ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1616

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ฮ่องเต้ก็สั่งให้เขาเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรง เขาก็แค่ไป

อย่างไรก็ตามเซียวเฉวียนสามารถเดาได้อย่างคลุมเครือว่าฮ่องเต้จะต้องมีบางสิ่งที่สำคัญที่จะประกาศในวันนี้ ทรงรู้ว่าเรื่องนี้จะถูกต่อต้านโดยขุนนางบางคน ต้องการให้เซียวเฉวียนเข้าราชกิจในท้องพระโรง พระองค์คงจะขอให้เซียวเฉวียนช่วย ทำให้สถานการณ์มีเสถียรภาพ

ยิ่งไปกว่านั้น เซียวเฉวียนเดาว่า เรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่พวกของฉินหนานกำลังทำอยู่

บางทีฮ่องเต้อาจต้องการประกาศการย้ายขุนนางในต้าเว่ย

ในความเป็นจริง ทุกวันนี้ ขุนนางที่ออกไปทำภารกิจได้กลับมาที่เมืองหลวงทีละคนแล้ว

ช้าสุดคือสองพี่น้องฉินหนานและฉินเป่ย เพราะพวกเขาไปยังสถานที่ที่ไกลที่สุด

ตัวอย่างเช่นจ้าวหลาน เขากลับมาที่เมืองหลวงเมื่อห้าวันก่อน

และขุนนางทุกคนที่ได้รับคำสั่งให้ออกไปทำภารกิจ ต่างติดต่อกับฮ่องเต้ในระหว่างการทำงาน รายงานความคืบหน้าในการทำงานได้ตลอดเวลา

ด้วยการติดตามแบบทันท่วงที ฮ่องเต้ยังมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสภาพท้องถิ่น จากนั้นจึงพิจารณาโยกย้ายขุนนางตามสถานการณ์จริง

หลังจากพิจารณาช่วงเวลานี้แล้ว ฮ่องเต้คงมีคำตอบอยู่ในใจและทรงทราบแล้วว่าต้องทำอย่างไร

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ฮ่องเต้มีทุกสิ่งพร้อมแล้ว กำลังรอให้สองพี่น้องตระกูลฉินกลับมา

ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องนี้เป็นความคิดของเซียวเฉวียนในเวลานั้น และเซียวเฉวียนก็รู้แน่ชัดว่าเรื่องนี้จะพัฒนาไปอย่างไร แม้ว่าเขาจะไม่ปฏิบัติตามก็ตาม

อีกทั้งฉินหนานและฉินเป่ยได้ทำเรื่องราวใหญ่โตตอนกลับมาเมืองหลวงในเมื่อวานนี้ จนทางราชวงศ์ยังได้ทราบถึงเรื่องนี้

ตามกฎแล้ว วันนี้ทั้งสองควรกลับมารายงานตัวที่วัง

ดังนั้น ตอนนี้ทุกคนที่เดินทางไปทำภารกิจได้กลับมาแล้วและฮ่องเต้พร้อมแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการประกาศผล

แน่นอนว่า เพื่อรักษาความรู้สึกลึกลับของฮ่องเต้ เซียวเฉวียนจึงไม่พูดคำเหล่านี้กับพ่อลูกตระกูลฉิน

เมื่อฉินหนานได้ฟัง เขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เซียวเฉวียนด้วยความสับสน และคิดว่าถ้าไม่มีอะไร ทำไมเซียวเฉวียนถึงต้องร่วมราชกิจในตอนเช้า นี่ไม่เป็นไปตามหลักการ!

ในอดีต เซียวเฉวียนเกลียดการเข้าเฝ้าท้องพระโรงมากที่สุด

เมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของฉินหนาน เซียวเฉวียนจึงอธิบายว่า "ฝ่าบาทสั่งให้ข้ามา"

ฮ่องเต้สั่งให้มางั้นรึ?

นั่นเป็นไปไม่ได้นี่นา?

เหตุใดฮ่องเต้จึงให้เซียวเฉวียนเข้าร่วมราชกิจตอนเช้า?

ทันใดนั้น ฉินหนานก็มีความคิด เป็นไปได้ไหมที่ฮ่องเต้ต้องการบอกอะไรบางอย่างกับเซียวเฉวียน?

แล้วพระองค์ไม่บอกเซียวเฉวียนว่าเกิดอะไรขึ้น?

เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ คิดว่ามันเป็นไปได้ แต่ก็คิดว่ามันไม่น่าเป็นไปได้เช่นกัน

เซียวเฉวียนเป็นคนโปรดของฮ่องเต้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฮ่องเต้จะคุยกับเซียวเฉวียนก่อนมิใช่หรือ?

ตอนนี้แม้แต่เซียวเฉวียนก็ยังถูกปิดบังไว้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสงสัยจริงๆ

หรือบางทีเซียวเฉวียนรู้เรื่องนี้และไม่ได้บอกเขาโดยตั้งใจ?

หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว ฉินหนานรู้สึกว่าการเดาครั้งสุดท้ายมีแนวโน้มมากกว่าและคล้ายกับวิธีการของเซียวเฉวียนมาก

ท้ายที่สุดแล้ว หากไม่มีอะไรเกิดขึ้น ด้วยอุปนิสัยของเซียวเฉวียน ไม่ต้องกล่าวว่าเป็นฮ่องเต้ขอให้เขาไปที่ท้องพระโรงตอนเช้า แม้แต่บิดาแห่งโอรสสวรรค์เรียกเขา เขาก็คงจะมีข้อแก้ตัวมากมาย

ใช่ มันต้องเป็นอย่างนั้น บางที มีเรื่องสำคัญกำลังจะเกิดขึ้นในวันนี้

เซียวเฉวียนที่ได้ยินเสียงในใจของฉินหนานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะในใจ ต้องบอกว่า ฉินหนานฉลาดขึ้นมากหลังจากห่างหายไปทำภารกิจในสองสามเดือนนี้ ช่างคุ้มค่าจริงๆ!

ในขณะนี้ เสียงของจ้าวหลานดังมาจากด้านหลัง "ใต้เท้าเซียว!"

เซียวเฉวียนหยุด หันศีรษะและมองไปที่จ้าวหลาน และพูดอย่างเรียบเฉยว่า "ใต้เท้าจ้าว"

ในไม่ช้าจ้าวหลานก็ไล่ตามทัน พอเห็นพ่อลูกตระกูลฉินจ้าวหลานทักทายพวกเขาทั้งหมดแล้วหันไปหาเซียวเฉวียนและพูดต่อว่า "แม้ว่าตัวข้าจ้าวหลานจะกลับมาถึงเมืองหลวงมาระยะหนึ่งแล้ว แต่เพราะมีงานยุ่งอยู่กับหน้าที่ จึงไม่อาจสละเวลาไปเยี่ยมใต้เท้าเซียวได้ ไม่คิดเลยว่าจะได้พบใต้เท้าเซียวที่นี่"

หากไม่เข้าใจศิลปะการพูดของคนโบราณ ก็คงไม่เข้าใจประเด็นทั้งหมดของสิ่งที่จ้าวหลานพูดจริงๆ

ประเด็นสำคัญประการหนึ่งคือจ้าวหลานต้องการไปเยี่ยมเซียวเฉวียนแต่เขาไม่เคยว่างหลังจากกลับมา

ประเด็นก็ฟังออกได้ง่าย

นี่

ทำไมเซียวเฉวียนถึงมาที่นี่?

เป็นไปได้ไหมว่าวันนี้ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตก?

แปลก! แปลกนัก!

แม้แต่จางจิ่นและสวีซูผิงก็ประหลาดใจมาก พวกเขาเข้าหาเซียวเฉวียนด้วยใบหน้าอยากรู้อยากเห็น และมองเซียวเฉวียนด้วยความสับสนอย่างมาก จางจิ่นกล่าวว่า "ใต้เท้าเซียว ลมอะไรพาท่านมาที่นี่?"

หลังจากกลับมาจากรัฐมู่อวิ๋น จางจิ่นอดไม่ได้ที่จะเป็นมิตรกับเซียวเฉวียน และมิตรภาพนี้ก็เหนียวแน่นขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

ดูสิ น้ำเสียงของจางจิ่นตอนพูดคุยกับเซียวเฉวียนเปลี่ยนจาก "เจ้า" เป็น "ท่าน" โดยไม่รู้ตัว

ทัศนคติที่เปลี่ยนไปสามารถอธิบายได้ชัดเจน

เซียวเฉวียนเหลือบมองจางจิ่นอย่างเฉยเมย จากนั้นเลิกคิ้วแล้วขยับสายตาไปที่ห้องโถงฉางหมิง โดยตั้งใจที่จะบอกจางจิ่นว่า เป็นลมด้านในนั่นที่พัดพาข้ามาที่นี่

จางจิ่นเข้าใจทันที พยักหน้าอย่างครุ่นคิด ดังนั้น ดูเหมือนว่ามีบางสิ่งที่สำคัญซึ่งต้องได้รับการสนับสนุนจากเซียวเฉวียน

ต้องบอกว่าจางจิ่นเป็นคนมีไหวพริบ สามารถคิดประเด็นสำคัญได้ทันทีที่เขาคิด

โชคดีที่สามารถยุยงจางจิ่นให้กลับใจในเวลานั้น จึงรักษาผู้มีพรสวรรค์ของต้าเว่ยเอาไว้ได้

ในขณะนี้ ประตูห้องโถงฉางหมิงเปิดออกด้วยเสียงเอี๊ยด และทันใดนั้นก็มีเสียงระฆังดังขึ้น และขุนนางก็เข้าแถวอย่างรู้หน้าที่ เดินเข้าไปทีละคน

หลังจากที่ขุนนางทั้งหมดเข้ามาแล้ว พวกเขาก็คุกเข่าลงและคำนับสามครั้ง

หลังจากคำนับเสร็จ ขุนนางก็เริ่มถวายฎีกา

เดิมที วันนี้เซียวเฉวียนตื่นแต่เช้า และยังนอนไม่พอ นอกจากนี้ เขายังฟังขุนนางพูดกันไปพูดกันมา ไป ๆ มา ๆ ล้วนเป็นคำพูดพวกนั้น เรื่องเหล่านั้น

มันเหมือนกับการไปโรงเรียนเข้าเรียนในสมัยใหม่ ทำเอาเซียวเฉวียนฟังจนรู้สึกง่วงเล็กน้อย

แต่เขาเป็นราชครู นอนหลับในห้องโถงใหญ่ต่อหน้าผู้คนมากมาย หากเขาถูกจับได้ และถูกของโบราณเหล่านี้พอได้ทีก็ขี่แพะไล่ขึ้นมา เซียวเฉวียนจะไม่ใช่หาเหาใส่หัวหรอกหรือ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย