สรุปตอน บทที่ 1182 พิธีกรรมได้เริ่มขึ้น ณ บัดนี้ – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
ตอน บทที่ 1182 พิธีกรรมได้เริ่มขึ้น ณ บัดนี้ ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
“ท่าน!” อีกนิดเดียวจางเคอก็แทบจะอาละวาดใส่จางจิ่นแล้ว
สิ่งที่จางเคอพูดนั้นหมายความว่า จางจิ่นนั้นไร้ประโยชน์เป็นตัวถ่วงของตระกูลจาง
เมื่อก่อนจางเคอจะถามความคิดเห็นของจางจิ่นในทุกอย่าง และจางจิ่นก็ได้กล่าวว่าตัวเองนั้นก็จะฟังคำพูดของจางเคอ มีครั้งเดียวที่เขาไม่เชื่อฟังคำพูดของจางจิ่นคือหลังจากที่จางเคอได้รับเลือกเป็นขุนนาง เขาก็ไปอยู่ฝ่ายฮ่องเต้
ตั้งแต่นั้นมาจางจิ่นและจางเคอก็แทบจะไม่มีการสนทนาอันใดกันเลย
และด้วยเหตุผลบางประการ จางเคอก็เลือกไปขอที่พึ่งกับเว่ยเชียนชิว และทํางานร่วมกับจางจิ่นเพื่อทํางานให้กับเว่ยเชียนชิว
จางจิ่นไม่รู้เหตุผลนั้นเลย แม้ว่าจางจิ่นจะส่งคนไปสืบ แต่ก็ไม่ได้เบาะแสอะไร
ภายใต้การตรวจสอบของจางจิ่นอีกครั้ง จางเคอพูดเพียงประโยคเดียวว่า “ฮ่องเต้นั่นช่างไร้ความสามารถ มันไม่คู่ควรที่จางเคอจะไปรับใช้” เพื่อตอบคำถามที่จางจิ่นนั้นสงสัย
ต่อให้มากกว่านี้ แต่จางจิ่นก็พูดอะไรไม่ออกแล้ว
หลังจากที่ทั้งสองทํางานให้เว่ยเชียนชิวร่วมกัน จางเคอก็เริ่มกลับมาเคารพจางจิ่นอีกครั้ง ทั้งสองลุงหลานชายก็ไม่เคยโกรธเคืองกันอีก
นี่เป็นครั้งเเรก
จางเคอไม่อยากพูดกับคนใจปลาใจซิวอย่างจางจิ่นแม้แต่คำเดียว เขาตั้งใจเมินจางจิ่น
เเต่จางจิ่นก็ไม่ยอมเเพ้ที่จะเกลี้ยกล่อมจางเคอ เขากำลังไปได้ดีและเตือนสถานการณ์ปัจจุบันของจางเคอด้วยความหวังดี
สรุปก็คือจางจิ่นตั้งใจจะเข้าใกล้ค่ายของฮ้องเต้ให้มากขึ้น เเละเขาก็หวังว่าจางเคอก็จะเข้าใกล้ฮ่องเต้ไปพร้อมๆกับเขา
แต่มันกลายเป็นเรื่องตลกเมื่อเรื่องนี้ไปถึงหูของจางเคอ เขาหัวเราะอย่างเย็นชาว่า “สเด็จลุง ท่านมีอายุมาถึงขนาดนี้เเล้ว ทำไมท่านถึงยังได้ไร้เดียงสาเช่นนี้? ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นหรอก ถ้าท่านไม่ได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังของเจียนกั๋ว ท่านยังจะได้เลื่อนตำเเหน่งเป็นอัครเสนาบดีได้หรือไม่?”
“เลิกเพ้อเจ้อได้เเล้ว! เซียวเฉวียนเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดในตำเเหน่งอัครเสนาบดีของฮ่องเต้” เมื่อพูดถึงเซียวเฉวียนจางเคอก็กัดฟันด้วยความเกลียดชัง
ไม่ว่าจะเป็นภูมิหลังหรือความสามารถของจางเคอ มันไม่สามารถดีไปกว่าเซียวเฉวียนได้เลยหรือ?
