ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1605

อยากสิ อยากเหลือเกิน!

เซียวเฉวียนรู้ การที่เสวียนอวี๋ถามเช่นนี้ออกมาก็แสดงว่าเขารู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร

เมื่อได้รับการอนุญาตจากเซียวเฉวียน เสวียนอวี๋ก็ยิ้มออกมาอย่างไร้เดียงสา จากนั้นกล่าวออกมาว่า “เช่นนั้นข้าจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง”

เซียวเฉวียนรู้สึกว่า การที่ให้เสวียนอวี๋เป็นคนจัดการเรื่องนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสม ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีการใด ไม่ว่าจะทำให้แม่สื่อพวกนั้นไม่พอใจแค่ไหน แม่สื่อพวกนั้นก็ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้ เต็มที่ก็ได้แค่บ่นออกมาสองสามคำ

ใครใช้ให้เสวียนอวี๋เป็นแค่เด็ก ยังไงผู้ใหญ่ก็คงไม่ว่าอะไรเด็กคนหนึ่งหรอกใช่ไหม

เซียวเฉวียนกำชับว่า “อื้อ ไปเถอะ แต่ระวังอย่าหักโหมมากเกินไป”

เสวียนอวี๋ทุบหน้าอกของตัวเอง “ท่านลุงเซียววางใจ เสวียนอวี๋รู้ดีอยู่แล้ว”

ท้ายที่สุดแล้วเขาเติบโตมาจากสำนักหมิงเซียนมาตั้งแต่เด็ก และสำนักหมิงเซียนก็เป็นตัวแทนของเทียนเต๋า

ตัวแทนของเทียนเต๋า ไม่ว่าจะคำพูดหรือการกระทำก็ล้วนแต่เป็นตัวแทนของเทียนเต๋า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดจากความภาคภูมิใจ

ยิ่งไปกว่านั้น เสวียนอวี๋เป็นลูกศิษย์แท้ๆ ของนักปราชญ์ กฎเกณฑ์เหล่านี้เขารู้และเข้าใจมันเป็นอย่างดี

แม้ว่าเสวียนอวี๋จะยังเด็ก แต่กฎเกณฑ์ที่ควรรู้เขาก็ไม่เคยตกหล่น รู้ว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ ทำได้ถึงระดับไหน ทุกอย่างเขารู้ดีอยู่แก่ใจ

พูดจบเขาก็วิ่งออกไปจากจวนเซียว ยืนอยู่บนบันไดทางขึ้นของหน้าประตูจวนเซียว

เขาตั้งใจกระแอมออกมาเพื่อดึงดูดความสนใจของแม่สื่อ หลังจากนั้นก็ชี้ไปที่แม่สื่อและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงของเด็ก “ท่านยาย ท่านรู้หรือไม่ว่า การที่พวกท่านมาตะโกนส่งเสียงดังหน้าประตูจวนเซียวทุกวันนั้นทำให้คนในจวนเซียววุ่นวายจนไม่อาจใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข”

เมื่อแม่สื่อได้ยินเสียงตะโกนว่าท่านยายจากเสวียนอวี๋ สีหน้าของนางก็ลดลงในทันใด

นางสัมผัสใบหน้าของตนเองด้วยความกังวล จากนั้นก็พึมพำออกมา “ข้าเพิ่งจะอายุ 32 ปี เด็กคนนี้เรียกข้าว่าท่านยาย ข้าดูแก่ขนาดนั้นเลยงั้นหรือ?”

เกิดเป็นผู้หญิง ใครบ้างที่ไม่อยากดูเด็ก ใครบ้างที่ไม่อยากงดงาม?

เห็นอยู่ว่านางเพิ่งจะอายุได้สามสิบต้นๆ นางยังไม่ได้แก่ขนาดนั้น

เด็กคนนี้อยากจะพูดอะไรออกมากันแน่?

แม่สื่อรู้สึกโกรธจนแทบทนไม่ไหว

แต่ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ มันคงไม่ดีหากแม่สื่อระเบิดความโกรธออกมา นางแอบจ้องเขม็งมาที่เสวียนอวี๋ จากนั้นก็กระแอมออกมา “นี่ เจ้าเป็นเด็กจากตระกูลไหนอย่างนั้นหรือ พูดจาเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร? เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กอย่าเข้ามายุ่ง!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเสวียนอวี๋ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า ดูเหมือนว่าแม่สื่อผู้นี้จะโกรธที่เสวียนอวี๋เรียกนางว่าท่านยายจนโงหัวไม่ขึ้น คำพูดหลังจากนั้นไม่ได้เข้าไปในหูของนางเลย!

เสวียนอวี๋ตอบกลับไปว่า “ข้าบอกว่า ท่านมาส่งเสียงดังเอะอะโวยวายทุกวัน คนในจวนเซียววุ่นวายจนใช้ชีวิตไม่เป็นปกติสุขแล้ว ได้ยินไม่ชัดอย่างนั้นหรือ?”

ความหมายของมันก็คือ ข้าคือคนของจวนเซียว และข้าก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบ

ได้ยินคำพูดของเสวียนอวี๋ แม่สื่อก็ได้สติกลับคืนมาในทันใด พร้อมกับเข้าใจในคำพูดของเสวียนอวี๋

ที่แท้ก็เป็นคนของจวนเซียว!

ได้ยินว่าเป็นคนของจวนเซียว ทัศนคติของแม่สื่อก็เปลี่ยนไป กล่าวออกมาด้วยใบหน้าเป็นมิตร “ข้าขอโทษ นายน้อย ข้าขอถามหน่อยว่าใต้เท้าเซียวอยู่ในจวนหรือไม่?”

เสวียนอวี๋เหลือบตาขาวใส่แม่สื่อ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตอนแรกผู้นำตระกูลของข้าก็อยู่ในจวน แต่เนื่องจากพวกท่านมาสร้างความรบกวนเช่นนี้ ตอนนี้เขาก็ได้หนีไปซ่อนตัวแล้ว”

“ไม่ใช่แค่พวกท่านที่อยากพบเขา พวกเราคนของจวนเซียวเองก็อยากพบเขาเช่นกัน แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาไปอยู่แห่งหนใด”

เป็นเพราะคนพวกนี้เอาแต่มาสร้างความวุ่นวายอยู่หน้าจวนเซียว ทำเหมือนกับจวนเซียวเป็นตลาดสด ขับไล่เซียวเฉวียนให้หนีไปจากความเพราะความรำคาญ

แล้วยังคิดจะเจอเขา?

ฝันไปเถอะ!

ข้าจะบอกพวกเจ้าเอาไว้ พวกเจ้าคือคนที่บีบบังคับให้เซียวเฉวียนต้องหนีไป!

คำพูดของเสวียนอวี๋ทำให้ทุกคนเข้าใจอย่างชัดเจน พวกเขาตะลึงงัน เงียบสงบลงในทันใด

ผ่านไปพักใหญ่ถึงได้สติกลับคืนมา มองมาที่เสวียนอวี๋ด้วยความสงสัย หรือว่าความหวังดีจะกลายเป็นปัญหา พวกเขากระตือรือร้นมากเกินไปงั้นหรือ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย