ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1293

สรุปบท บทที่ 1293 ปล่อยให้มันแล้วๆ ไปไม่ได้: ซูเปอร์ลูกเขย

อ่านสรุป บทที่ 1293 ปล่อยให้มันแล้วๆ ไปไม่ได้ จาก ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

บทที่ บทที่ 1293 ปล่อยให้มันแล้วๆ ไปไม่ได้ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

จางจงแค่จำได้ว่า เขาอยู่เฝ้ายาม เฝ้าไปเฝ้าไป ทนความง่วงไม่ได้จึงเผลอหลับไป จากนั้นพอตื่นขึ้นมาก็อยู่ในสภาพเช่นนี้

โอ้เทพเจ้า !

ไปทำให้ใครเดือดร้อนมาเนี่ย ?

ใครกันแน่ ที่เอาพวกเขามาอยู่นี่ได้อย่างไม่รู้เนื้อไม่รู้ตัว ?

จางจงส่ายหัวที่ยังรู้สึกมึนๆ อยู่ ไม่ต้องสงสัย พวกเขาคงถูกวางยาโดยใครบางคน

พูดถึงใครนั้น ปฏิกิริยาแรกของจางจงก็คือต้องเป็นเซียวเฉวียนแน่นอน

ต้องเป็นเซียวเฉวียนอย่างแน่นอน ใช้วิธีชั่วช้าสารเลวนี้ มามอมพวกเขาให้หมดสติ จากนั้นมัดตัวพวกเขาแลัวเอามาโยนไว้ที่นี่

จางจงหันศีรษะมา ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันและพูดว่า "ใต้เท้า ต้องเป็นเซียวเฉวียน ต้องเป็นเซียวเฉวียนที่มาทำกับเรา"

จางจิ่นซึ่งยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ อีกทั้งอารมณ์ว้าวุ่นอยู่แล้ว ได้ยินจางจงสาดน้ำโคลนใส่ร้ายเซียวเฉวียน เขาอดไม่ได้ที่จะโมโหและพูดว่า "ถ้าอย่างที่เจ้าพูด ถ้าเซียวเฉวียนเป็นคนทำ เขาไม่ฆ่าพวกเราให้ตายทีเดียวที่วัดร้างก็หมดเรื่อง ? ทำไมยังต้องอุตส่าห์เสียแรงเสียเวลามัดพวกมันนำมาไว้ที่นี่อีก เจ้าคิดว่าเซียวเฉวียนกินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำงั้นหรือ ?”

น้ำเสียงของจางจิ่นดูหมดความอดทนอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ฟังจนจางจงสะอึกในใจแล้วพูดอย่างเออๆ ออๆ "ใต้เท้าพูดถูก ผู้น้อยเองที่โง่เขลา"

มาคิดอย่างรอบคอบแล้ว จางจงก็รู้สึกว่าจางจิ่นพูดถูก หากเซียวเฉวียนเป็นคนทำ ก็ไม่จำเป็นต้องเปลืองเวลาเปลืองแรง ฆ่าพวกเขาทีเดียวตายก็หมดเรื่อง

เห็นจางจงยอมรับผิดในทันที ความโกรธของจางจิ่นจึงผ่อนเบาลงเล็กน้อย "ปลุกพวกเขาให้ตื่นเร็วเข้า"

องครักษ์คนอื่นๆ ยังหลับอยู่ น่าจะเป็นเพราะพวกเขาสูดควันเข้าไปมากกว่า

"ขอรับ ใต้เท้า" แม้ว่าจางจงจะเป็นคนของเว่ยเชียนชิว แต่เขาก็เป็นไส้ศึกและไม่ควรแสดงออกอะไรมากเกินไป ดังนั้น หลายครั้งเขาจึงต้องเชื่อฟังคำสั่งของจางจิ่น

เมื่อได้รับคำสั่ง จางจงจึงได้แต่ต้องดิ้นรนและกระแทกด้วยศอกไปที่คนข้างๆ พลางตะโกนว่า "ตื่น ๆ พวกเจ้ารีบตื่นเร็ว !"

