มนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ โลภมากอยากได้ทุกสิ่ง ทว่าโลกใบนี้ไม่เคยให้ใครได้พร้อมสรรพสมหวัง เมื่อได้สิ่งหนึ่งมา ย่อมต้องเสียอีกสิ่งไป
อย่างนางก็สูญเสียความมั่งคั่ง แต่ได้รับสายใยในครอบครัวที่ล้ำค่ากว่ากลับมาแทน ส่วนกู้เย่ว์ เมื่อหวนคืนสู่ที่ทางของตัวเอง ก็ต้องสละความผูกพันอันบริสุทธิ์เหล่านั้น ตระกูลกู้ให้ความสำคัญกับสายเลือดและกฎเกณฑ์เหนือสิ่งอื่นใด แม้ภายนอกจะเจิดจรัส แต่ความเป็นจริงก็เหมือนกับการดื่มน้ำ ร้อนเย็นย่อมรู้อยู่แก่ใจ!
หลังมื้ออาหาร ในขณะที่พี่ๆ ช่วยกันต้มน้ำให้พ่อแม่อาบ ซูหว่านก็นำเงินที่เก็บสะสมไว้หลายเดือนมามอบให้แม่ซู รวมถึงเงินจากขนมข้าวซอยตัดที่พี่สี่หามาได้ด้วย
นางอธิบายให้แม่ฟังอย่างชัดเจนถึงวัตถุประสงค์ของเงินเหล่านี้ ให้แม่จัดประเภทของเงินไว้ เมื่อจำเป็นก็จะมาขอจากแม่
"ห้าสิบห้าตำลึงนี้เป็นเงินที่ข้าเก็บสะสมมาจากการขายสบู่ ท่านแม่นำเอาไปใช้หนี้ที่ยังคั่งค้างของบ้านเราได้เลย หรือจะใช้ซื้อของใช้จิปาถะในชีวิตประจำวันจำพวกฟืน ข้าวสาร น้ำมัน เกลือ อะไรก็ได้ ท่านแม่ดูตามความเหมาะสมแล้วหยิบจากตรงนี้ได้เลย ส่วนแปดสิบตำลึงนี้เป็นเงินทุนที่พี่สี่สะสมมาจากการทำการค้า ท่านแม่ช่วยเขาเก็บไว้นะ เงินก้อนนี้ห้ามนำไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ตรงนี้จะเป็นกองกลางสำหรับซื้อวัตถุดิบในอนาคต รวมถึงค่าจ้างของข้ากับพี่สามพี่ห้า ท่านแม่แค่จดบัญชีให้ชัดเจนก็พอ
แล้วตั๋วเงินร้อยตำลึงใบนี้ได้มาจากเจียงอวี้ เป็นค่ายา ค่ารักษา รวมถึงค่าที่พักและอาหารในช่วงที่เขาพักอาศัยอยู่ที่บ้านเรา เงินนี้เตรียมไว้ให้พี่ใหญ่ใช้ระหว่างเดินทางไปสอบ ห้ามเอาไปใช้นะ!"
