อ่านสรุป บทที่ 1298 ลืมการรับรู้ของตนเอง จาก ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บทที่ บทที่ 1298 ลืมการรับรู้ของตนเอง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
สอบถามข้อมูลจากรัฐมู่อวิ๋น โดยมีเจินฮ่าวเป็นเพื่อน เซียวเฉวียนสามารถใช้ทางลัดได้
เซียวเฉวียนเชื่อว่า ไม่มีใครคุ้นเคยกับสถานการณ์ในรัฐมู่อวิ๋นมากไปกว่าเจินฮ่าวแล้ว
หากมีโรคที่ไม่รู้หรือว่ารักษาไม่หาย สามารถสอบถาเจินฮ่าวโดยตรงจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการค้นหาด้วยตนเอง
ดังนั้น ไป๋ฉี่จึงสามารถเข้าพบเจอกับเซียวเฉวียนได้แล้ว
หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป ไป๋ฉี่ก็พบคฤหาสน์แห่งนี้ในที่สุด
ไป๋ฉี่ยืนอยู่นอกประตูด้วยความสงสัยในใจ สถานะของเจินฮ่าว ควรอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ดีเยี่ยมและเจริญรุ่งเรืองถึงจะดูสูงส่ง
ทำไมบ้านแบบนั้นถึงถูกสร้างขึ้นในพื้นที่ที่ห่างไกลและที่แคบเช่นนี้?
มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ
เหตุผลหลักก็คือที่นี่ไม่เพียงแต่ห่างไกลเท่านั้น แต่ยังหาได้ยากมากอีกด้วย
แม้ว่าเซียวเฉวียนจะบอกทิศทางให้ไป๋ฉี่แล้วก็ตาม แต่ไป๋ฉี่ก็ได้เดินเส้นทางที่โค้งมามากมายถึงจะเดินมาถึงที่นี่
หากไม่ได้หายาก ด้วยวิชาตัวเบาของไป๋ฉี่คงใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
ประตูแง้มไว้ ไป๋ฉี่เงยหน้าขึ้นแล้วโผล่ไปข้างหน้าตะโกน:"นายท่าน?นายท่าน?"
เมื่อได้ยินเสียงดังกล่าว เซียวเฉวียนก็ตอบว่า:"ข้าอยู่นี่ เจ้าเปิดประตูแล้วเข้ามาได้"
ทันทีที่เซียวเฉวียนพูดจบ ไป๋ฉี่ก็เอื้อมมือออกไปผลักประตูเบาๆ และประตูก็เปิดออกดังเอี๊ยด
ทันทีที่ประตูเปิด ไป๋ฉี่เห็นเซียวเฉวียนและเจินฮ่าวนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นกำลังดื่มชา
เซียวเฉวียนหันกลับมาแล้วพูดว่า:"ไป๋ฉี่ มานี่ เคารพคุณชายเจิน"
ไป๋ฉี่เป็นน้องชายของเซียวเฉวียน แต่ไป๋ฉี่เดิมเป็นทาสของคุนหลุน แม้ว่าเขาจะรอดพ้นจากการเป็นทาสแล้วก็ตาม แต่ในสายตาของคนโบราณเหล่านี้ ยังไงเขาก็ไม่สมควรได้รับการยอมรับ
แม้ว่าเซียวเฉวียนจะยกย่องเชิดชูเกียรติเขาแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนการดูถูกของคนโบราณเหล่านี้ด้วยภูมิหลังที่ต่ำต้อยของเขาได้
ดังนั้น เซียวเฉวียนจึงไม่ได้บังคับ น้องชายของเขาเองเขารักและทะนุถนอมเองก็ได้
สำหรับอยู่ต่อหน้าบุคคลภายนอกและ สิ่งที่ไป๋ฉี่ควรมีมารยาทก็ต้องทำตาม ด้วยฐานะของไป๋ฉี่ควรเรียกพวกเขาว่ายังไงก็ต้องเรียกตามนั้น
แต่ว่า ไป๋ฉี่คือเทพแห่งการสังหารในอนาคต หากวันนั้นมาถึง เขานำกองทหารไปต่อสู้และมีชื่อเสียงในการรบครั้งเดียว และเขาไม่ต้องทนกับการทำมารยาทที่ซับซ้อนเกินไปเหล่านี้อีกต่อไป
และวันนั้นเซียวเฉวียนเชื่อว่ามันจะมาถึงในไม่ช้า
เมื่อถึงเวลานั้น ไป๋ฉี่สามารถยืนตัวตรงและมีชีวิตที่ดีได้อย่างแท้จริงโดยไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากสายตาที่ดูถูกของฆราวาส
ไป๋ฉี่ไม่มีความคิดเห็นมากมายเกี่ยวกับอนาคตของเขาเอง เขาแค่อยากจะอยู่กับเซียวเฉวียนตลอดไป รับใช้เซียวเฉวียน และตอบแทนความเมตตาของเซียวเฉวียน
แต่เซียวเฉวียนบอกว่าเขาเป็นเทพแห่งการสังหารในอนาคต และจะนำกองทหารสู้รบ คำพูดของเซียวเฉวียนไป๋ฉี่เชื่อ แต่เขาไม่เชื่อว่าตัวเขาเองว่าเขามีความสามารถนี้ เขามักจะรู้สึกเสมอว่าเซียวเฉวียนประเมินเขาสูงเกินไป หรือไม่ก็เซียวเฉวียนคิดผิดคน