เหตุใดเรื่องดีๆถึงเกิดขึ้นกับเซียวเฉวียนอยู่เสมอ เขามีดีอะไรงั้นหรือ?
องค์หญิงต้าถงแต่งงานกับเซียวเฉวียน
ประมุขแห่งชิงหยวนก็คือเซียวเฉวียน
ราชครูก็คือเซียวเฉวียน
ฮ่องเต้ยังตั้งใจให้เซียวเฉวียนได้ตำเเหน่งอัครเสนาบดี
เพราะเหตุใดกัน!
และฮ่องเต้ก็ชื่นชอบเซียวเฉวียนเป็นพิเศษ นี่มันก็ลำเอียงเกินไปเเล้ว
มันทำให้จางเคอไม่พอใจ!
ตำเเหน่งอัครเสนาบดี มันคือสิ่งที่จางจิ่นนั้นหมกมุ่น
เมื่อเผชิญกับชีวิตเเละชื่อเสียงของตระกูล จางจิ่นก็รู้สึกว่าตอนนี้ควรหยุดหมกมุ่นเรื่องตำแหน่งอัครเสนาบดีชั่วคราว แล้วกลับมาสนใจเรื่องอื่นที่สำคัญกว่านี้ก่อนจะดีเสียกว่า
เเค่มีชีวิตเเละชื่อเสียงของตระกูล เพียงเเค่จางจิ่นยังดำรงตำเเหน่งอัครเสนาบดีอยู่ เขาก็ยังมีโอกาสที่จะต่อสู้เพื่อชิงตำเเหน่งอัครเสนาบดี เเละยังมีโอกาสที่จะได้ต่อสู้กับเซียวเฉวียน
ดังนั้นจางจิ่นจึงตัดสินใจในครั้งนี้ว่าจะเข้าใกล้ค่ายฮ่องเต้ให้มากขึ้น
จางจิ่นยังคงยืนยันในความคิดเห็นของตัวเอง “เคอเอ๋อร์ ตอนนี้พวกเราควรคิดเรื่องรักษาชีวิตและชื่อเสียงของตระกูลจางก่อน”
“ดูคนที่อยู่ข้างหลังนั่นสิ ถ้าวันนี้พวกเราทําอะไรพลาดไปแล้วเมื่อเรื่องถูกเปิดเผย คนเหล่านี้จะถีบพวกเราลงเหวเป็นแน่ หรือแม้แต่คนในตระกูลจางก็เช่นกัน” จางจิ่นพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเกลี้ยกล่อมจางเคอ “เรื่องเมื่อวานนี้พลเรือนที่จวนจางชุมนุมกันสาปแช่งเจียนกั๋ว ข้าเดาว่าเจ้าก็น่าจะรู้เรื่องนี้”
ย้อนกลับไปเมื่อก่อน คนเหล่านี้จะกล้าดูถูกเว่ยเชียวชิวอย่างบ้าคลั่งเช่นนั้นได้อย่างไร?
นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?
เว่ยเชียนชิวใกล้ถึงจุดดับแล้วรึ!
จางจิ่นไม่พูดประโยคหลังจากนั้น เชื่อจางเคอคงจะเข้าใจส่วนที่เหลือเอง
เป็นเรื่องฉลาดที่จะทิ้งความมืดนี้ และหันกลับไปหาทางสว่างให้เร็วที่สุด!
แต่ในเรื่องนี้ ทำให้เห็นได้ชัดว่าจางเคอตั้งใจอย่างแน่วแน่มาก เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “เสด็จลุงไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องนี้แล้ว และยังเป็นคำเดิมว่า ถ้าหากท่านไม่อยากทำ ข้าก็จะไม่บังคับ แต่อย่ายุ่งกับเรื่องของข้า”
หลังจากพูดจบ จางเคอยืนอยู่ข้างๆและสะบัดแขนเสื้อด้วยความโกรธ และสร้างเขตแดนระหว่างจางจิ่นขึ้น
ในเมื่อเส้นทางเลือกไม่เหมือนกัน ก็ไม่สามารถที่จะทำงานร่วมกันได้อีก!
