เข้าสู่ระบบผ่าน

ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม นิยาย บท 406

ดอกโบตั๋นคือราชันย์แห่งมวลบุปผา ทั้งงามสง่าสูงศักดิ์ เปรียบดั่งโฉมงามล่มเมือง แม้นดอกเสาเย่าจะงดงามเช่นกัน ทว่าสุดท้ายแล้วก็ยังคงเป็นรองดอกโบตั๋น

แน่นอนว่าแต่ละคนย่อมมีความชอบแตกต่างกันไป นี่เป็นเพียงการเปรียบเปรยเท่านั้น

ทั้งสองล้วนงดงามเจิดจรัส แต่ก็มักถูกนำมาเปรียบเทียบกันอยู่เสมอ และดอกเสาเย่าก็เป็นฝ่ายที่ได้อันดับรองอยู่ร่ำไป

อันที่จริง ซูหว่านเพียงต้องการสื่อความนัยแก่เขาว่า ไม่มีผู้ใดดีไปกว่าท่าน ในยามนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว เมื่อข้าได้พบสิ่งที่ดีที่สุด ก็มิอาจแลมองผู้ใดได้อีก

เจียงอวี้เป็นคนฉลาดเฉลียวเพียงใด? นางกล่าวมาถึงขนาดนี้แล้ว หากยังไม่เข้าใจอีกก็คงเป็นความผิดของเขาเอง

“ท่านไปเถิด ข้าจะรอท่าน ข้าเป็นคนเห็นแก่ตัว ทั้งยังรักชีวิตของตนเองยิ่งนัก หากจะให้ข้าต้องตายเพื่อความรัก ตีโพยตีพายเรียกร้องอาละวาด ข้าคงทำไม่ได้ แต่ข้ายินดีที่จะใช้ทั้งชีวิตเพื่อรอคอยคนผู้หนึ่งที่คู่ควร”

ซูหว่านเองก็ไม่รู้ว่า คำพูดเหล่านี้ของนางจะเพียงพอที่จะปลอบประโลมความกังวลและความไม่มั่นใจในใจของเขาได้หรือไม่

มุมมองความรักของซูหว่านเป็นเช่นนี้เอง นางไม่อาจยอมตายเพื่อความรักได้ เพราะร่างกายนี้ได้รับมาจากบิดามารดา แต่นางสามารถที่จะไม่แต่งให้ชายใดไปตลอดชีวิตเพื่อความรักได้ ต้องเป็นเขาเพียงผู้เดียว

เมื่อได้ยินคำพูดจากใจจริงของซูหว่าน เจียงอวี้ก็พึงพอใจยิ่งนัก อย่างไรเสียนางจะรอเขา แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

“ข้าดีใจที่เจ้าคิดเช่นนี้ ไม่ว่าเมื่อใด ชีวิตของตนเองย่อมสำคัญที่สุด แต่หวานหว่าน เจ้าคือชีวิตของข้า”

เจียงอวี้เชื่อว่าบุรุษที่มีความรับผิดชอบ ไม่เพียงแต่จะสามารถปกป้องสตรีของตนจากลมฝนได้ แต่ในยามคับขันยังสามารถปกป้องนาง แม้กระทั่งยอมตายแทนนางได้

สวรรค์รู้ดีว่า การที่เด็กสาวผู้หนึ่งได้ยินคนพูดว่าเจ้าคือชีวิตของข้านั้น จะสร้างแรงสั่นสะเทือนในใจได้มากเพียงใด? การที่เด็กสาวชอบฟังคำหวานบ้างแล้วมันจะแปลกอันใดเล่า?