สรุปแล้ว ไป๋ฉี่ไม่เชื่อว่าตัวเขาเองสามารถเป็นเทพแห่งการสังหารได้ และยิ่งไม่เชื่อว่าจะมีผู้คนนักหมื่นจะนับถือและเคารพเขาได้
แต่ว่า ไม่ว่าเซียวเฉวียนจะพูดอะไร ไป๋ฉี่ก็รับฟัง
ตามคำสั่งของเซียวเฉวียน ไป๋ฉี่ก็เดินไปอย่างมั่นคง และโค้งคำนับและพูดว่า:"ไป่ฉี่เคารพคุณชายเจิน"
เจินฮ่าวเคยได้ยินชื่อของไป๋ฉี่
ในเมื่อก่อนไป๋ฉี่เผาวังด้วยความโกรธ
เหตุการณ์นี้เข้าหูของเจินฮ่าวไม่มากก็น้อย
แต่ว่า องครักษ์ผู้ติดตามของเจินฮ่าวได้กล่าวถึงไป๋ฉี่นั้น พูดเพียงแต่ว่ามีทาสคุนหลุนชื่อไป๋ฉี่มีความกล้าที่จะบุกเข้าไปในพระราชวังเพียงลำพัง และจุดไฟอย่างกล้าหาญ มีทหารหลายร้อยคนถูกเผาจนตาย
ส่วนเหตุผลนั้น องครักษ์บอกว่าในขณะนั้นข้อมูลดังกล่าวถูกปิดบังไว้อย่างแน่นหนา และเขาก็ไม่ได้พูดว่าไป๋ฉี่คือผู้อารักขาของเซียวเฉวียน
เจินฮ่าวในเวลานั้นก็คิดอยู่ว่า ทาสคุนหลุนจะมีความกล้าหาญเช่นนั้นได้ อย่างอื่นไม่ขอพูด เจินฮ่าวยังชื่นชมความกล้าหาญนี้อย่างแท้จริง
เมื่อเห็นไป๋ฉี่รับถ้วยน้ำชาไปแล้ว เจินฮ่าวก็ยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า:"ลองชิบดูเร็วๆ อันไหนรสชาติดีกว่ากัน ชาที่ข้าชงหรือชาที่ท่านพี่เซียวชง"
หลังจากพูดอย่างนั้น เจินฮ่าวก็มองไปที่ไป๋ฉี่ด้วยดวงตาเป็นประกาย สีหน้าของเขาดูเหมือนพูดว่า รีบดื่มสิ และแจ้งให้เราทราบว่าคุณคิดอย่างไรหลังจากดื่มมัน
คำพูดนี้ สายตานี้ ทำให้ไป๋ฉี่รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และเขาก็จิบอย่างระมัดระวังแล้วหันไปมองเซียวเฉวียน
ในความเป็นจริงแล้ว เซียวเฉวียนที่อยู่ในจวนเซียวเขาไม่เคยชงชามาก่อนด้วยซ้ำ
เรื่องของการดื่มน้ำชานั้นเซียวเฉียวไม่ได้เจาะจง ที่เขาดื่มคือไป๋ฉี่พวกเขาชงตามใจทั้งนั้น ก็คือนำชาโยนลงในน้ำเดือดแล้วชงชาหม้อใหญ่แค่นั้น
ดังนั้น ไป๋ฉี่ไม่รู้จริงๆว่าเซียวเฉวียนนั้นชงชาเป็นหรือไม่
เขารู้เพียงว่า เหล้าที่เซียวเฉวียนทำนั้นอร่อยมาก และอาหารที่เขาทำก็อร่อย
เมื่อต้องเผชิญกับคำถามของเจินฮ่าวแล้ว ไป๋ฉี่ไม่สามารถพูดอะไรได้จริงๆ ดังนั้นเขาจึงต้องขอความคิดเห็นจากเซียวเฉวียน
ทำอย่างไรได้ เซียวเฉวียนยังคงมุ่งความสนใจไปที่การดมกลิ่นหอมและการดื่มชาเท่านั้น ราวกับว่าเขาเพิกเฉยต่อการมีอยู่ของไป๋ฉี่และเจินฮ่าวโดยสิ้นเชิง และเข้าสู่สภาวะที่ลืมการรับรู้ของตนเอง
ไป๋ฉี่อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเซียวเฉวียนในวันนี้?
นับตั้งแต่ไป๋ฉี่เดินเข้ามา เซียวเฉวียนก็สนใจเอาใจใส่แต่เรื่องชา ชานี้มันอร่อยขนาดนั้นเลยหรือ?
ไป๋ฉี่ก็อดไม่ได้ที่จะจิบมันอีกครั้งด้วยความสงสัยอย่างยิ่ง และพึมพำในใจ:"อร่อยก็อร่อย แต่ก็ไม่ถึงขั้นว่าไม่สามารถได้ยินกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้นี่"
เซียวเฉวียนกำลังคิดอะไรอยู่ของเขา?
ไป๋ฉี่สับสนไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น จับต้นชนปลายไม่ถูก
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับดวงตาที่ส่องแสงของเจินฮ่าวแล้ว หากไป๋ฉี่ไม่สนใจเจินฮ่าวมันคงไม่ดี
อย่างไรแล้ว อยู่ในบ้านของคนอื่น กินของคนอื่น ใช้ของคนอื่น ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของคนอื่น
ที่ว่ากันว่า รับของคนอื่นมือไม้อ่อน กินของคนอื่นปากอ่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...