ตอนที่79กล้าหาญอีกครั้ง
บ้านของฉางซิ่วซิ่วไม่ได้อยู่ที่ถนนหลักในเมืองหลังจากเดินไปตามถนนทางทิศตะวันตกแล้วก็มาถึงบ้านของเธอบ้านของเธอนั้นเงียบสงบมากเหมือนอยู่กันไม่กี่คน
ตามฉางซิ่วซิ่วเข้าไปในบ้านของเธอบ้านของฉางซิ่วๆเป็นอาคารเล็กๆมีสองชั้นและมีลานสวนเล็กๆในลานสวนนั้นมีต้นไม้ดอกไม้ดูแล้วสะอาดตามาก
“ลานสวนตรงนี้ไม่เลวเลยทีเดียวครับ”เมื่อมองบ้านของฉางซิ่วซิ่วหลินหยางเลยเอ่ยปากชมออกมา
“ปกติก็ไม่มีอะไรหรอกพออยู่บ้านเลยปลูกต้นไม้ดอกไม้พวกนี้บ้างก็สวยขึ้นมาหน่อย”ฉางซิ่วซิ่วพูดพลางยิ้มให้
“ทำไมอาจารย์ถึงอยู่บ้านคนเดียวล่ะครับ”หลินหยางมองดูสักพักก็ไม่เห็นว่ามีใครอยู่จึงเอ่ยปากถาม
“ทำไมล่ะถามละเอียดขนาดนี้คิดจะทำอะไรไม่ดีกับครูหรือเปล่าเนี่ย?”ฉางซิ่วซิ่วพูดกับหลินหยางพลางหัวเราะออกมา
หลินหยางรีบโบกมือเป็นการปฏิเสธว่า:“ผมเนี่ยนะจะกล้าคิดทำมิดีมิร้ายกับอาจารย์ถ้าหากว่าจะทำอะไรผิดๆพวกนั้นก็ต้องได้รับอนุญาตจากอาจารย์ก่อนสิครับ”
เมื่อได้ยินความคิดอันลึกซึ้งของหลินหยางแล้วฉางซิ่วซิ่วเองก็คิดถึงเรื่องวันนั้นที่บ้านของหวงเฟิ่งเสียขึ้นมาเรื่องบางอย่างที่เกิดขึ้นกับหลินหยางใบหน้าก็ถูกปกคลุมด้วยความเขินอายขึ้นมาทันที
หน้าแดงก่ำเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า:“เธอมันปากไม่ดีรถไฟฟ้าอยู่ตรงนั้นน่ะเธอขี่กลับไปเถอะ”
หลินหยางมองไปที่รถไฟฟ้าคันใหญ่กว่าเอาถุงใบใหญ่วางไว้ที่วางเท้าด้านหน้าจากนั้นก็เข็นรถออกจากประตูไปข้างนอกก่อนจะหันกลับมาพูดว่า:“รอผมเอาของไปเก็บที่บ้านก่อนนะแล้วจะเอามาคืนให้อาจารย์ไม่เกินหนึ่งชั่วโมงเร็วสุดก็40นาทีครับ”
“จ๊ะงั้นฉันก็ไม่ออกไปไหนวันนี้จะรอเธอกลับมานะ”เมื่อพูดพลางส่งยิ้มให้หลินหยางแล้วฉางซิ่วซิ่วโบกมือบ๊ายบายให้เขาพ
หลังจากรอให้หลินหยางไปแล้วฉางซิ่วซิ่วก็หันกลับเข้าไปในบ้านและนั่งอยู่ในห้องนอนคิดถึงเรื่องราวในวันนั้นที่เกิดขึ้นกับหลินหยางที่บ้านของหวงเฟิ่งเสีย
เมื่อคิดถึงรสสัมผัสของแท่งยาวๆอันน่าทึ่งของหลินหยางแล้วในใจของฉางซิ่วซิ่วก็สั่นระรัวขึ้นมาเมื่อคิดถึงความรู้สึกในวันนั้นขาทั้งสองข้างก็หนีบเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว
แค่คิดว่าอีกไม่เกินหนึ่งชั่วโมงนี้ก็จะได้ทำแบบนั้นแล้วในใจของฉางซิ่วซิ่วก็เต้นตึกตักรอให้หลินหยางกลับมาเมื่อถึงตอนนั้นตัวเองก็ต้องแสดงความกล้าหาญอีกครั้งแล้วล่ะ?”
“หรือว่าไปหาหวงเฟิ่งเสียผู้หญิงคนนั้นต้องมีวิธีแน่ๆ”ฉางซิ่วซิ่วดึงโทรศัพท์มือถือออกมาและก็โทรหาหวงเฟิ่งเสียทันทีแต่หลังจากคิดแล้วคิดอีกก็วางโทรศัพท์ลง
หลินหยางขี่รถไฟฟ้ากลับมาบ้านสิบนาทีก็มาถึงหมู่บ้านแล้วหันไปมองร้านค้าเล็กๆจางซุ่ยฮวากำลังนอนอยู่บนโต๊ะคิดว่าคงเหนื่อยกับศึกก่อนหน้านี้หลินหยางจึงไม่ไปรบกวนและขี่รถไฟฟ้าต่อไป
เมื่อกลับมาถึงบ้านเมื่อเห็นว่าหลินหยางถือถุงข้าวของน้อยใหญ่กลับมาหลี่หรูก็รีบออกไปรับมาทันที
“โอ๊ะตอนออกไปขี่จักรยานไปนี่นาตอนนี้ทำไมขี่รถไฟฟ้ากลับมาได้ล่ะ?”หลี่หรูเห็นรถไฟฟ้าด้านหลังก็หันมามองหลินหยางด้วยความประหลาดใจ
“คือว่าซื้อของเยอะเกินไปหน่อยน่ะพากลับมากับรถจักรยานไม่ได้บังเอิญไปเจอกับครูสอนศิลปะสมัยประถมเข้าน่ะก็เลยขอยืมรถไฟฟ้าของเธอมาเดี๋ยวก็ต้องเอากลับไปส่งคืนให้อีก”หลินหยางพูดหลังจากวางข้าวของและทักทายทั้งสองสาวจากนั้นก็รีบขี่รถฟ้าไปที่เมืองไป๋ซานทันที
ตลอดทางที่ขี่รถไฟฟ้าไปไม่นานก็มาถึงเมืองไป๋ซานแล้วเขาถอนหายใจแล้วคิดว่าเทคโนโลยีชั้นสูงนี่มันยอดเยี่ยมจริงๆการขี่รถไฟฟ้านี่มันสะดวกสบายมากจริงๆถ้าหากต้องการที่ที่จะกลับไปเรียนที่เมืองเจียงหลิงเขาก็ต้องเริ่มขี่รถไฟฟ้าจริงๆจังเสียที
เมื่อมาถึงทางเข้าบ้านฉางซิ่วซิ่วหลินหยางเลยเคาะประตูก่อนแต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตูหลินหยางจึงออกแรงผลักประตูให้เปิดออกแล้วก็นำรถเข้ามาจอดเสร็จหลินหยางจึงตะโกนเรียน:“อาจารย์ฉางครับอาจารย์ฉษงอยู่หรือเปล่าครับ”
“อยู่เธอไม่ต้องตะโกนแล้วไปพักที่ห้องรับแขกก่อนนะ”หน้าต่างบานหนึ่งแง้มออกมาเล็กน้อยเสียงของฉางซิ่วซิ่วที่อยู่ด้านในก็ดังขึ้นหลินหยางที่มืสายตายอดเยี่ยมอยู่แล้วนั้นก็มองลอดเข้าไปในช่องว่างนั้นในใจก็สั่นอย่างเร่าร้อน
ขณะที่มองผ่านๆหลินหยางก็ได้เห็นเรือนร่างส่วนบนของฉาวซิ่วซิ่วที่เผยออกมาครึ่งหนึ่งแน่นอนว่าคงกำลังอาบน้ำอยู่เมื่อคิดถึงเรื่องที่ได้เห็นเนื้อหนังของฉางซิ่วซิ่วที่บ้านหวงเฟิ่งเสียวันนั้นขึ้นมารูปร่างที่สวยงามนั้นก็ชวนให้เกิดจินตนาการ
หลินหยางสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นนั่งลงบนโซฟารอให้เธออาบน้ำเสร็จแล้วออกมา
“เสี่ยวหยางช่วยหยิบแชมพูเข้ามาให้ฉันหน่อยสิ”ในขณะที่หลินหยางกำลังนั่งอยู่อย่างเบื่อหน่ายเสียงของฉางซิ่วซิ่วก็ดังลอดออกมา:“แชมพูอยู่บนโต๊ะหินในลานสวนน่ะมันเป็นเหมือนโต๊ะหินสำหรับบอนไซน่ะ”
หลินหยางได้ยินแบบนั้นก็เลยเดินออกไปจากห้องรับแขกแล้วก็เห็นขวดแชมพูหลินหยางหยิบขวดแชมพูมาแต่ไม่ได้ส่งเข้าไปทางหน้าต่างแต่เดินเข้ามาเคาะประตูห้องน้ำ
“ประตูไม่ได้ปิดเธอเข้ามาสิ”เสียงของฉางซิ่วซิ่วดังขึ้น
หลินหยางได้ยินแบบนั้นใจก็เต้นโครมครามไม่หยุดคิดว่าจะพาตัวเองเข้าไปดีไหมนะ?หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งหลินหยางจึงผลักประตูเข้าไปภาพที่อยู่ภายในนั้นอยู่ในสายตาทั้งงหมด
ห้องน้ำในบ้านของฉางซิ่วซิ่วไม่ใหญ่นักมีฝักบัวที่มีคุณภาพสูงด้านข้างมีก๊อกน้ำและอ่างล้างมืออยู่ด้านในมีชักโครกห้องอาบน้ำและห้องส้วมอยู่ด้วยกัย
ฉางซิ่วซิ่วหันหลังให้หลินหยางอยู่ทำให้หลินหยางได้เห็นสะโพกอันเซ็กซี่นั้นเมื่อมองขึ้นไปที่ฉางซิ่วซิ่วซึ่งมีผิวขาวเนียนสวยของหลินหยางเลยเผลอกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่งพูดพลางวางขวดแชมพูไว้ด้านหนึ่งว่า:“อาจารย์ฉางครับแชมพูอยู่นี่นะครับ”
“ช่วยสระผมให้ฉันหน่อยสิผมมันยาวสระเองไม่ถนัดเท่าไหร่”ฉางซิ่วซิ่วพูดขึ้น
ในใจของหลินหยางเต้นระรัวแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเมื่อเดินเข้าไปข้างๆฉางซิ่วซิ่วกลิ่นหอมจางๆจากตัวของเธอทำให้หัวใจยิ่งสั่นและเต้นแรงขึ้น
หลินหยางตัวสูงกว่าแม้ว่าฉางซิ่วซิ่วจะหันหลังให้กับตัวเองแต่ภาพตรงหน้าของหลินหยางศรีษะของคนที่เตี้ยกว่าจะทำให้เห็นอะไรต่อมิอะไรได้อย่างชัดเจนทั้งเม็ดองุ่นสีม่วงทั้งสองเม็ดนั้นดูเหมือนจะดึงดูดความสนใจจากสายตาของหลินหยางไม่น้อยเลยทีเดียว
มองอยู่สักพักก็กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากก่อนที่จะหยิบขวดแชมพูเพื่อที่จะสระผมให้ฉางซิ่วซิ่วแต่ทันใดนั้นฉางซิ่วซิ่วก็พูดขึ้นมาว่า:“เธอยังใส่เสื้อผ้าอยู่เลยถ้าไม่อยากให้เสื้อผ้าของเธอเปียกเธอก็ควรถอดเสื้อผ้าออกก่อนสิ”
ในที่สุดผมของฉางซิ่วซิ่วก็สะอาดฉางซิ่วซิ่วก็หันกลับมาหาผ้าขนหนูเอาไปเช็ดผมเธอ
ฉางซิ่วซิ่วก็เผชิญหน้ากับหลินหยางหยดน้ำต่างไหลลงตามเรือนร่างหลินหยางเบิกตาโพลงจ้องมองภาพเบื้องหน้าแล้วฉางซ่วซิ่วก็เอื้อมมือขึ้นไปเช็ดผมก้อนเนื้ออันนุ่มนิ่มที่อยู่ตรงหน้าเคลื่อนขึ้นลงไปมาดั่งเกรียวคลื่น
เมื่อเช็ดผมและเช็ดตัวทำความสะอาดร่างกายเสร็จแล้วทันใดนั้นฉางวิ่วซิ่วก็วางผ้าขนหนูลงบนตัวของหลินหยางแววตาเต็มไปด้วยเสน่ห์อันเย้ายวนมองไปที่หลินหยางแล้วพูดว่า:“ให้ฉันช่วยเช็ดตัวให้นะ”
หลินหยางยืนนิ่งๆแล้วปล่อยให้ฉางซิ่วซิ่วใช้ผ้าขนหนูเช็ดเรือนร่างของตัวเองให้จากบนลงล่างไม่นานก็เช็ดมาถึงต้นขาใหญ่ๆฉางซิ่วซิ่วทำเป็นมองไม่เห็นแก่นกายที่แข็งตัวผงาดอยู่จากนั้นก็เช็ดจากช่องท้องแล้วเช็ดข้ามลงไปที่น่อง
