อ่านสรุป บทที่ 1228 รู้สึกซาบซึ้ง จาก ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บทที่ บทที่ 1228 รู้สึกซาบซึ้ง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
เมื่อได้ยินคำพูดของเว่ยเชียนชิว หัวใจของหวังหลินก็ลงตาตุ่มแล้ว
เว่ยเชียนชิวทั้งสูงและทรงพลัง ด้วยการแสดงออกที่จริงจัง นัยน์ตาสีเข้มคู่หนึ่งราวกับเหวลึก
บวกกับเขาได้ฆ่าคนมามากมาย ความโหดเหี้ยมบนตัวของเขาก็รุนแรงเล็กน้อย เมื่อบัณฑิตผู้อ่อนแออย่างหวังหลินเห็นเขา ก็ต้องรู้สึกเคารพยำเกรงอยู่แล้ว
ตอนนี้ หวังหลินทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากเว่ยเชียนชิวล้มเหลว หวังหลินอดไม่ได้ที่จะก้มศีรษะลง พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา: "เรียนท่านเจียนกั๋ว ข้าน้อยไม่ได้พบอ๋องรองขอรับ"
หลังจากพูดสิ่งนี้หวังหลินก็ยกเปลือกตาขึ้นและมองไปที่เว่ยเชียนชิวอย่างเงียบๆ แล้วกล่าวเสริม: "แต่ทว่า ข้าน้อยได้พบกับเซียวเฉวียน"
คำพูดเหล่านี้ ทำให้เว่ยเชียนชิวโกรธมาก เว่ยเชียนชิวสั่งให้หวังหลินไปพบเว่ยเป้ย เขาไม่ได้พบกับเว่ยเป้ย แต่บอกว่าได้พบกับเซียวเฉวียน นั่นมีประโยชน์อะไร!
เว่ยเชียนชิวมองไปที่หวังหลินด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ และหลังจากมองแล้ว ดวงตาของเขาก็ตกลงไปที่เนื้อในมือของหวังหลิน
จึงเปลี่ยนความคิด เด็กคนนี้ ซื้อเนื้อกลับมามากมาย นับเป็นคนที่ปรนนิบัติรับใช้เว่ยเชียนชิวเต็มที่ทีเดียว
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เว่ยเชียนชิวก็ระงับความโกรธในใจ โบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้หวังหลินลงไป
ก็จริบ แม้แต่หมาป่าดำก็ไม่สามารถได้พบเว่ยเป้ย จะไปคาดหวังหวังหลินมือใหม่คนนี้อะไรได้
เฮ้อ!
ตอนนี้ อยากจะพบลูกชายคนโปรดก็ช่างเป็นเรื่องยากยิ่งนัก
หากยังคงดำเนินเช่นนี้ต่อไป เว่ยเชียนชิวจะสามารถเอาสมบัติเงินทองเหล่านั้นคืนได้เมื่อใดกัน และเมื่อไหร่จะได้สร้างจวนเจียนกั๋วใหม่ล่ะ?
มันช่างน่าเศร้าจริงๆ
เว่ยเชียนชิวอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปนวดระหว่างคิ้ว พยายามขจัดความเบื่อหน่ายในใจ
“หยุด!”
ทันใดนั้นเว่ยเชียนชิวตะโกนเรียกหวังหลินซึ่งกำลังจะเลี้ยวเข้าไปในครัวอย่างเย็นชา
หวังหลินสะดุ้ง หันกลับมาด้วยความตื่นเต้น และพูดด้วยความเคารพ "ท่านเจียนกั๋ว มีอะไรให้รับใช้ขอรับ?"
