“เจ้าไม่ชอบให้ข้าดีต่อเจ้างั้นหรือ?”
“มิใช่ว่าไม่ชอบ เพียงแต่ข้ารู้สึกว่า ทุกเรื่องข้าล้วนต้องพึ่งพาท่านเกินไป หากวันข้างหน้ากลายเป็นความเคยชินแล้วจะทำเช่นไร?”
ซูหว่านเผลอพูดความในใจออกไปโดยไม่รู้ตัว
“พึ่งพาข้าไม่ดีหรือ? กลายเป็นความเคยชินไม่ดีหรือไร?” เจียงอวี้มองนางด้วยแววตาเปี่ยมความหวัง
“หากกลายเป็นความเคยชินแล้ว วันใดที่ท่านไม่ได้อยู่เคียงข้าง ข้าจะไปพึ่งพาผู้ใดได้เล่า?”
“ข้าจะจัดการทุกอย่างให้เจ้าอย่างดีที่สุด แม้ข้าจะไม่ได้อยู่ข้างกาย เจ้าก็ยังมีคนให้พึ่งพิง”
เจียงอวี้ตอบกลับแทบจะในทันทีโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าชั่วขณะนั้นซูหว่านซาบซึ้งใจยิ่งนัก แต่ยามนี้นางเป็นใครสำหรับเขากัน?
ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองในตอนนี้ เป็นได้เพียงสหายสนิทคู่หนึ่งเท่านั้น นางจะอาศัยฐานะอันใดไปรับความปรารถนาดีเหล่านี้ของเขาได้?
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา หากนางยังดูไม่ออกถึงความในใจที่เจียงอวี้มีต่อนางอีก ก็คงนับว่าโง่เขลาเต็มทีแล้ว
เขาชอบนาง จึงได้ทำสิ่งเหล่านั้นเพื่อนาง
ทว่าในนิยายฉบับเดิม กู้เย่ว์เป็นผู้ช่วยชีวิตเขา เขาจึงชอบกู้เย่ว์ แต่ยามนี้กลับกลายเป็นนางที่ช่วยเขาไว้ เขาจึงหันมาชอบนาง
ดังนั้น คนที่เขาชอบจึงไม่ได้มีเพียงผู้เดียว แต่จะแปรเปลี่ยนไปตามเนื้อเรื่อง ครช่วยเขาไว้ เขาก็ชอบคนนั้น ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้นางยอมรับได้ยากยิ่ง นางไม่ต้องการความรักที่เจือปนด้วยบุญคุณช่วยชีวิต
ซูหว่านเป็นคนคิดสิ่งใดก็พูดสิ่งนั้น นางมีปาก ก็ย่อมต้องพูดให้กระจ่างแจ้ง
“เจียงอวี้ ท่านชอบข้าใช่หรือไม่?”
หัวใจของเจียงอวี้พลันสะดุดวูบ ก่อนจะเริ่มเต้นระรัวอย่างรุนแรง ความรู้สึกร้อนรุ่มบางอย่างแทบจะทะลักออกมาจากลำคอ
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก สงบสติอารมณ์แล้วจึงมองซูหว่านด้วยสายตาเปี่ยมรักล้ำลึก ก่อนจะตอบว่า
“ใช่ ข้าชอบเจ้า แล้วเจ้าเล่า ชอบข้าหรือไม่?”
ในภวังค์ เขานึกขึ้นได้ว่าแท้จริงแล้ว ศาลเจ้าที่มิใช่การพบกันครั้งแรกของเขากับซูหว่าน ก่อนหน้านั้นนานกว่านั้น พวกเขาเคยพบกันที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง นางเดินชนเขาโดยไม่ตั้งใจ เพียงแต่ในตอนนั้น เขาหาได้ใส่ใจไม่
สตรีเมื่อยามมีความรัก มักจะอ่อนไหวและคิดมากได้ง่ายถึงเพียงนี้เสมอ
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ซูหว่านรู้สึกใจสั่นหวั่นไหวกับใครสักคน นางเพียงหวังว่าความรักครั้งนี้จะเป็นเช่นรักแรกเริ่มอันบริสุทธิ์ ที่ต่างฝ่ายต่างดึงดูดกันและกันด้วยคุณลักษณะพิเศษบางอย่าง มิใช่ชอบนางเพราะม่านหมอกแห่งบุญคุณช่วยชีวิตอันน้ำเน่าเช่นนี้
แท้จริงแล้ว สิ่งที่ทำให้นางไม่อาจปล่อยวางได้มากที่สุดคือเรื่องราวในต้นฉบับ กู้เย่ว์เป็นผู้ช่วยชีวิตเจียงอวี้ เขาจึงชื่นชอบนาง แม้ว่าความรู้สึกนั้นจะไม่ได้ลึกซึ้งมากมายนักก็ตาม
เป็นเพราะนางได้หวั่นไหวไปแล้ว สิ่งที่เคยไม่ใส่ใจจึงกลายมาเป็นสิ่งที่นางให้ความสำคัญที่สุดในตอนนี้ มันเปรียบดั่งเมล็ดพันธุ์ที่หยั่งรากและแตกหน่อในใจ ทว่าเมื่อเติบโตได้เพียงครึ่งทาง กลับมีสายฝนโปรยปรายลงมาเนิ่นนาน รากของมันค่อย ๆ ถูกน้ำฝนกัดกร่อนจนเปื่อยยุ่ยและใกล้จะเน่าสลายไป
ซูหว่านยังคงดื่มน้ำแกงหวานที่เขาต้มให้จนหมดถ้วย ก่อนจะจากไป นางยังเอ่ยชมหนึ่งประโยคว่าอร่อยมาก
เมื่อออกจากเรือนน้อยฝูหรง ซูหว่านก็จมอยู่ในภวังค์ความคิดตลอดทาง นางเดินมาถึงสุดปลายตรอกตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ กว่าจะรู้สึกตัวอีกที ก็เกือบจะเดินชนกำแพงทิศใต้อยู่แล้ว
ซูหว่านหมุนตัวเดินกลับไปหาน้าชาย และไปดูเรือนข้าง ๆ ด้วยตนเอง เมื่อเห็นว่าดีแล้ว จึงมอบตั๋วเงินให้น้าชายไปจัดการซื้อเรือนไว้ ทั้งยังฝากให้เขาดูแลเรื่องการทลายกำแพงเพื่อเชื่อมเรือนทั้งสองเข้าด้วยกัน
เมื่อเอ่ยคำถามเหล่านั้นออกไปแล้ว ซูหว่านกลับรู้สึกหวาดกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับเจียงอวี้อีกครั้ง เพราะนางอยากรู้คำตอบของเขาคืออะไร

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...