หลังจากนั้นจางเคอและจางจิ่นก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีกต่อไป!
ฮ่องเต้ทรงมีน้ำใจต่อทุกคน ฮ่องเต้เป็นผู้ที่มีปัญญาเฉียบแหลมมาก
ฮ่องเต้น่ายเป็นฮ่องเต้ที่ลงมาจากสวรรค์ เมื่อฮ่องเต้เดินผ่านประชาชนก็ค่อยๆก้มหัวลงด้วยความหวาดกลัว พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตา
ชนชั้นและความอ่อนน้อมถ่อมตนในสังคมโบราณนี้ ได้ฝังอยู่ในไขกระดูกของพวกเขาแล้ว
ดังนั้นแม้ว่าประชาชนทั่วไปจะได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฮ่องเต้ อันที่จริงมันไม่ได้ต่างอะไรจากการไม่ได้สนใจเลย
ฮ่องเต้ถูกล้อมรอบไปด้วยเหล่าขุนนางทั้งหลายและเดินไปที่หอสักการะฟ้าด้วยความสง่างามที่หาที่เปรียบมิได้
เมื่อฮ่องเต้ขึ้นแท่นพระที่นั่ง พิธีบังสุกุลก็กำลังจะเริ่มขึ้น
“พิธีบังสุกุล เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ!”
และในขณะนี้เซียวจิ่วก็ได้ตะโกนขึ้น
ในที่สุดพิธีบังสุกุลก็เริ่มขึ้นภายใต้ความคาดหวังของทุกคน
สถานที่นี้ที่เดิมทีเสียงดังก็สงบลงในชั่วพริบตา ทุกคนค่อยๆมองไปข้างหน้า
เซียวจิ่วเป็นประธานในพิธีบังสุกุลนี้ และมีฮูหยินผู้เฒ่าเซียวเป็นผู้ช่วยที่ยืนอยู่ข้างหลังไม่ไกลจากเซียวจิ่ว
หลังจากพิธีประกาศเริ่มขึ้น เซียวจิ่วเริ่มจุดไฟ (โคมเหอถู),ร้องเพลง (ตำราโหราศาสตร์เหอถู) ,จุดไฟ (โคมลั่วซู) ,ร้องเพลง(ตำราลั่วซู) ,และกล่าวสรรเสริญ (เหอถูลั่วซู) “ยึดความชอบธรรมทั้งสี่ทิศ เพื่อหลีกเลี่ยงความชั่วร้ายทั้งห้าทิศ”
หลังจากพิธีจุดโคมแล้ว เซียวจิ่วก็ใช้ยันต์เฉินโจวเพื่อ "เรียกวิญญาณ"
เซียวจิ่วท่องต่อ (ฮวาฟานเหวินโจ้ว) ร่างกายดั่งมังกรสีทอง เอวดั่งพระโค นั่งประทับอยู่ที่ปลายทั้งสองข้าง
แม่ทัพผู้แกร่งกล้าล้วนโปรดมาสนับสนุนข้า ลิ่วติงลิ่วจย่าจงติดตามไปกับตัวข้า
เหล่าบรรพบุรุษในราชวงศ์ก่อนได้ช่วยลูกศิษย์ของข้าให้ผ่านพ้นจากนรก
กริชศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นพร้อมกับสายฟ้าได้ทำลายสิ่งกีดขวางที่อยู่ข้างหน้าทั้งหมด
การบูชาบรรพบุรุษครั้งนี้อาจส่งให้เหล่าภูตผีหรือเทพกลัดกลุ้มเป็นได้
หลังจากนั้นเซียวจิ่วก็เริ่มอ่าน (คาถาเปิดนรก)
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...