ด้วยการร้องตระโกนอย่างไม่หยุดหย่อนของจางจง พวกองครักษ์ก็ค่อยๆ ตื่นขึ้นมาทีละคน

ปฏิกิริยาแรกของพวกเขาเมื่อตื่นขึ้นมาก็เหมือนกับจางจิ่นและจางจงอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

พวกเขามองไปที่จางจิ่นด้วยหน้าตาที่สับสนแล้วรีบขอโทษ "ใต้เท้า ขออภัย เป็นความผิดของผู้น้อย ไม่ได้คุ้มครองใต้เท้าอย่างสุดความสามารถ ได้โปรดลงโทษด้วย"

ลงโทษ ลงโทษกับผีอะไรล่ะ !

มาพูดขอโทษตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร ?

จางจิ่นพูดอย่างเรียบๆ "หยุดพร่ำเรื่องไร้สาระซะที รีบหาทางแก้เชือกซะ"

ฝั่งโน้นมารวบจัดการเอาจางจิ่นและกลุ่มของเขาทีเดียวโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ต้องไม่ใช่คนดีแน่ และคงยากที่จะรับมือ

โอ้ ไม่ ตอนนี้จางจิ่นและพวกถูกมัดไว้เหมือนบะจ่าง ไม่มีโอกาสที่จะตอบโต้ เหมือนกับเนื้ออยู่บนเขียง พร้อมจะถูกสับ

ทำไมไม่รีบวิ่งหนีทั้งที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ล่ะ ?

พอได้ฟังคำพูดของจางจิ่น เหล่าองครักษ์ก็ใช้กำลังภายใน เพื่อดิ้นหลุดออกจากเชือก

เห็นพวกเขาแต่ละคนเบ่งกำลังจนหน้าแดงหูแดงไปหมดก็ไม่อาจดิ้นหลุดได้ จางจงจึงเตือนพวกเขาว่า "ไม่ต้องเสียแรงเปล่า แบบนี้ไม่มีทางดิ้นหลุดหรอก"

จางจงได้ลองใช้ไม้นี้แล้ว แต่ก็ไม่ได้ผล

เชือกถูกมัดแน่นเกินไป กำลังภายในก็ก่อไม่ขึ้น

มีแต่ของจางจิ่นเท่านั้นที่หย่อนกว่าเล็กน้อย ทางโน้นอาจคิดว่าจางจิ่นดูสุภาพเรียบร้อยและไม่น่ากลัว จึงไม่ได้มัดแน่นนัก

ในจังหวะนี้เอง มีเสียงเหลาะแหละดังขึ้น "เฮ้ ตื่นกันแล้วหรือ !"

ฟังเสียงนี้ คล้ายทั้งเสียงผู้หญิงทั้งเสียงผู้ชาย

ทุกคนหันศีรษะไปมองหาที่มาของเสียง

เห็นเป็นคนสวมชุดสีแดง อาภรณ์ปลิวไหวยืนอยู่บนกิ่งไม้ที่อยู่ไม่ไกล

บุคคลนี้สวมหน้ากากอยู่บนใบหน้า ไม่อาจมองเห็นใบหน้าได้ชัดเจน

ดูแค่หุ่นเพียงอย่างเดียวก็ไม่อาจบอกได้ว่าเขาเป็นชายหรือหญิง

บุคคลนี้ชื่อเจินฮ่าว เป็นลูกชายของเจินเยว่ น้องชายชาวยุทธจักรของเว่ยไป๋ อดีตผู้นำของเมืองมู่อวิ๋น

เจินฮ่าวเกิดมา หมอดูบอกเขาว่าเขาเกิดมาดวงแข็งไม่ถูกกับพ่อกับแม่ของเขา ต้องเลี้ยงดูอย่างเป็นลูกผู้หญิง แม้แต่ชื่อก็ต้องตั้งเป็นชื่อผู้หญิงด้วย เพื่อแก้ดวงของเขาให้อ่อนลงเพื่อปกป้องตัวเขาเองในขณะเดียวกันก็ปกป้องพ่อแม่ทั้งคู่ด้วย