ไม่ว่าจะจริงใจหรือไม่ อย่างน้อยเขาก็ยังยินดีที่จะเอ่ยให้ฟัง ยังดีกว่าคนที่ไม่คิดแม้แต่จะหลอกลวงเสียอีก

เวลาที่ได้อยู่ตามลำพังนั้นช่างสั้นนัก ในไม่ช้าทั้งคู่ก็กลับมาถึงหอไจซิง เขาแบกนางมาตลอดทางจนถึงหน้าประตูห้อง หลิวอวิ๋นและหลิวอิ๋งกำลังเฝ้ารออยู่ด้านใน

หนึ่งเดือนผ่านไปนับตั้งแต่การถูกกรีดโลหิตหัวใจ พวกนางทั้งสองคนฟื้นฟูร่างกายกลับมาเป็นปกติแล้ว

เมื่อได้ยินว่าคุณหนูกลับมาแล้ว ทั้งสองก็วิ่งออกมาด้วยความดีใจ แต่เมื่อเห็นว่าเจียงอวี้ก็อยู่ด้วย รอยยิ้มของพวกนางก็หุบลง กลายเป็นเคร่งขรึมในทันที

“รีบไปเตรียมน้ำร้อน แล้วก็รองเท้ากับถุงเท้าสะอาดมาด้วย รองเท้ากับถุงเท้าของคุณหนูพวกเจ้าเปียกหมดแล้ว”

เจียงอวี้คุ้นชินกับท่าทีเช่นนี้เสียแล้ว ไม่รู้ว่าเหตุใดคนของเขาถึงได้กลัวเขานัก ทั้งที่ปกติเขาก็เป็นคนที่เข้าถึงได้ง่าย

เพียงแต่เขาอาจไม่รู้ตัว ว่าท่าทีไม่ค่อยยิ้มแย้มของเขาในยามปกติ ได้กลายเป็นภาพจำที่ติดตาผู้คนไปแล้ว

ทันทีที่ได้เห็นเท้าเล็กคู่นั้น ใบหน้าของเจียงอวี้ก็แดงก่ำขึ้นมาทันที เขาเบือนหน้าหนีอย่างไม่รู้ตัวแล้วนั่งตัวตรง

ภาพนั้นกลับตราตรึงอยู่ในห้วงความคิด ฉายซ้ำไปมา ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลงอย่างห้ามไม่อยู่ รู้สึกเพียงว่าลำคอแห้งผากยิ่งนัก

หลิวอิ๋งหาถุงเท้าและรองเท้าคู่ใหม่มาให้แล้ว จากนั้นจึงรินชาร้อนมาสองถ้วย แต่สิ่งที่เห็นคือคุณหนูของตนกำลังยื่นขาผิงไฟอยู่ ส่วนนายน้อยที่นั่งอยู่ด้านข้างนั้น ไม่กล้าแม้แต่จะชายตามองไปทางอื่น ต้นคอแดงก่ำไปหมด

นางคิดในใจว่า คุณหนูของข้านี่นะ ท่านช่างใจกล้านัก ดูสินายน้อยตกใจหมดแล้ว

“ข้างนอกอากาศหนาวเหน็บยิ่งนัก คุณหนู นายน้อย ดื่มชาร้อนให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ!” สิ้นเสียงของหลิวอิ๋ง เจียงอวี้ก็คว้าถ้วยชาขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมด

เมื่อดื่มชาหมดถ้วยแล้ว เขาจึงรู้สึกว่าความร้อนรุ่มในกายคลายลงไปมาก

ตามขนบของคนโบราณ เท้าของสตรีมิอาจให้บุรุษอื่นเห็นได้โดยง่าย ผู้ใดได้เห็นก็ต้องรับผิดชอบในตัวนาง

ทว่าซูหว่านเป็นคนจากยุคใหม่ ความคิดของนางจึงเปิดกว้างกว่า นางรู้สึกว่านี่อาจไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด แต่สำหรับเจียงอวี้แล้ว ในเมื่อเขาได้เห็นเท้าของนาง เขาก็ต้องแต่งนางเป็นภรรยาให้ได้

หลิวอวิ๋นยกอ่างน้ำร้อนเข้ามาเพื่อปรนนิบัติซูหว่านแช่เท้า เท้าของนางเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง เมื่อได้สัมผัสกับน้ำร้อนจึงรู้สึกสบายขึ้นมาก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม