เซียวเฉวียนพลางเหลือบมองดูเว่ยอวี๋อยู่ห่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าคนตรงหน้ายังเป็นเว่ยอวี๋คนเดิมนั้น
อย่างไรก็ตาม การหลอมรวมกันของเซียวเฉวียนและหัวใจดาบนั้น แม้แต่วิธีการพูดและน้ำเสียงของเว่ยอวี๋ก็ยังเปลี่ยนไป ทำเอาเซียวเฉวียนรู้สึกไม่ชินกับมันเลยแม้แต่น้อย
ทว่า ทุกอย่างล้วนแต่เป็นเรื่องของเวลา ไม่นานเขาก็คงจะคุ้นชินกับมันได้เอง
“เจ้ามีที่ใดที่รู้สึกไม่สบายหรือไม่?” เซียวเฉวียนเอ่ยถามด้วยความห่วงใย
เมื่อเว่ยอวี๋ลองสำรวจดูแล้วนั้น ก่อนจะส่ายหัวพลางกล่าวออกมาว่า "นอกจากจะรู้สึกได้ถึงพลังมากมายที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายแล้วนั้น ข้าหาได้รู้สึกผิดปกติอันใดไม่"
หากเขายังมีหน้ามาทำท่าทีทะเล้นเช่นนี้ได้ นั่นพิสูจน์ได้แล้วว่าเว่ยอวี๋หาได้มีสิ่งใดผิดปกติกับไปไม่ เช่นนี้เซียวเฉวียนจึงรู้สึกวางใจได้เสียที
“เหล่าเซียว เช่นนั้นพวกเรามาประลองยุทธ์กันดีหรือไม่?” เมื่อเว่ยอวี๋คิดว่าตนเองมีพลังของหัวใจดาบครอบครองเอาไว้อยู่นั้น เขาจึงกระตือรือร้นที่จะอยากรู้อยากลองยิ่งนัก เขาอยากจะลองปะทะฝีมือกับเซียวเฉวียนดูสักคราเพื่อดูว่าผู้ใดจักแข็งแกร่งมากกว่ากัน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซียวเฉวียนได้แต่แย้มยิ้มออกมาบาง ๆ ก่อนจะกล่าวว่า "เจ้าเอาชนะข้าไม่ได้หรอก หากมิเชื่อเจ้าลองถามหัวใจดาบดูเสีย"
หัวใจดาบหาใช่คู่ต่อสู้ของผนึกจูเสินไม่
หลังจากฟังคำพูดของเซียวเฉวียนแล้วนั้น เว่ยอวี๋หาได้มีท่าทีไม่พอใจแต่อย่างใด แววตาพลันเปล่งประกายฉายแววสดใสออกมา ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยท่าทีชื่นชมว่า "เจ้าแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้เลยหรือ มิน่าเล่าแม้แต่หัวใจดาบเองก็ยังยอมรับเจ้าเป็นนายเลย"
ไม่ว่าจักนานเท่าใด ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดย่อมเป็นราชาเหตุผลย่อมมิมีทางแปรเปลี่ยนไป
เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ จู่ ๆ เซียวเฉวียนพลันนึกขึ้นมาได้อีกเรื่องหนึ่ง ในยามที่หัวใจดาบได้ครอบครองร่างของชิงหลงนั้น ชิงหลงพลันตกอยู่ในสภาวะหลับลึกและหมดสติไป ทั้งยังไม่รู้สึกตัวอันใดอีกด้วย ดังนั้น การที่เซียวเฉวียนเอ่ยเรียกชิงหลงว่าบรรพบุรุษนั้นหาได้รู้สึกแปลกประหลาดไม่
ทว่า เมื่อหัวใจดาบและเว่ยอวี๋ได้มาหลอมรวมร่างกันแล้วนั้น หมื่นดาบแห่งบรรพบุรุษเองก็หวนคืนกลับมาแล้วเช่นกัน เซียวเฉวียนที่เอ่ยเรียกหมื่นดาบแห่งบรรพบุรุษว่าเป็นบรรพบุรุษของเขานั้นก็หาได้รู้สึกกระดากปากไม่ แต่ปัญหาในยามนี้อยู่ที่เว่ยอวี๋ เนื่องจากเว่ยอวี๋ยังคงมีความทรงจำของตนเองหลงเหลืออยู่ หากได้เอ่ยเรียกเว่ยอวี๋ว่าบรรพบุรุษแล้วนั้น นั่นมิทำให้เว่ยอวี๋ดีใจตายเลยหรือ?
เว่ยอวี๋คงมิดีใจจนตัวลอยเลยกระมัง?
ไม่ ไม่ ไม่ เซียวเฉวียนจักมิยอมเอ่ยเรียกเว่ยอวี๋ว่าบรรพบุรุษเป็นอันขาด
หลังจากครุ่นคิดดูเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วนั้น เซียวเฉวียนพลันหาทางลงอย่างเป็นกลางให้ได้มากที่สุด ไม่เพียงแต่ยังแสดงความเคารพต่อหมื่นดาบแห่งบรรพบุรุษเท่านั้น ทั้งยังขัดขวางมิให้เว่ยอวี๋ได้ใจมากเกินไปอีกด้วย เช่นนั้นเขาจักเรียกขานเว่ยอวี๋ว่าเจี้ยนจงแทน
คำเรียกขานนี้ ทำเอาเว่ยอวี๋รู้สึกชื่นชอบมันมากนัก เขายังกล่าวอีกด้วยว่า เพียงแค่ได้ยินพลันรู้สึกว่าตนเองดูยิ่งใหญ่เป็นอย่างยิ่ง
นั่นแต่นั้นเป็นต้นมา ชื่อเสียงของเจี้ยนจงพลันเลื่องลืออื้อชื่อขจรไกล
เหล่าบรรดาผู้ที่มารับชมเรื่องราวสนุก ๆ ทั้งแอบมาเก็บข้อมูลข่าวสารนั้น เมื่อเห็นหมื่นดาบแห่งบรรพบุรุษพลันล่องลายหายไป เว่ยอวี๋ยังมิเป็นอันใดอีก อีกทั้งเซียวเฉวียนยังสามารถขับไล่ผู้อาวุโสทั้งสามให้ล่าถอยออกไปได้ เมื่อมิสิ่งใดให้รั้งรอดูอีกแล้วนั้น พวกเขาจึงค่อย ๆ พากันสลายตัวหายไปในทันที
ทว่า พวกเขาหาได้ยินในสิ่งที่หมื่นดาบเอ่ยเรียกขานเว่ยอวี๋ว่าบรรพบุรุษ ทั้งยังเรียกขานเซียวเฉวียนว่านายท่านไม่ พวกเขาเพียงแค่คิดไปเองว่าดาบทั้งหลายนั้นต่างก็มุ่งเป้าไปที่เซียวเฉวียน
ส่วนเพราะเหตุอันใด เว่ยอวี๋ถึงสามารถอยู่บนเกาะจูเสินได้เป็นเวลานาน ทุกคนต่างก็พากันคิดไปเองว่า ย่อมต้องเป็นเพราะเซียวเฉวียนต้องการใช้งานเว่ยอวี๋ทำการใหญ่เป็นแน่ อีกทั้งเว่ยอวี๋และเซียวเฉวียนเองต่างก็มีมิตรภาพที่ลึกซึ้งและแน่นแฟ้นต่อกัน เขาจึงได้ติดตามเซียวเฉวียนมายังที่เกาะจูเสินแห่งนี้ ทว่า โชคไม่ดีที่ตนเองกลับได้รับบาดเจ็บเสียก่อน
พร้อมกับความคิดเช่นนี้ที่เกิดขึ้นมามากมาย
ดังนั้น ภายใต้สายตาของผู้คนมากมายที่จับจ้องมองมา พร้อมทั้งคำพูดมากมายที่มีการใส่สีใส่ไข่ลงไป ไม่นานนักทั่วมั้งเมืองหลวงต่างก็พากันพูดคุยซุบซิบในหัวข้อเรื่องของเซียวเฉวียน เว่อวี๋และเรื่องของหมื่นดาบในทันที
เพียงชั่วพริบตาเดียว เรื่องของเซียวเฉวียนและเว่ยอวี๋ต่างก็เป็นเรื่องที่โจษจันไปทั่วเมืองหลวงและใต้หล้าในทันใด
แน่นอนว่าข่าวลือพวกนี้เองก็ได้กระจายไปถึงซินเจียงด้วยเช่นกัน
นักปราชญ์ที่ได้หลบหนีกลับซินเจียงไปแล้วนั้น เมื่อเขาได้ยินข่าวลือเช่นนี้ขึ้นมา พลันอดที่จะรู้สึกหัวเสียขึ้นมามิได้
เขารู้ดีว่าหากหมื่นดาบโบยบินเช่นนี้ แน่นอนว่าการหวนคืนของหมื่นดาบแห่งบรรพบุรุษนั้นย่อมต้องทำให้เกิดความปั่นป่วนเป็นแน่
เนื่องจากพละกำลังของหมื่นดาบแห่งบรรพบุรุษนั้นมีพลังแข็งแกร่งมากเสียจน ผู้ใดในใต้หล้าก็หาได้เทียบเคียงได้ไม่
ในยามที่หัวใจดาบได้หลอมรวมร่างกับชิงหลงแล้วนั้น ชิงหลงสามารถปลิดชีพนักปราชญ์ลงได้ไม่ถึงเสี้ยววินาที ในยามนี้ยังมาหลอมรวมร่างกับเว่ยอวี๋อีก ทั้งหัวใจดาบและกายดาบกลายเป็นอนึ่งเดียวกันเช่นนี้ พลังย่อมมีความแก่กล้าขึ้นเป็นธรรมดา
อีกทั้ง ผู้ที่มีพละกำลังกล้าแกร่งเช่นนี้ยังยอมรับเซียวเฉวียนขึ้นเป็นนายของตน นั่นมิใช่ว่าเซียวเฉวียนมีพลังที่แก่กล้าดั่งพยัคฆ์หรอกหรือ!
ภายภาคหน้า หากเขาต้องการจะจัดการกับเซียวเฉวียนคงมีแต่จะยุ่งยากขึ้นไปอีก
แท้จริงแล้ว หากเมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงมิถูกเซียวเฉวียนทำลายไปละก็ นักปราชญ์ก็คงมิต้องมาอารมณ์เสียอยู่เช่นนี้ นั่นเพราะเมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงเป็นปรปักษ์กับชาวคุนหลุนและชาวต้าเว่ย
ทว่า สิ่งที่ทำให้เขาโกรธโมโหก็คือเซียวเฉวียนทำลายเมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงของนักปราชญ์ไปเสียจนหมดสิ้น!
นักปราชญ์พลันรู้สึกเสียใจยิ่งนักที่ตนเองประมาทพลาดพลั้งไปถึงเพียงนี้ เขามิควรรีบไปเยือนต้าเว่ยเลย
ทว่า ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้วนั้น มาเสียใจในยามนี้จักไปมีประโยชน์อันใด?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...