ดอกโบตั๋นคือราชันย์แห่งมวลบุปผา ทั้งงามสง่าสูงศักดิ์ เปรียบดั่งโฉมงามล่มเมือง แม้นดอกเสาเย่าจะงดงามเช่นกัน ทว่าสุดท้ายแล้วก็ยังคงเป็นรองดอกโบตั๋น
แน่นอนว่าแต่ละคนย่อมมีความชอบแตกต่างกันไป นี่เป็นเพียงการเปรียบเปรยเท่านั้น
ทั้งสองล้วนงดงามเจิดจรัส แต่ก็มักถูกนำมาเปรียบเทียบกันอยู่เสมอ และดอกเสาเย่าก็เป็นฝ่ายที่ได้อันดับรองอยู่ร่ำไป
อันที่จริง ซูหว่านเพียงต้องการสื่อความนัยแก่เขาว่า ไม่มีผู้ใดดีไปกว่าท่าน ในยามนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว เมื่อข้าได้พบสิ่งที่ดีที่สุด ก็มิอาจแลมองผู้ใดได้อีก
เจียงอวี้เป็นคนฉลาดเฉลียวเพียงใด? นางกล่าวมาถึงขนาดนี้แล้ว หากยังไม่เข้าใจอีกก็คงเป็นความผิดของเขาเอง
“ท่านไปเถิด ข้าจะรอท่าน ข้าเป็นคนเห็นแก่ตัว ทั้งยังรักชีวิตของตนเองยิ่งนัก หากจะให้ข้าต้องตายเพื่อความรัก ตีโพยตีพายเรียกร้องอาละวาด ข้าคงทำไม่ได้ แต่ข้ายินดีที่จะใช้ทั้งชีวิตเพื่อรอคอยคนผู้หนึ่งที่คู่ควร”
ซูหว่านเองก็ไม่รู้ว่า คำพูดเหล่านี้ของนางจะเพียงพอที่จะปลอบประโลมความกังวลและความไม่มั่นใจในใจของเขาได้หรือไม่
มุมมองความรักของซูหว่านเป็นเช่นนี้เอง นางไม่อาจยอมตายเพื่อความรักได้ เพราะร่างกายนี้ได้รับมาจากบิดามารดา แต่นางสามารถที่จะไม่แต่งให้ชายใดไปตลอดชีวิตเพื่อความรักได้ ต้องเป็นเขาเพียงผู้เดียว
เมื่อได้ยินคำพูดจากใจจริงของซูหว่าน เจียงอวี้ก็พึงพอใจยิ่งนัก อย่างไรเสียนางจะรอเขา แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
“ข้าดีใจที่เจ้าคิดเช่นนี้ ไม่ว่าเมื่อใด ชีวิตของตนเองย่อมสำคัญที่สุด แต่หวานหว่าน เจ้าคือชีวิตของข้า”
เจียงอวี้เชื่อว่าบุรุษที่มีความรับผิดชอบ ไม่เพียงแต่จะสามารถปกป้องสตรีของตนจากลมฝนได้ แต่ในยามคับขันยังสามารถปกป้องนาง แม้กระทั่งยอมตายแทนนางได้
สวรรค์รู้ดีว่า การที่เด็กสาวผู้หนึ่งได้ยินคนพูดว่าเจ้าคือชีวิตของข้านั้น จะสร้างแรงสั่นสะเทือนในใจได้มากเพียงใด? การที่เด็กสาวชอบฟังคำหวานบ้างแล้วมันจะแปลกอันใดเล่า?
ไม่ว่าจะจริงใจหรือไม่ อย่างน้อยเขาก็ยังยินดีที่จะเอ่ยให้ฟัง ยังดีกว่าคนที่ไม่คิดแม้แต่จะหลอกลวงเสียอีก
เวลาที่ได้อยู่ตามลำพังนั้นช่างสั้นนัก ในไม่ช้าทั้งคู่ก็กลับมาถึงหอไจซิง เขาแบกนางมาตลอดทางจนถึงหน้าประตูห้อง หลิวอวิ๋นและหลิวอิ๋งกำลังเฝ้ารออยู่ด้านใน
หนึ่งเดือนผ่านไปนับตั้งแต่การถูกกรีดโลหิตหัวใจ พวกนางทั้งสองคนฟื้นฟูร่างกายกลับมาเป็นปกติแล้ว
เมื่อได้ยินว่าคุณหนูกลับมาแล้ว ทั้งสองก็วิ่งออกมาด้วยความดีใจ แต่เมื่อเห็นว่าเจียงอวี้ก็อยู่ด้วย รอยยิ้มของพวกนางก็หุบลง กลายเป็นเคร่งขรึมในทันที
“รีบไปเตรียมน้ำร้อน แล้วก็รองเท้ากับถุงเท้าสะอาดมาด้วย รองเท้ากับถุงเท้าของคุณหนูพวกเจ้าเปียกหมดแล้ว”
เจียงอวี้คุ้นชินกับท่าทีเช่นนี้เสียแล้ว ไม่รู้ว่าเหตุใดคนของเขาถึงได้กลัวเขานัก ทั้งที่ปกติเขาก็เป็นคนที่เข้าถึงได้ง่าย
เพียงแต่เขาอาจไม่รู้ตัว ว่าท่าทีไม่ค่อยยิ้มแย้มของเขาในยามปกติ ได้กลายเป็นภาพจำที่ติดตาผู้คนไปแล้ว

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...