สายลับของฮ่องเต้นั้นล้วนแต่มิใช่บุคคลธรรมดา
แม้ว่าความสามารถจะสู้เหมิงเอ้าไม่ได้ แต่ก็เป็นยอดฝีมือที่หาตัวจับยาก ทั้งยังเป็นคนที่รับรู้การเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้อย่างว่องไว
ทำให้แม้แต่สายลับก็ไม่พบสิ่งแปลก ๆ ดังนั้นเซียวเฉวียนจำเป็นต้องลงไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
เนื่องจากต้องเฝ้าดูอู๋จี้ ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุด
หลังจากนั้นเซียวเฉวียนจึงได้เข้าไปถวายพระพรฮ่องเต้ และขอตัวกลับ
จะว่าไปแล้ว ทันทีที่ข่าวการสิ้นพระชนม์ของไทเฮาหลุดออกมา เพียงพักเดียวจวนอู๋ก็รับรู้เรื่องราวเหล่านั้น
ข่าวนี้ทำให้อู๋จี้ตั้งตัวไม่ทันไปครู่หนึ่ง
เดิมทีเขาคิดรองานพระศพของไทเฮาให้สิ้นสุดลงก่อน แล้วจึงค่อยทำตามแผนที่วางไว้
และพวกเขาเองก็คาดไม่ถึงว่าเซียวเฉวียนและฮ่องเต้จะเป็นฝ่ายเริ่มลงมือก่อน
เมื่ออู๋จี้ทราบข่าวนี้ ก็โกรธจนตัวสั่น และควบคุมตัวเองไม่อยู่
เซียวเฉวียนและฮ่องเต้นั้นทำตัวหลอกลวงราวกับว่าเป็นหัวขโมยที่สุดแสนจะไร้ยางอาย
อู๋จี้ที่คิดว่าเขามีโอกาสจะชนะ แต่สุดท้ายกลับจบลงด้วยความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ ทำให้เขายิ่งโกรธ
นั่นจึงทำให้ตัวเขาเองระบายความโกรธด้วยการกวาดมือทำลายข้าวของต่างๆ
ไม่มีใครเคยเห็นอู๋จี้โกรธขนาดนี้มาก่อน ต่างคนก็ต่างตกใจกับการกระทำของเขาจนตัวสั่น ทำให้ทุกคนไม่กล้าขยับ และทำได้เพียงแอบมองไปที่อู๋จี้ด้วยความกลัว
โชคดีที่อู๋จี้มีเหตุผล เขาสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ หลังจากนั้นไม่นาน เขาระงับความโกรธและสั่งให้คนทําความสะอาดเศษซากบนพื้นและเตือนพวกเขาไม่ให้ปากมาก
จวนอู๋เข้มงวดกับคนรับใช้มาโดยตลอดทำให้ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของเจ้านาย
คนรับใช้ตอบรับด้วยท่าทางความเคารพว่า "ขอรับ!"
แม้ว่าใบหน้าของอู๋จี้จะดูเหมือนปกติ แต่ความโกรธในใจที่อยู่ของเขานั้นกลับไม่ลดลงง่ายๆ
แผนที่เขาวางไว้นั้นใกล้สำเร็จแล้ว แต่เรื่องการสิ้นพระชนม์ไทเฮากลับทำให้ทุกอย่างเละไม่เป็นท่า
ทันทีที่ข่าวการสิ้นพระชนม์ของไทเฮาได้ถูกประกาศออกมา อู๋จี้ก็รู้สึกราวกับว่าเขากำลังจะเสียหมากในมือไป
ตอนนี้คนทั้งเมืองหลวงรู้ว่าไทเฮาสิ้นพระชนม์แล้ว แลัวยังเป็นข่าวที่ประกาศออกมาจากพระราชวัง
และยังมีคนจำนวนไม่น้อยเห็นโลงศพถูกหามออกมาจากพระราชวัง
ทุกๆ คนต่างก็สนใจ และไม่กล้าละเลยเรื่องนี้
หากอู๋จี้พาไทเฮาเข้าไปอีกครั้ง ทุกคนคงคิดว่าไทเฮาที่เขาพาออกไปเป็นตัวปลอมแน่นอน ไม่ว่าผู้คนจะยอมรับเรื่องนี้ได้หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ผลลัพธ์ที่อู๋จี้ต้องการจะไม่บรรลุผลอย่างแน่นอน
การพาไทเฮาออกไปในเวลาแบบนี้ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์แล้ว
แม้ว่าการกระตุ้นครั้งนี้จะเป็นเหมือนหยดน้ำที่สาดกระเซ็นขึ้นมาเพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่หากไม่ระวัง ไม่แน่ว่าน้ำอาจจะกระเด็นไปทั่วตัวคุณก็ได้
เซียวเฉวียนไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายๆ หากเขาอยู่ในสายตาของเซียวเฉวียน นั่นก็หมายความว่าความตายของอู๋จี้นั้นกำลังใกล้เข้ามา
ดังนั้น ตัวอู๋จี้เองจึงได้เลือกที่จะไม่ทำอะไรที่ไม่มีประโยชน์จนทําให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย
ในเมื่อเซียวเฉวียนสามารถได้คาดเดาเจตนาของอู๋จี้แล้ว ตัวอู๋จี้เองก็คาดเดาได้เช่นกันว่าอีกไม่นานนักเซียวเฉวียนน่าจะสงสัยในตัวเขา
ดังนั้นเขาจึงต้องเบี่ยงเบนความสนใจของเซียวเฉวียน
อู๋จี้ค่อยๆ ระงับความโกรธของเขาลง ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมา หลับตาลง และเปลี่ยนสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังเป็นโศกเศร้า ทําให้คนที่มองเห็นเขารู้สึกว่าเขายังจมอยู่ในความโศกเศร้าที่พ่อของเขาได้จากไป
เขารู้ว่าเซียวเฉวียนเก่งเรื่องอ่านสีหน้าผู้คน ดังนั้นตั้งแต่วินาทีนี้ไปเขาต้องมีสมาธิ ทิ้งเรื่องเหตุการณ์วุ่นวายไป และทำตัวไว้ทุกข์ให้แก่อู๋ฟานเท่านั้น
และแม้แต่ตัวสายลับที่ซ่อนตัวในความมืดจะเห็นอู๋จี้เขวี้ยงทำลายข้าวของ แต่ตัวอู๋ฟานเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป หลังจากนั้นเขาแค่สั่งให้คนรับใช้เข้ามาทำความสะอาดและห้ามปากมากเท่านั้น
ส่วนสิ่งที่คนรับใช้พูดกับอู๋ฟานนั้น สายลับก็ไม่ได้ยินเช่นกันเพราะเสียงเบาเกินไป
ดังนั้นสายลับจึงไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ อู๋จี้ถึงโกรธจนทำลายข้าวของ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าเขาสามารถสงบสติอารมณ์ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น สายลับจึงไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
และในตอนนั้นเอง เซียวเฉวียนก็ได้ย่องเงียบๆ เข้าไปที่ข้างหลังของสายลับ และกระซิบถามว่า : "เจ้าพบเบาะแสอะไรบ้างหรือไม่"
เมื่อสายลับคนนั้นได้ยินเสียงพูดกระซิบอยู่ข้างหูของเขา เขาก็ตื่นตระหนก และเพื่อโจมตีเซียวเฉวียนทันควัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...