ตั้งแต่วัยเด็ก เจินฮ่าวได้เห็นและได้ยินกับหูมาตลอดจึงสืบทอดมรดกของเจินเยว่และถือว่าการปกป้องเมืองมู่อวิ๋นเป็นความรับผิดชอบของเขาเอง

แต่เจินฮ่าวรู้ดีมากกว่าพ่อของเขาเสียอีก

อันนี้ต้องพูดเริ่มต้นจากวิธีการจัดการของเจินฮ่าว

เจินฮ่าวเชื่อว่าเว่ยเชียนชิวนั้นไร้ความเมตตาและยุกติธรรม ถือโอกาสพี่น้องตัวเองประสบปัญหา มาชิงเอาตราเหวินอิ้นของพี่น้องไป

ไม่ต่างอะไรกับฉวยโอกาสปล้นทรัพย์อย่างเห็นได้ชัด !

ไม่งั้น ถ้าเขาอยากได้ตราเหวินอิ้น ทำไมไม่ถามเอากับเว่ยไป๋ก่อนที่เว่ยไป๋จะถูกเนรเทศ มาชิงเอาหลังจากที่เขาถูกเนรเทศไปแล้ว

ชิงเอาไปไม่ว่า แต่ไม่มาสนใจเหลียวแลเมืองมู่อวิ๋นเลย

เว่ยเชียนชิวทำมันอย่างชัดเจน แม้แต่คนโง่ก็ยังดูออก ว่าเขาไม่เคยถือว่าเว่ยไป๋เป็นพี่น้อง มีแต่พ่อโง่เขลาของเจินฮ่าวคนนั้นถึงคิดว่าเว่ยเชียนชิวมาชิงเอาของไปเป็นเรื่องปกติธรรมชาติ

มันช่างไม่มีทั้งเมตตาธรรมและยุกติธรรม !

ฉะนั้น แม้ว่าเจินฮ่าวจะสืบทอดภารกิจของพ่อเขา แต่เขาไม่ชอบเว่ยเชียนชิวแม้แต่นิด เกลียดชังเว่ยเชียนชิวด้วยซ้ำ

เพื่อการนี้ เจินฮ่าวยังสืบถามเป็นพิเศษเกี่ยวกับเว่ยเชียนชิว พอรู้ว่าเว่ยเชียนชิวมีอำนาจล้นฟ้าในราชวงศ์ต้าเว่ย แม้แต่องค์จักรพรรดิก็ไม่ได้อยู่ในสายตาเขา เจินฮ่าวถึงกับดูแคลนเว่ยเชียนชิวไปเลย

ถึงอย่างไร เจินฮ่าวก็รู้ว่าด้วยกำลังของเขาเอง เขาไม่อาจขยับเขย่าเว่ยเชียนชิวได้เลยแม้แต่นิด

เรื่องของเว่ยเชียนชิวกับเมืองมู่อวิ๋น นอกจากเรื่องแย่งชิงตราเหวินอิ้นแล้ว อาจกล่าวได้ว่าต่างคนต่างอยู่ ไม่มีอะไรยุ่งเกี่ยวกัน

เจินฮ่าวจึงไม่ได้งัดข้อกับเว่ยเชียนชิว

แต่ตอนนี้ มือของเว่ยเชียนชิวเอื้อมมาที่เมืองมู่อวิ๋นแล้ว คิดไม่ถึงเขายังส่งจางจิ่นมาด้วย

เรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ ซะแล้ว

“คนมานี่! คุมตัวพวกมันลงไป !” เจินฮ่าวตะคอกอย่างเย็นชา

ในขณะนี้เอง เสียงของเซียวเฉวียนดังขึ้น "เดี๋ยวก่อน !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย