ชิงหลงและองค์หญิงแยกจากกันถึงว่าไม่นานนัก แต่ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ องค์หญิงอดไม่ได้ที่จะไม่แอบประหลาดใจ และมองดูชิงหลงอีกสองสามครั้งด้วยความคิดที่ซับซ้อนอย่างยิ่ง
คิ้วและดวงตาของชิงหลงเต็มไปด้วยปราณเย็นหยิน ราวกับว่าเขากลับมาจากการอยู่ในห้องใต้ดินน้ำแข็งมาเป็นเวลาพันปี เพียงแค่มองดูแค่นี้ ก็ทำให้องค์หญิงรู้สึกแอบกลัวและสงสาร
เมื่อรู้สึกถึงการจ้องมองขององค์หญิงแล้ว ชิงหลงก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมามององค์หญิง แม้ว่าองค์หญิงจะปิดหน้าไว้ แต่ชิงหลงก็รู้ว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเขาได้คือองค์หญิงซินเจียงนั้นเอง ภรรยาของเซียวเฉวียน นายหญิงของชิงหลง
แม้ว่าองค์หญิงจะแต่งกายเป็นสาวใช้ แต่เธอก็ไม่สามารถซ่อนนิสัยบุคลิกภาพคนรวยของเธอได้ ประกอบกับดวงตาที่สวยงามและเฉียบแหลมของเธอ แค่ใส่ใจสักนิด ก็สามารถดูออกว่าเธอคือคนของราชวงศ์แห่งซินเจียง
ดวงตาที่สวยงามและชัดเจนคู่นั้น เป็นเอกลักษณ์ของคนราชวงศ์แห่งซินเจียง ชิงหลงรู้ดี เมื่อหนึ่งพันปีก่อน ชิงหลงเคยได้ยินตำนานของลูกเห็บและราชวงศ์ซินเจียง ตำนานเล่าไว้ว่าดวงตาของราชวงศ์ซินเจียงได้ตกก่อตัวขึ้นจากลูกเห็บในทุ่งน้ำแข็งแห่งซินเจียง และดวงตาของพวกเขาบรรจุพลังงานบริสุทธิ์ของลูกเห็บ ซึ่งสามารถดับเมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงของเพลิงชุ้ยเจี้ยนได้
ในใจของชิงหลงคิดกับตัวเองว่า เซียวเฉวียนส่งองค์หญิงกลับต้าเว่ยในเวลานี้ แสดงว่าเรื่องลูกเห็บและราชวงศ์ซินเจียงนั้นเป็นเรื่องจริง และมันก็เป็นความจริงที่ว่าลูกเห็บสามารถดับเพลิงของเพลิงชุ้ยเจี้ยนได้!
ถึงแม้ว่าเซียวเฉวียนเคยพูดกับไป๋ฉี่ว่าเขาได้ส่งคนกลับจากซินเจียง แต่เขาไม่ได้บอกว่าทำไมเขาถึงส่งคนกลับมา และไม่ได้พูดถึงว่าคนที่เขาส่งกลับมานั้นคือองค์หญิง
ตอนนี้ เพียงแค่จ้องมองตาขององค์หญิง ชิงหลงก็เข้าใจและรู้สาเหตุที่องค์หญิงกลับมาที่ต้าเว่ย มาเพื่อเมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงของเพลิงชุ้ยเจี้ยน
นี่คือหนึ่งในเหตุผลของเซียวเฉวียนทำไมถึงว่าองค์หญิงปกปิดใบหน้าของเธอไว้และปลอมเป็นสาวใช้ของฉินซูโหรวกลับเมืองหลวงของต้าเว่ย
มีแค่วิธีปลอมเป็นสาวใช้ ถึงสามารถลดการเป็นตัวตนขององค์หญิงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เท่านั้น และจะดึงดูดความสนใจของผู้อื่นได้น้อยลงด้วย จะได้ไม่ถูกเปิดเผยตนของเธอได้ง่าย
บอกได้เลยว่าเซียวเฉวียนเป็นคนรอบคอบมาก
นี่ เมื่อนักปราชญ์เห็นร่างทั้งสามคนปรากฏขึ้นมา เขาเห็นว่าองค์หญิงและเสวี่ยเยี่ยนที่สวมชุดขาวราคาถูก เขาปฏิบัติต่อองค์หญิงและเสวี่ยเยี่ยนเป็นเพียงสาวใช้ธรรมดาทั้งสองคน และเดินผ่านพวกเขาไป
ทันใดนั้น ดวงตาของนักปราชญ์ก็จ้องมองไปที่ฉินซูโหรว เพียงแวบเดียว ความโกรธบนใบหน้าของนักปราชญ์ก็หายไปทันที และมองด้วยดวงตาที่เป็นประกายสดใสอย่างตั้งใจในขณะที่เขามองไปที่ฉินซูโหรว นักปราชญ์คิดในใจว่า อาจื่อกลับมาทันเวลาจริงๆ!
ดีมาก ดีมาก!
