี้ฉันจะตีเธอให้ตาย!”
หยุนเหม่ยโมโหหนัก คว้ารีโมททีวีที่อยู่บนโต๊ะกาแฟแล้วขว้างใส่เธอ
“หยุดเลยนะ !นี่มันอะไรกัน !”
มู่เจี้ยนเต๋อคำรามเสียงดัง ทั้งสองจึงหยุดการต่อสู้
มู่จื่อหนิงขยับชิดไปยังริมโซฟา เว้นระยะห่างกับหยุนเหม่ยพูดเสียงเบา
“พรุ่งนี้เป็นวันที่อะยู่บอกว่าจะแถลงข่าวกับสาธารณชน เราสามารถใช้โอกาสนี้ได้ เพื่อเปิดเผยข่าวการเสียชีวิตของพี่”
“นี่เธอหมายความว่ายังไง ? ซิ่นซินเสียชีวิตไปแล้ว เธอยังจะใช้ประโยชน์จากเขาอีกเหรอ?”
หยุนเหม่ยก็ฉุนเฉียวขึ้นมาอีกครั้ง มู่เจี้ยนเต๋อรีบคว้าตัวเธอเอาไว้ เพื่อให้มู่จื่อหนิงได้พูดต่อ
“พรุ่งนี้เราจะจัดงานแถลงข่าว ในขณะที่ประกาศข่าวเรื่องการเสียชีวิตของมู่ซิ่นซิน โยนความรับผิดชอบทุกอย่างไปที่เซิงเกอ แบบนี้จะได้ไม่ไปล่วงเกินลู่ฮั๋ว ต่อหน้าสาธารณชน ยังสามารถใช้จากความคิดเห็นของคนทั่วไปมาเป็นประโยชน์ได้อีกด้วย”
งานแถลงข่าวของวันพรุ่งนี้เธอได้เตรียมการมาเป็นเวลานานแล้ว
ต่อให้เซิงเกอจะตายไปแล้ว เธอก็จะให้ชื่อเสียงของนังสารเลวคนนี้ย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี ให้ผู้คนต่างพากันดูถูกเหยียดหยาม!
มู่เจี้ยนเต๋อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าและตอบตกลงตามข้อเสนอของเธอ
“เอาตามนี้แล้วกัน เราเตรียมการทุกอย่างให้เรียบร้อยด้วย ”
มู่เจี้ยนเต๋อท้อแท้หมดอาลัยตายอยาก ใบหน้าหมองเศร้า ถอนหายใจ พาหยุนเหม่ยเดินขึ้นชั้นบนไป
บนโลกออนไลน์ เพราะยังเหลือเวลาอีกหนึ่งวันสำหรับงานแถลงข่าว สำนักข่าวต่างๆยังคงให้ความสนใจกับเรื่องนี้ คนทั่วไปที่เฝ้าติดตามต่างก็รอการเปิดเผยความจริงในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
ในคืนนี้ หลายคนอาจจะกำลังกระสับกระส่าย และถึงขั้นนอนไม่หลับ
เซิงเกอเองก็ไม่ลืมเช่นกัน รอปรากฏตัวในงานการแสดงที่ยิ่งใหญ่ของวันพรุ่งนี้
ในค่ำคืนอันเงียบสงัด เธอยังคงตื่นเต็มตา ไม่มีอาการง่วงใดๆ
หลังจากที่นอนพลิกไปมาบนเตียง เธอก็ลุกลงจากเตียง เดินไปที่หน้าตู้แล้วยืนเขย่งปลายเท้า หยิบเอากล่องไม้เล็กๆที่อยู่ด้านบนสุดลงมา
เธอค่อยๆเปิดกล่องไม้เล็กๆนั่น หยิบรูปถ่ายที่วางอยู่ด้านล่างสุดของกล่องขึ้นมา
มันคือรูปแต่งงานของเธอกับเฟิงยู่เหนียน และเป็นเพียงภาพเดียวเท่านั้น
เธอพิงไปยังหัวเตียง ลุกขึ้นนั่ง คว้าโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนหัวเตียง เปิดรายชื่อแล้วกดโทรหาเขา
เสียงในสายยังเป็นสัญญาณของสายไม่ว่าง
โทรศัพท์ยังคงต่อไม่ติด มีเพียงเสียงของผู้หญิงในระบบตอบรับที่คุ้นเคย“ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”
ปรกติเวลาเฟิงยู่เหนียนทำงาน อาจจะมีบ้างที่ปิดเสียงเงียบ แต่ก็ไม่เคยจะปิดเครื่องเลยสักครั้ง
มู่จื่อหนิงร้อนรน กำลังจะกดโทรออกอีกครั้ง เสียงของโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาซะก่อน
เมื่อเห็นรายชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ เธอก็กดรับสาย ถามอย่างกระวนกระวายใจว่า“อะยู่ล่ะ?เขาอยู่ไหน?”
“คุณมู่ ผมอยู่ที่ประตูด้านหลังของคฤหาสน์ตระกูลมู่ คุณมาที่นี่ได้ไหม?”
เสียงที่ดังมาจากโทรศัพท์นั้นแผ่วเบามาก
หัวใจของมู่จื่อหนิงหล่นวูบ รีบเปลี่ยนชุดลำลอง เดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
หลิวเหนียนที่รออยู่ตรงประตูมองสำรวจไปรอบๆอยู่ตลอดเวลา และแล้วก็เห็นร่างของเธอที่เดินเข้ามาหาเขาอย่างเร่งรีบ
“คุณมาได้ยังไง ? อะยู่ไม่ได้อยู่กับคุณเหรอ ? ทำไมเขาไม่รับสายฉัน?”ใบหน้าของมู่จื่อหนิงเต็มไปด้วยความสงสัยและความไม่สบายใจ
เธอเหลือบมองหลิวเหนียนที่เอาแต่ก้มหน้าและไม่ยอมพูดอะไร
ด้วยแสงไฟที่มืดสลัว ก็เพิ่งจะเห็นสภาพผมเผ้าของเขาที่ยุ่งเหยิง บนเสื้อผ้ามีร่องรอยการขาดวิ่น ใบหน้ามีรอยบาดแผล เนื้อตัวมีกลิ่นคาวเลือดไหลอาบ
“คุณเป็นอะไรไป ? ใครทำร้ายคุณแบบนี้?”ความสงสัยของเธอแปรเปลี่ยนเป็นความตกใจ ในใจก็ยิ่งร้อนรนกระวนกระวายมากขึ้น
“หลังจากที่บอสรู้ข่าวเซิงเกอกระโดดเครื่องบิน เขาก็ขับรถออกตามหาทันที จนตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา เสาสัญญาณที่นั่นก็คงจะห่างไกลกันมาก บอสน่าจะไม่ได้รับสายของคุณ อีกทั้ง……เขาคงจะกลับมาไม่ได้ในเร็วๆนี้ ”
“อะไรนะ?!เขาไปหาเซิงเกองั้นเหรอ?”
มู่จื่อหนิงแน่นหน้าอก และถามต่อว่า“แผนของฉันถูกเปิดเผยไปแล้วใช่ไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉันนี่แหละ...คุณหนูพันล้าน เซิงเกอ!
เรื่องนี้น่าสนุก...รอติดตามต่อนะคะ...
ไม่ลงต่อเหรอคะ มีตั้ง 452 ตอนจบนะคะ รออ่านต่อนะคะ...
เรื่องนี้ไปติดเหรียญเเอปอื่นซะแล้ว...