เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ผู้อาวุโสทั้งสามก็รีบออกจากค่ายทั้งไม้ค้ำยืนอยู่ใต้ฟ้า มองดูดาบที่ลอยไปในอากาศไปในทิศทางเดียวกันด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
สำหรับตำแหน่งที่ชี้ไปนั้น ผู้อาวุโสทั้งสามรู้ดีว่าเป็นเกาะจูเสิน
หรือว่าหัวใจดาบรวมตัวร่างดาบบนเกาะจูเสิน?
ความคิดนี้ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสามตัวสั่น นี่หมายความว่าหมื่นดาบแห่งบรรพบุรุษกลับมาแล้ว
“เอาล่ะ ไปดูกันว่าใครคือร่างดาบ” ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดด้วยเสียงอันดัง
ต้องไปดูก่อน แต่ก่อนไป ต้องจัดการกับทหารก่อน
อาวุธของทหารเหล่านี้ล้วนได้รับการขัดเกลาจากวัสดุที่พบในเทือกเขาคุนหลุน พวกมันล้วนตอบสนองต่อเสียงเรียกและลอยขึ้นไปในอากาศแล้ว
ส่งผลให้ในมือทหารไร้อาวุธ
คงจะแย่มากถ้าศัตรูพบมันและใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้เพื่อโจมตี
ดังนั้นผู้อาวุโสทั้งสามจึงสั่งให้ทหารทั้งหมดถอยทัพชั่วคราว ถอนตัวไปยึดครองแคว้นเล็กๆ ที่อยู่ใกล้เคียง แล้วหาอาวุธให้เร็วที่สุด
หลังจากเตรียมการแล้ว ผู้อาวุโสทั้งสามก็ลอยตัวไปยังเกาะจูเสินอย่างเร่งรีบ
........
เกาะจูเสิน
เซียวเฉวียนผู้ตื่นตัว รู้สึกว่าการเคลื่อนไหวเช่นนี้จะทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ โดยธรรมชาติแล้วมันจะดึงดูดความสนใจของกองกำลังมากมายจากทุกทิศทุกทาง
เพื่อที่จะปกป้องเว่ยอวี๋ และป้องกันไม่ให้ผู้อื่นรู้ว่าร่างดาบคือเว่ยอวี๋ เซียวเฉวียนจึงใช้ม่านพลังเพื่อซ่อนเว่ยอวี๋เอาไว้
ในเวลาเดียวกัน เซียวเฉวียนก็เก็บซ่อนตนเองและชิงหลงด้วย
ด้วยวิธีนี้ คนเหล่านั้นจะไม่สามารถหาเบาะแสใดๆ และจะไม่นึกถึงเว่ยอวี๋
แม้พวกเขาจะรู้ว่าหมื่นดาบแห่งบรรพบุรุษกำลังจะกลับมา ตราบใดที่พวกเซียวเฉวียนไม่เปิดเผยตัว พวกเขาก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าใครคือผู้ถือครองหัวใจดาบ
มันไม่เลวเลยที่จะปล่อยให้พวกเขาครุ่นคิด
ดังนั้นยามนี้พวกเซียวเฉวียนจึงอยู่บนเกาะจูเสิน ทว่าบุคคลภายนอกกลับไม่สามารถมองเห็นพวกเขาได้
เมื่อคนเหล่านั้นมาถึง พวกเขาเห็นเพียงดาบทั่วท้องฟ้า และได้ยินเพียงเสียงหึ่งที่สั่นสะเทือนทั้งฟ้าดิน
ท้ายที่สุดเซียวเฉวียนพลาดบางอย่าง เขาลืมปิดกั้นเสียงของเว่ยอวี๋
พูดตรงๆ เซียวเฉวียนก็ประมาทเช่นกัน
จนถึงตอนนี้เว่ยอวี๋ได้รับการทดสอบโดยหัวใจดาบ เสียงเขาแหบแห้งจากการตะโกน เซียวเฉวียนคิดว่าเสียงนี้ไม่สามารถส่งไปได้ไกล ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเสียงหึ่งๆ ดังกึกก้อง ดังนั้นย่อมไม่มีใครสามารถได้เสียงเขาได้
คาดไม่ถึงว่าภายใต้การทรมานของหัวใจดาบที่เพิ่มขึ้น เว่ยอวี๋จะร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง “อ๊าก!!!”
เสียงนี้ทั้งดังและทอดยาว...
มันน่ากระตุ้นจิตใต้สำนึกรุนแรงจนเซียวเฉวียนและชิงหลงต้องปิดหู
ไม่รู้ว่าคนอื่นได้ยินเสียงนี้หรือไม่ แต่เซียวเฉวียนรู้ว่าเฮยหลังได้ยิน เพราะเซียวเฉวียนเห็นเฮยหลังมาใกล้เกาะจูเสินอย่างรวดเร็ว
คำนวณพลาด
อย่างไรก็ตามหลังจากตะโกนเช่นนี้ สีหน้าของเว่ยอวี๋ก็ดีขึ้นเล็กน้อย
“เหล่าจู พวกเขาต้องใช้เวลานานเพียงใด?” เซียวเฉวียนถามผ่านจิตใจ
เขากังวลมากว่าเว่ยอวี๋จะรอดจากสถานการณ์นี้ได้หรือไม่
นอกจากนี้ หากยังอยู่ที่นี่นานขึ้น อาจดึงดูดศัตรูได้มากขึ้น และการต่อสู้ก็จะเริ่มต้นขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ท้ายที่สุดแล้วเซียวเฉวียนไม่อาจรับประกันว่าจะไม่มีใครค้นพบการมีอยู่ของเขา
“ข้าไม่รู้” หลังจากผนึกจูเสินตอบกลับสามคำด้วยเสียงต่ำ มันก็เงียบลง
พูดตามตรง ด้วยสภาพร่างกายของเว่ยอวี๋ เกรงว่าเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานสักพัก ส่วนจะนานแค่ไหนนั้น ผนึกจูเสินไม่อาจบอกได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...