เมื่อครู่ยังคิดว่าจะสามารถรอดตัวไปได้แล้ว ไม่ต้องทนต่อความบั่นทอนใจของเว่ยเชียนชิว คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี
ฮือฮือฮือ
หวังหลินกำลังตีฆ้องตีกลองอยู่ในใจ อธิษฐานต่อสวรรค์ขอให้ปกปักรักษา ขอให้เว่ยเชียนชิวอย่าได้โกรธเกรี้ยว
ดูเหมือนสวรรค์จะได้ยินคำอธิษฐานของหวังหลิน
เว่ยเชียนชิวไม่โกรธ และไม่ได้มองไปที่หวังหลิน เขาแค่ถามอย่างเย็นชา: "เจ้าบอกว่าเจ้าเห็นเซียวเฉวียน แล้วเซียวเฉวียนพูดอะไรหรือ?"
ด้วยหัวสมองอันชาญฉลาดของเซียวเฉวียน คิดว่าเขาต้องเดาได้ว่าเว่ยเชียนชิวพักอาศัยอยู่ในบ้านของหวังหลิน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง บ้านของหวังหลินที่นี่ ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
ข้อนี้ เว่ยเชียนชิวคิดมากเกินไป แม้ว่าเซียวเฉวียนจะรู้แล้วว่าเว่ยเชียนชิวอาศัยอยู่ที่นี่ แต่เซียวเฉวียนจะไม่บอกใคร อย่างน้อยตอนนี้ยังไม่บอกใคร
เมื่อเว่ยเชียนชิวอาศัยอยู่ในพระราชวัง เซียวเฉวียนบอกกับฮ่องเต้ เพราะเซียวเฉวียนไม่ต้องการให้เว่ยเชียนชิวใช้ชีวิตอย่างสบายเกินไป
แต่ตอนนี้สถานการณ์แตกต่างไปมาก เว่ยเชียนชิวถูกลดบทบาทให้อาศัยอยู่ในกระท่อมมุงจาก ดังนั้นเซียวเฉวียนจึงไม่จำเป็นต้องไล่โจมตีตามเขาอย่างไม่หยุด
ว่ากันว่ากระต่ายจนมุมแล้วจะกัดคน
คงจะดีไม่น้อย หากปล่อยให้เว่ยเชียนชิวได้สัมผัสชีวิตของชนชั้นล่างอย่างเหมาะสม ใช้ชีวิตแบบชนชั้นล่าง
อย่างมากที่สุด เซียวเฉวียนจะมาพบเว่ยเชียนชิวในตอนที่เขาว่าง มาซ้ำเติมบ้าง และบอกเขาว่า เซียวเฉวียนจะไม่เปิดเผยที่อยู่ของเว่ยเชียนชิว
หวังหลินนึกคิด และบอกเว่ยเชียนชิวในทุกคำพูดจากเซียวเฉวียน
เมื่อเว่ยเชียนชิวได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของเขาก็บึ้งตึง และก็ตะโกนทันที: "เซียวเฉวียน! เจ้าคนบัดซบ!"
เงินมากมายเช่นนี้ เขาเอาติดตัวไว้ได้จริงหรือ?
ในเวลานี้ ในที่สุดเว่ยเชียนชิวก็นึกขึ้นได้ว่าเซียวเฉวียนมีภาพวาดชื่อ ภาพรุ่งอรุณของฤดูใบไม้ผลิแห่งคุนหลุน ซึ่งสามารถเก็บทุกสิ่งในโลกได้
Xเอ้ย!
คนอย่างเซียวเฉวียน มันเป็นไปได้จริงๆ ที่จะนำเงินทองเข้าไปไว้ในภาพรุ่งอรุณของฤดูใบไม้ผลิและพกติดตัวไปด้วย
ให้เว่ยเชียนชิวไปทวงเอากับเขารึ?
จะเอากลับมาได้ไหมล่ะ?
