เป็นไปไม่ได้
เว่ยเชียนชิวจะไม่แอบเข้าไปในพระราชวัง
เซียวเฉวียนคิดอย่างนั้น เขาจึงถาม “นอกจากพระราชวังแล้ว ยังมีที่ไหนอีกไหม?”
ทั้งแผ่นดิน สถานที่ที่เว่ยเชียนชิวไม่น่าไปมากที่สุดก็คือพระราชวัง
ชิงหลงคิดสักครู่แล้วส่ายหัว “ไม่มีแล้ว”
พระราชวังสามารถปิดกั้นพลังของบาเรียหมื่นดาบแห่งบรรพบุรุษได้ เนื่องจากมีผนึกตราประทับสีขาวอยู่ในพระราชวัง
สรรพสิ่งในโลกล้วนมีข้อดีและข้อเสีย
ก็เหมือนกับน้ำ น้ำสามารถพยุงเรือได้และสามารถจมเรือได้เช่นกัน
ผนึกตราประทับสีขาวเป็นสิ่งประดิษฐ์เฉพาะของราชวงศ์ต้าเว่ย สามารถกดขี่ฮ่องเต้ได้ และแน่นอนว่าก็ยังสามารถปกป้องฮ่องเต้ได้เช่นกัน
หนึ่งในการแสดงออกของการปกป้องฮ่องเต้ก็คือการขัดขวางการสอดส่องของชาวคุนหลุนต่อพระราชวัง รวมถึงหมื่นดาบแห่งบรรพบุรุษได้ด้วย
พูดง่ายๆ ก็คือ พระราชวังต้าเว่ยเป็นสวรรค์ที่แท้จริงสำหรับบรรพบุรุษที่มีพลังเหนือธรรมชาติของหมื่นดาบแห่งบรรพบุรุษ
พูดง่ายๆ ก็คือ ฟังก์ชันนี้ของผนึกตราประทับสีขาวนั้น มุ่งเป้าไปที่ชาวคุนหลุนโดยเฉพาะ
สิ่งนี้ทราบกันเฉพาะในหมื่นดาบแห่งบรรพบุรุษ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้ที่กระหายอำนาจในต้าเว่ยล้วนเป็นคนธรรมดา ดังนั้นความลับนี้จึงไม่มีใครค้นพบ
แม้แต่คนในราชวงศ์ก็ไม่รู้
คิดไม่ถึงเลยว่า ในโลกนี้ยังมีสถานที่ที่ชิงหลงและผนึกจูเสินไม่สามารถสอดส่องได้
อย่างไรก็ตาม เซียวเฉวียนยังคงไม่เชื่อว่าเว่ยเชียนชิวจะซ่อนตัวอยู่ในพระราชวัง
แล้วเว่ยเชียนชิวไปที่ไหนกันแน่?
เซียวเฉวียนคิดไม่ออก
ส่วนนักพรตสูงสุด เมื่อไม่สามารถหาเว่ยเชียนฉิวได้ เขาจึงหันกลับมาคิดว่าจะมีวิธีใดในการช่วยเหลือเสวียนอวี๋ออกมา เพื่อให้เสวียนอวี๋ช่วยติดตามเบาะแสของเว่ยเชียนชิว
ดังนั้น ในเวลานี้ นักปราชญ์จึงยืนอยู่หน้าประตูของจวนเซียว เขากำลังคิดหาวิธีแอบเข้าไปในจวนเซียว
แต่เขาลองแล้วลองอีก แต่ก็เข้าไปไม่ได้
ไอ้เวรชิงหลงนี่ช่างยุ่งเหยิงนัก ทิ้งตำแหน่งองค์ชายแห่งคุนหลุนมายุ่งกับเรื่องฉาวโฉ่ในจวนเซียวนี้ ทำลายแผนการของนักปราชญ์
นักปราชญ์โกรธจัด เขาจ้องมองประตูใหญ่ของสำนักเซียวอย่างไม่พอใจ
ประตูใหญ่ของจวนเซียวมีทวารบาลสองคนติดอยู่ พวกเขาจ้องมองนักปราชญ์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ
นักปราชญ์โกรธจนแทบอยากจะฉีกทวารบาลทั้งสองออกด้วยมือ แต่น่าเสียดายที่แม้แต่กระดาษสองแผ่นก็มีบาเรียป้องกันอยู่
นักปราชญ์ไม่สามารถขยับจวนเซียวได้เลย
มันน่าหงุดหงิดจริงๆ!
“เสวียนอวี๋?” นักปราชญ์ใช้จิตสำนึกส่งเสียงเรียกเสวียนอวี๋เขาหวังว่าเสวียนอวี๋จะได้ยินและพยายามหาวิธีหลบหนีออกมา
แม้ว่าจะไม่สามารถหนีออกมาได้ แต่เสวียนอวี๋ก็ควรบอกนักปราชญ์ว่าสถานการณ์ภายในจวนเซียวเป็นอย่างไร และนักปราชญ์จำเป็นต้องทำอย่างไรจึงจะช่วยเหลือเสวียนอวี๋ออกมาจากจวนเซียวได้
อย่างไรก็ตาม เสียงเรียกของนักปราชญ์ แม้แต่ละอองน้ำก็ไม่ได้กระเด็นแม้แต่น้อย ก็จมลงสู่ก้นทะเล
นักปราชญ์ ไม่รอคำตอบจากเสวียนอวี๋แต่กลับดึงดูดเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนอยู่ข้างหลัง และชิงหลงก็ยืนอยู่
ทั้งสองยืนอยู่บนกำแพงอย่างสง่างาม มองนักปราชญ์ จากมุมสูง
“ท่านนักปราชญ์ พบกันครั้งแรก ยินดีที่ได้รู้จัก” เซียวเฉวียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ชายชราคนนี้ ดูมีใบหน้าเหมือนนักปราชญ์ มีลมปราณบริสุทธิ์และเมตตา ดูเหมือนเป็นคนดี แต่จริงๆ แล้วเป็นคนเลว
ทุกสิ่งที่เซียวเฉวียนพบเจอ ล้วนเกี่ยวข้องกับชายชราคนนี้
เมื่อได้ยินเสียงของเซียวเฉวียน นักปราชญ์ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เขาเงยหน้าขึ้นมองเซียวเฉวียน และคิดในใจว่า เซียวเฉวียนปรากฏตัวที่นี่ นักปราชญ์กลับไม่รู้สึกตัวเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...