ใช่ นักปราชญ์เคยเจออาจื่อมาก่อน และรู้ว่าหมิงเจ๋อคือคนที่อาจื่อส่งไปเป็นผู้แอบแฝงในจวนฉิน ในเวลานี้นักปราชญ์เข้าใจผิดว่าฉินซูโหรวตัวจริงเป็นอาจื่อ
รูปร่างหน้าตาของฉินซูโหรวนั้นคล้ายกับอาจื่อมาก ถ้าไม่ใช่คนที่พบเจอเธอบ่อยๆนัก ยากที่จะบอกได้ว่าคนไหนคืออาจื่อและคนไหนคือฉินซูโหรว
ดังนั้น นักปราชญ์ที่เคยเจออาจื่อเพียงครั้งเดียว ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะถือว่าฉินซูโหรวตัวจริงกลายเป็นอาจื่อ
นักปราชญ์แอบส่งสายตาให้กับฉินซูโหรว ส่งสัญญาณให้ฉินซูโหรวเข้ามาใกล้เขาหน่อย เขามีบางอย่างที่จะกระซิบให้ฉินซูโหรว
ตอนนี้ฉินซูโหรวที่สามารถยืนเคียงข้างของชิงหลงได้ ซึ่งหมายถึงได้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาใช้ได้ หากชิงหลงพาฉินซูโหรวเข้าไปที่จวนเซียว ฉินซูโหรวก็จะช่วยนักปราชญ์ขโมยเมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงออกมา ถ้าเป็นเช่นนี้นักปราชญ์ก็สามารถนำเมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงของเพลิงชุ้ยเจี้ยนมาได้อย่างง่ายดายโดยไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามใดๆก็ได้มันมาแล้ว
โดยไม่คาดคิดว่านักปราชญ์ที่ไตร่ตรองมาเป็นเวลานานแต่ก็ไม่สามารถเข้าไปในจวนเซียวได้ อาจื่อก็ออกมาในช่วงเวลาที่สำคัญ ตราบใดที่อาจื่อได้เข้าไปในจวนเซียวแล้ว มันก็จะจัดการได้ง่าย
ทีนี้แหละ นักปราชญ์ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้เมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงของเพลิงชุ้ยเจี้ยนกลับมา ในใจของนักปราชญ์มีความสุขมาก!
สวรรค์ก็จะไม่ตัดหนทางคนเราจนขาด!
นักปราชญ์ตื่นเต้นมกจนหัวใจเต้าแรง เขามองไปที่ฉินซูโหรวอย่างคาดหวัง และเขาส่งสัญญาณให้ฉินซูโหรวเข้ามาใกล้เขาอีกหน่อย
“ข้าใช้ในนามของหมิงเจ๋อสั่งให้เจ้าทำอะไรบางอย่างเพื่อข้า เมื่อเจ้าเข้าไปในจวนเซียวแล้ว ช่วยข้าไปเอาเมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงของเพลิงชุ้ยเจี้ยนกลับมา”
เมื่อนักปราชญ์พูดถึงสิ่งนี้ เขามองฉินซูโหรวอย่างได้ใจและพูดว่า:"หลังจากทำเรื่องนี้เสร็จสิ้น ข้าจะพูดถ้อยคำดีๆของเจ้าให้กับหมิงเจ๋อนายท่านของเจ้า"
หมิงเจ๋อเคยบอกอาจื่อไว้ก่อนหน้านั้นแล้วว่า นอกจากหมิงเจ๋อแล้ว อาจื่อก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของนักปราชญ์อีกด้วย ไม่ว่านักปราชญ์จะสั่งให้อาจื่อทำอะไรก็ตาม อาจื่อจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้มันดีที่สุด
แต่น่าเสียดาย ที่นักปราชญ์ไม่รู้ว่าบุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาในเวลานี้คือตัวจริงของฉินซูโหรว ฉินซูโหรวต้องการฉีกนักปราชญ์ออกเป็นชิ้นๆด้วยซ่ำ เธอจะไปทำงานให้กับนักปราชญ์ได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้ฉินซูโหรวขโมยของจากจวนเซียว
อย่างไรก็ตาม เธอก็ต้องทำเป็นแสดงละครให้กับนักปราชญ์เพื่อให้เขาได้ลิ้มรสถึงความรู้สึกของการถูกหลอก
“ใต้เท้าชิงหลง เมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงของเพลิงชุ้ยเจี้ยนอยู่ในมือของท่านจริงด้วย?”ฉินซูโหรวหันไปถามชิงหลง
“พูดตามหลัก มันอยู่ในจวนเซียว”ชิงหลงพูดเบาๆ เมื่อกี้ชิงหลงได้ฉวยโอกาสจากความวุ่นวายได้เอาเมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงไปแล้ว และเขายังแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกด้วย
เมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงของเพลิงชุ้ยเจี้ยนได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อทำลายผู้คนที่เกิดในคุนหลุนและต้าเว่ย ชิงหลงจะไม่พกสิ่งของอันตรายนี้ติดตัวไปด้วยอย่างแน่นอน เมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงของเพลิงชุ้ยเจี้ยนอยู่ในมือของอันเอ๋อร์ และตอนนี้อันเอ๋อร์ก็อยู่ในจวนเซียว
“ดีแล้ว รบกวนใต้เท้าชิงหลงเอาเมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงออกมาให้ข้าดูจะได้เปิดหูเปิดตาบ้าง"ฉินซูโหรวเน้นคำว่าเปิดหูเปิดตาสี่คำนี้อย่างชัดเจน ชิงหลงผู้ฟังน้ำเสียงหัวใจออกก็ได้ขดมุมปากเล็กน้อยแล้วแสดงรอยยิ้มเบาๆ ลูกหลานของเขาก็ไม่เลวเลย แม้แต่เด็กผู้หญิงอย่างฉินซูโหรวก็กล้าหาญและมีไหวพริบมาก หัวใจดาบมีความสุขและโล่งใจมาก!
คำพูดของฉินซูโหรวดูเหมือนพูดให้ชิงหลงฟัง แต่ที่จริงแล้วคือพูดให้นักปราชญ์ฟัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...