ไม่ช้าก็เหลือเพียงแค่จุดสุดท้ายที่ยังไม่ได้เช็ดทำความสะอาดมือไม้ก็สั่นเทาไปหมดฉางซิ่วซิ่วยืนขึ้นมาเผชิญกับหลินหยางที่อยู่ตรงหน้าถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดว่า:“ขอบคุณนะที่ช่วยสระผมให้”
ก้อนเนื้อนุ่มๆนั่นเกือบจะแตะเข้ากับตัวเองหลินหยางก้มหัวลงกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะพูดว่า:“น่าจะ”
ไม่รอให้หลินหยางพูดจบฉางซิ่วซิ่วก็เอื้อมมือมาเช็ดจุดสุดท้ายให้หลินหยางกุมเอาไว้ในมือจนมันตื่นตัวขึ้นมา
ดูเหมือนว่าจะถูกจุดชนวนระเบิดซะแล้วหลินหยางอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปจับหน้าอกของฉางซิ่วซิ่วก้อนเนื้อนุ่มๆที่อยู่ในอุ้งมือของหลินหยางก็เปลียนรูปร่างไปเรื่อยๆและเม็ดองุ่นสีม่วงนั้นก็เริ่มแข็งเป็นไต
ภายใต้การถูกกระตุ้นของหลินหยางฉางซิ่วซิ่วก็เริ่มหายใจเร็วขึ้นจับศีรษะของหลินหยางกดลงมาบนหน้าอกของตัวเองหลินหยางเองก็เข้าใจจากนั้นก็ใช้ปากงับครอบครองเจ้าเม็ดองุ่นนั่นทันที
ผ่านไปไม่กี่นาทีใบหน้าของฉางซิ่วซิ่วก็แดงขึ้นเรื่อยๆเขาหายใจหอบถี่ๆเมื่อมองดูที่หลินหยางปากเล็กๆนั่นที่ขยับประกอบไปด้วยช่างดึงดูดจริงๆ
มือของเขาเลื่อนไปที่ผืนป่าของฉางซิ่วซิ่วก็มีน้ำไหลออกมาหยาดเยิ้มแล้วภายใต้การเล้าโลมของหลินหยางในที่สุดฉางซิ่วซิ่วก็ทนไม่ไหวพูดออกมาเบาๆว่า:“เสี่ยวหยางอุ้มฉันไปข้างบนเถอะ”
หลินหยางยิ้มออกมาเบาๆและออกแรงอุ้มฉางซิ่วซิ่วขึ้นมาจากนั้นจึงเดินขึ้นไปชั้นบนทันที
ห้องนอนของฉางซิ่วซิ่วนั้นค่อนข้างใหญ่เตียงนอนก็ไม่เล็กเลยจากนั้นก็โยนฉางซิ่วซิ่วลงบนเตียงหลินหยางก็ลงมือเดินทางไปยังผืนป่านั้นต่อ
เมื่อรู้สึกได้ถึงสิ่งที่ล่วงล้ำเข้ามาข้างในฉางซิ่วซิ่วก็อ้าปากส่งเสียงร้องครางเร่าร้อนอย่งอดไม่ได้
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงดวงตาของฉางซิ่วซิ่วทั้งสองข้างก็หรี่ลงร่างกายไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้วมองไปที่โทรศัพท์มือถือตรงหัวเตียงอยากจะโทรหาหวงเฟิ่งเสียอยู่หลายครั้งเธออยากจะแอบบอกว่าเธอทนไม่ไหวอยากจะขอความช่วยเหลือแต่อย่างไรก็ตามการปลอบประโลมอย่างต่อเนื่องทำให้เธอเกิดความลังเลอยู่หลังจากดิ้นรนอยู่เป็นเวลานานเลยล้มเลิกความคิดที่จะโทรหาหวงเฟิ่งเสียทันทีนอนอยู่บนเตียงปล่อยให้หลินหยางปรนเปรอเธอด้วยความเมตตา
ไม่นานทั้งสองคนก็หยุดร่างกายของตัวเองและนอนลงบนเตียงพลางพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนัก
ขาของฉางซิ่วซิ่วสั่นไปหมดร่างกายเกร็งก่อนที่จะหันไปมองหลินหยางและพูดออกมาว่า:“เสี่ยวหยางเธอนี่สามารถทำให้คนตายได้เลยนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์หมอเข็ม