เซียวเฉวียนเหลือบมองเสวี่ยเยี่ยนอย่างเฉยเมย พยักหน้าแล้วพูดว่า: "ตั้งแต่นี้ไป เจ้าไม่จำเป็นต้องสุภาพกับข้า และเจ้าไม่จำเป็นต้องเรียกตัวเองว่าข้าน้อย"
ความสัมพันธ์ระหว่างเสวี่ยเยี่ยนและองค์หญิง หากวางไว้ในยุคปัจจุบัน จะเป็นความสัมพันธ์แบบเพื่อนสนิทหรือเพื่อน
ต่อหน้าเซียวเฉวียน ไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวขนาดนี้
เห็นได้ชัดว่าเสวี่ยเยี่ยนตกใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้
องค์หญิงยิ้มเบา ๆ และพูดว่า: "เสวี่ยเยี่ยน สามีของข้าเป็นคนไม่คิดเล็กคิดน้อยโดยตลอด และไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้ แค่ทำตามที่เขาบอก นอกจากนี้ จากนี้ไปเจ้าไม่จำเป็นต้องเรียกเขาว่าราชบุตรเขยอีกต่อไป เรียกเขาว่านายท่านก็ได้”
“เจ้าค่ะ องค์หญิง” เสวี่ยเยี่ยนเชื่อฟัง
จากนั้นเธอก็ถอยออกไปอย่างชาญฉลาด โดยปล่อยให้องค์หญิงและเซียวเฉวียนได้พูดคุยกัน
เมื่อเห็นเสวี่ยเยี่ยนถอยกลับ เซียวเฉวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและกอดองค์หญิงไว้ในอ้อมแขนของเขา ยิ้มเล็กน้อย: "มีเพียงองค์หญิงที่เข้าใจข้า"
องค์หญิงเอนศีรษะพิงอกของเซียวเฉวียน ยิ้มแล้วพูดว่า "สามีมาที่นี่ได้ เรื่องในเมืองหลวงจัดการเรียบร้อยแล้วหรือเจ้าคะ?"
“ยังเลย แต่ข้าเพิ่งเสร็จสิ้นพิธีบังสุกุลของกองทัพตระกูลเซียวแล้ว” เซียวเฉวียนเอื้อมมือไปสัมผัสผมขององค์หญิงด้วยความรัก และพูดเบา ๆ “อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ ข้าจึงมาพบองค์หญิงและลูกสาวของข้า”
ทันที เซียวเฉวียนถามด้วยความกังวลอย่างยิ่ง: "ช่วงนี้เสี่ยวเหมียนเอ้าตัวน้อยประพฤติตัวดีไหม? สร้างปัญหาให้เจ้าหรือไม่?"
“ประพฤติตัวดี ไม่ต้องคอยกังวล” เซียวเฉวียนเอาอกเอาใจเช่นนี้ องค์หญิงทั้งรู้สึกซาบซึ้งและทั้งรู้สึกผิด
สิ่งที่หมิงเจ๋อพี่ชายของเธอทำกับเซียวเฉวียนนั้นเป็นบาปอย่างยิ่ง แต่เซียวเฉวียนไม่มีความตั้งใจที่จะระบายความโกรธของเขากับองค์หญิงและยังคงใจดีกับเธอเช่นเคย
เป็นเรื่องยากที่จะพบผู้ชายที่มีความชัดเจนระหว่างความรักและความเกลียดชังเยี่ยงนี้
ต้องบอกว่า การได้แต่งงานกับเซียวเฉวียนเป็นสิ่งที่ถูกต้องและน่าภาคภูมิใจที่สุดที่องค์หญิงทำ
แล้วเซียวเฉวียนจะไม่รู้สึกได้อย่างไรว่า เขาโชคดีที่ได้แต่งงานกับภรรยาที่มีคุณธรรมเช่นองค์หญิง?
เพื่อเซียวเฉวียน องค์หญิงทำเรื่องการปองร้ายรัชทายาทแห่งซินเจียง ในอนาคต องค์หญิงอาจไม่สามารถกลับไปยังซินเจียงได้อีก
“องค์หญิง ขอบคุณที่ทำเพื่อข้ามากมายเช่นนี้” นอกจากเซียวเฉวียนจะรักองค์หญิงแล้ว ยังรู้สึกขอบคุณเธอเสมออีกด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...