เมื่อเห็นเงินมากมายขนาดนี้ นอกจากตำลึงเศษของซูหว่านที่อยู่ในถุงผ้าจำนวนห้าสิบห้าตำลึงแล้ว ยังมีเงินที่ซูอวิ๋นที่ได้มาจากการขายขนมข้าวซอยตัดอีก ทั้งหมดเป็นเหรียญทองแดงกระจัดกระจายยังไม่ได้นำไปแลกเป็นเงินก้อนหรือตั๋วเงิน
สาเหตุหลักคือไม่มีเวลา นอกจากนี้ร้านรับแลกเงินก็รับแลกเฉพาะผู้ใหญ่ในบ้าน พวกเขายังเป็นเด็ก ไม่มีใครยอมให้แลก เพราะกลัวจะเกิดข้อพิพาท
ชั่วชีวิตนี้แม่ซูเคยเห็นเงินทองมากมายขนาดนี้เสียที่ไหน ขนาดวางอยู่บนโต๊ะ นางยังรู้สึกกลัวและประหม่ามาก
"ไอ้หยา ทำไมถึงเอามาวางอล่างฉ่างแบบนี้ ต้องระวังหน่อยนะ ระวังจะล่อตาล่อใจคนอื่นเข้า!" แม่ซูรีบเก็บเงินเหล่านั้น
แต่นางกลับนำเงินห้าสิบห้าตำลึงที่ซูหว่านให้ส่งคืน
"ลูกเอ๋ย เจ้าหาเงินมาได้ เจ้าเก็บไว้เองเถอะ เก็บไว้เป็นเงินส่วนตัว พวกเรารับไว้ไม่ได้ พี่สามของเจ้าเล่าให้พวกเราฟังหมดแล้ว พ่อเจ้าเป็นคนสะเพร่า หนี้คราวก่อน เจ้าก็เป็นคนใช้หนี้ให้ แค่นี้ก็เกรงใจมากพอแล้ว จะรับเงินของเจ้าอีกได้อย่างไร
อีกอย่าง ตอนนี้การเงินของทางบ้านก็ดีขึ้นแล้ว คุณชายเจียงยังให้ค่าตอบแทนมาอีก ค่าเดินทางไปสอบของพี่ใหญ่ก็มีแล้ว พ่อกับแม่เก็บสะสมให้เขาไว้แล้วหลายสิบตำลึง หนี้สินในบ้านพวกเราสามารถใช้คืนหมดได้แน่นอน แต่จะรับเงินของเจ้าไม่ได้เด็ดขาด!"
แม่ซูไม่ยอมรับ ในเมื่อนางไม่ได้ทำอะไรเลย จะให้นางรับได้อย่างไร
"เงินของพี่สี่ แม่จะช่วยเก็บไว้ให้ เขาเป็นคนสะเพร่า แม่ไม่วางใจ แต่เจ้าเป็นคนสุขุม พวกเราวางใจในตัวเจ้า เจ้าเป็นคนมีหลักการ แม่รู้!"
ซูหว่านต่างหากที่เป็นคนพยายามกระชับระยะห่างให้ขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้น
ตกดึก หลังจากอาบน้ำเสร็จ พ่อซูแม่ซูก็เอนกายนอนลงบนเตียง แม่ซูจึงปรึกษากับพ่อซูเรื่องเงินของซูหว่าน
"เงินที่เด็กๆ หามาได้ พวกเราไม่ควรไปแตะต้อง ข้าคิดว่าจะเก็บเงินของหวานหว่านไว้ให้นางเป็นสินเดิมตอนออกเรือน เงินสามสิบกว่าตำลึงที่เก็บสะสมไว้ให้อาจิ่งในช่วงหลายปีมานี้ไม่พอสำหรับการเดินทางไกลไปสอบ แต่ตอนนี้มีตั๋วเงินที่คุณชายเจียงให้มา ก็คลายกังวลไปได้ชั่วคราว
พรุ่งนี้เจ้าหาเวลาแวะไปจัดการใช้หนี้สิบห้าตำลึงสุดท้ายที่ติดค้างผู้ใหญ่บ้านเสีย ยังมีบ้านตระกูลจ้าวอีกสามตำลึง บ้านตระกูลเฉินอีกสองตำลึง ใช้หนี้ให้หมด หลังจากนี้จะได้โล่งใจ!"
แม่ซูคิดคำนวณและบรรยายความคิดของตนให้สามีฟังอย่างละเอียด
พ่อซูพยักหน้าเห็นด้วย
“การค้าของเจ้าสี่ หวานหว่านเป็นคนออกความคิด เงินส่วนนี้ เจ้าชักออกมาจากส่วนหนึ่งเติมลงไปให้นาง นางถึงวัยแล้ว อีกสองปีก็ควรหมั้นหมาย สะสมสินเดิมไว้มากหน่อย อนาคตแต่งงานไปอยู่บ้านสามีจะได้ไม่ถูกโขกสับ พวกเราไม่มีปัญญาทำอะไรให้นาง แต่นางกลับคอยคิดถึงพวกเราอยู่เสมอ นางเป็นดาวนำโชคของบ้านเรา พอมีนางเข้ามาทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ เราเคยปฏิบัติต่อเย่ว์เย่ว์อย่างไร ก็ต้องปฏิบัติกับนางแบบเดียวกัน หรือจะให้ดีกว่าก็ได้!"

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...