เจียงอวี้หัวเราะอย่างร่าเริง เขามองซูหว่านด้วยความสนใจอย่างยิ่ง และจงใจแกล้งนางโดยการเลิกหางตาขึ้น
“โอ้~ ที่แท้คุณหนูซูหว่านก็คิดกับข้าแบบนี้เองหรือ?”
ปีศาจเจ้าเสน่ห์ คำนี้แม้จะไม่ใช่คำที่ดีนัก แต่ทำไมพอออกมาจากปากของนางแล้ว ถึงได้ฟังดูไพเราะเสนาะหูขนาดนี้?
ซูหว่านไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ใบหน้าแดงก่ำไปหมด จึงตัดสินใจก้มหน้าไม่พูดอะไร ทำตัวเป็นนกกระทาไปเลย
เมื่อครู่นางยังพูดจาฉะฉาน ดูมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมอยู่เลย
ซูหว่านคิดในใจว่า เจียงอวี้มีพิษ เจอเขาแล้วปากก็พลอยทื่อไปด้วย
“เอาล่ะ ไม่แกล้งเจ้าแล้ว ข้าอยากจะช่วยพวกเจ้าทำอะไรบางอย่างจริง ๆ ช่วงนี้ข้าอยู่แต่ในบ้านนานเกินไปแล้ว ออกไปเดินเสียบ้างก็ดีเหมือนกัน!”
เจียงอวี้เห็นนางโดนแกล้งนิดหน่อยก็ออกอาการเสียแล้ว จึงรู้สึกว่ามันน่าขบขันมาก
“ส่วนใบหน้าของข้า ถ้าเจ้าคิดว่ามันจะสะดุดตาเกินไป ข้าก็จะใส่หน้ากากไปกับเจ้า แบบนี้ได้หรือไม่?”
เมื่อเห็นเขาพูดแบบนั้น ซูหว่านก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น เมื่อครู่นี้นางคิดทบทวนดูแล้ว และก็เป็นความจริงที่ว่าตอนนี้เจียงอวี้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
แรงงานที่ไม่ต้องจ่ายค่าแรง ไม่ใช้ก็เสียของเปล่าๆ อีกอย่างเขาก็เอาแต่กินๆ นอนๆ ทุกวัน ถึงเวลาที่ต้องช่วยทำงานบ้างแล้ว ไม่งั้นตัวก็จะอ้วนพี จนหมดหล่อเอาได้
“ได้เจ้าค่ะ เช่นนั้นก็รบกวนท่านสักสองสามวันนะ พอพวกพี่ชายทำงานกันเสร็จ ท่านก็พักได้เลย ส่วนเรื่องหน้ากาก ข้าจะหาหน้ากากธรรมดา ๆ มาให้ท่านใส่ หน้ากากเขี้ยวของท่านมันดูน่ากลัวเกินไป!”
ถึงตอนนั้น หากเขาใส่หน้ากากเขี้ยวไป ก็เกรงว่าลูกค้าของนางจะตกใจหนีหายไปกันหมด
เจียงอวี้คิดเช่นนั้นอยู่พอดี เขาเองก็ไม่อยากเป็นจุดสนใจ ไม่อยากให้คนเห็นเขามากเกินไป
พอเห็นแม่นางน้อยคนนี้ลำบากใจ เขาก็อดสงสารไม่ได้อยู่ดี อย่างไรเสียก็อยู่ว่าง ๆ อยู่แล้ว พอดีเลยจะได้ไปหาคนที่ตัวอำเภอด้วย
“ได้สิ เช่นนั้นก็รบกวนหวานหว่านด้วยนะ!”
เขาถึงกับเรียกนางว่าหวานหว่านอีกทั้งยังออกเสียงสองคำนี้ได้อย่างอ่อนโยนละมุนละไม เมื่อมองสีหน้าของเขา ก็เห็นว่าดวงตาเขาพริ้มพรายไปด้วยรอยยิ้ม
ซูหว่านรู้สึกเหมือนตัวเองถูกเย้าหยอกเลย
ตอนแรกเรียกนางว่าแม่นางซู ต่อมาเรียกแม่นางซูหว่าน จากนั้นก็ตัดคำว่าแม่นางออกไปเหลือแค่ซูหว่าน แต่ตอนนี้กลับมาเรียกนางว่าหวานหว่านเสียอย่างนั้น
นี่หมายความว่าความสัมพันธ์ของพวกเขากำลังดีขึ้นเรื่อยๆ ใช่ไหม?
ส่วนการเดินขายในหมู่บ้านนั้น ยอดขายอาจจะน้อยลง การซื้อขนมหนึ่งห่อในราคาสิบห้าอีแปะ สำหรับครอบครัวชาวชนบทแล้ว ยังคงต้องคิดหนักและเสียดายเงินอยู่บ้าง
แต่ในแต่ละหมู่บ้าน ย่อมมีบางครอบครัวที่ร่ำรวยใช่หรือไม่?
เมื่อเข้าใจเรื่องเหล่านี้แล้ว ซูหว่านจึงค่อยๆ หลับไป เช้าวันรุ่งขึ้นนางก็ตื่นขึ้นมาบอกราคาที่จะขายกับซูอวิ๋นและคนอื่นๆ
เมื่อพวกเขาลองคำนวณดู ก็พบว่ากำไรในนั้นสูงมากทีเดียว
โดยเฉพาะซูอวิ๋น เขาคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ อีกไม่นานก็คงเก็บเงินพอที่จะเปิดภัตตาคารได้แล้ว
การเปิดภัตตาคารในอำเภอชิงเหอ อย่างมากก็ใช้เงินประมาณหนึ่งร้อยตำลึง
ซูหว่านมีช่องทางทำเงินใหม่แล้ว แต่ธุรกิจสบู่ก็ยังทิ้งไม่ได้ พี่น้องทั้งหลายจึงใช้ลูกประคำดีควายที่เหลือมาทำสบู่สระผมจำนวนห้าสิบก้อน
สบู่แค่ห้าสิบก้อนนี้ก็มีมูลค่าถึงสิบห้าตำลึงเงินแล้ว พูดถึงการทำเงิน สบู่นี่แหละที่ทำเงินได้มากที่สุด แต่ความต้องการด้านสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันมีไม่มากเท่าอาหาร จึงไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้
ซูหว่านยังได้รับปากว่าจะทำหน้ากากอันใหม่ให้เจียงอวี้ด้วย แต่ติดตรงที่หาผ้าดีๆ ไม่ได้เลย นางจึงกำลังกลุ้มใจอยู่
ค้นหาจนทั่วบ้านในที่สุดก็เจอผ้าสีดำที่ไม่ได้ใช้สองสามผืน คิดว่าจะยัดฝ้ายเข้าไปข้างในเพื่อจัดรูปทรง แล้วค่อยเย็บปิด

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...