น้ำเสียงของซูหว่านเเฝงความหงุดหงิดเล็กน้อย ตัวนางเองก็ยังไม่ทันสังเกตุ ยิ่งนางปฏิเสธมากเท่าไร นางก็ยิ่งอึดอัดใจมากเท่านั้น
พูดถึงเรื่องทะเลาะกัน เดิมทีก็เป็นนางเองที่เริ่ม เจียงอวี้ต้องมารับอารมณ์โกรธไร้เหตุผลที่เกิดจากอารมณ์หงุดหงิดหลังตื่นนอนของนางโดยไม่รู้ตัว
ถ้านางไม่ใช่คนตรงไปตรงมา ตอนนี้อาจจะยังดีอยู่ก็ได้ เเต่นางก็ไม่เสียใจ ถ้าเเค่การทดสอบเเค่นี้ยังทนไม่ได้ จะไปพูดเรื่องความสัมพันธ์อะไรกัน
“ดีเล้ว พวกเจ้าไม่มีความสัมพันธ์อื่นน่ะดีที่สุด”
น้ำเสียงของซูอี้ค่อนข้างร่าเริง เเต่ก็เเฝงความประชดประชันเล็กน้อย
…
การดูตัวครั้งที่สองของหยางชิงชิง ก็จบลงด้วยความล้มเหลวอีกครั้ง นางโมโหมากจึงมาหาซูหว่านเพื่อระบาย
คู่ดูตัวคนที่สองไม่มีเเม้เเต่ชื่อเรียก ในปากของหยางชิงชิงกลายเป็น ผู้ชายคนนั้น
นางพูดว่า ตอนเเรกก็ดูโอเคอยู่ หน้าตาดูสะอาดสะอ้านเเละอ่อนโยนกว่าเมิ่งหลินมาก ดูท่าทางใจดี ไม่มีความรู้สึกว่าเหนือกว่าใคร
เเต่สาเหตุที่ทำให้นางรับไม่ได้ในภายหลังคือ เมื่อเขาพูดถึงเรื่องความกตัญญู เขาก็เริ่มไล่เรียงมารยาทที่นางจะต้องปฏิบัติตามเมื่อเเต่งงานเข้าบ้านสามี
ครอบครัวของพวกเขาก็ทำธุรกิจเล็กๆน้อยๆ เเม่ของเขาเป็นหม้าย เลี้ยงลูกชายคนเดียวจนเติบโต ที่บ้านขายโคมไฟ ธุรกิจไปได้ไม่เลว
เเต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น พวกเขาก็ไม่ใช่ธุรกิจที่ร่ำรวยอะไรมากมาย อย่างมากก็เเค่ครอบครัวฐานะปานกลาง ที่บ้านยังจ้างเเม่บ้านซักผ้าทำอาหาร ที่ร้านก็มีช่างทำโคมไฟเก่าเเก่หลายคน เเต่พวกเขากลับทำตัวเหมือนเป็นครอบครัวใหญ่
เขาพูดว่า ในอนาคตเมื่อเเต่งงานเข้าบ้านเขา ไม่มีข้อเรียกร้องอื่นใด เเละก็ไม่ขัดขวางที่นางจะออกไปทำงานที่อวี้เหยียนถัง เเต่มีสิ่งหนึ่งคือ นางต้องปรนนิบัติเเม่สามีให้ดี
ตอนเเรก หยางชิงชิงคิดว่า คนกตัญญูย่อมมีคุณธรรมที่ดี ถือว่าพอใจ เเต่การสนทนาต่อมาทำให้นางพูดไม่ออก
เขาเรียกร้องให้หยางชิงชิงต้องปรนนิบัติเเม่สามีทั้งเช้าเเละเย็น ทุกเช้าเมื่อไก่ขันก็ต้องตื่นมาทำอาหารเช้า นำอาหารไปถึงห้องเเม่สามีด้วยตัวเอง ปรนนิบัตินางอาบน้ำเเละรับประทานอาหารแล้วถึงจะไปทำธุระของตัวเองได้
ตอนเย็น ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน จะต้องมาทำอาหารเย็น เเละรอสามีกับเเม่สามีรับประทานอาหาร ตอนกลางคืนยังต้องเตรียมน้ำปรนนิบัติแม่สามีล้างเท้าอีกด้วย
เเม่สามีดุด่าห้ามโต้เเย้ง เเม่สามีเรียกขานต้องมาทันที เพราะเเม่ของเขาเลี้ยงดูเขามาด้วยความยากลำบาก เขาหวังว่าภรรยาในอนาคตจะสามารถทดแทนบุญคุณให้เขาได้ เพราะเขาเป็นผู้ชาย เรื่องเหล่านี้จึงไม่สะดวก
“มาเป่าหนานก็คือ ผู้ชายที่เชื่อฟังคำพูดของเเม่มากเกินไป ยึดความคิดของเเม่เป็นศูนย์กลาง เเม่พูดอะไรก็ทำตามนั้น เห็นด้วยโดยไม่มีเงื่อนไข และเจ้ายังห้ามค้านด้วย คนประเภทนี้มักจะชอบใช้เหตุผลว่า เเม่เลี้ยงดูเขามาอย่างยากลำบาก มาผูกมัดเจ้าด้วยศีลธรรม ผู้ชายประเภทนี้ขาดความคิดเห็นของตัวเอง ไม่มีความรับผิดชอบเเละหลักการ เจ้าคิดว่าคำพูดที่ผู้ชายคนนั้นพูดออกมา ไม่มีคำเเนะนำจากเเม่ของเขาเลยเหรอ”
หยางชิงชิงพยักหน้าอย่างเเรง เพราะซูหว่านสรุปได้ตรงประเด็นมาก
“เจ้าพูดถูก ข้าได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่เพิ่มอีกเเล้ว”
เรื่องเนื้อคู่ของหยางชิงชิงก็เป็นอย่างซูหว่านพูดไว้ คือหนทางยังอีกยาวไกล นางได้เจอผู้ชายมาครบทุกประเภท ทั้งผู่ซิ่นหนาน(ผู้ชายมั่นหน้า) มาเป่าหนาน(ผู้ชายติดเเม่) เฟิ่งหวงหนาน (ผู้ชายบ้านนอก) ยังมีโหยวนี่หนาน(ผู้ชายเจ้าสำราญน่ารังเกียจ)
ทุกครั้งที่หยางชิงชิงกลับมา นางมักจะบ่นระบาย ไม่เคยมีครั้งไหนที่ราบรื่นเลย นางจึงตั้งใจจะชวนซูหว่านไปวัดเพื่อเสี่ยงเซียมซีเรื่องเนื้อคู่ด้วยกัน
ก่อนหน้านี้ ซูหว่านไม่ได้เจอเจียงอวี้มาครึ่งเดือนแล้ว นี่เป็นวันสุดท้ายของกำหนดเวลา ทำให้ซูหว่านอารมณ์ไม่ดีตลอดทั้งวัน
จวบจนกระทั่งองครักษ์ข้างกายเจียงอวี้มาหานาง บอกว่าชิวเหนียงตามให้นางไปที่โรงเตี๊ยมเยว่หม่านซี เพื่อปรึกษาหารือเรื่องบางอย่าง
ทันทีที่ซูหว่านได้ยินชื่อโรงเตี๊ยมเยว่หม่านซี นางก็มีกำลังใจขึ้นมาทันที เเต่งตัวให้สวยงามเป็นพิเศษ หวีผมอย่างปราณีตไม่รู้ว่าต้องการพิสูจน์อะไร

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...