ฉินซูโหรวเป็นคนประเภทที่ค่อยๆ ร้อนขึ้นช้าๆ
ซึ่งก็ไม่เป็นไร
แต่ปัญหาคือนางไม่มีวี่แววว่าจะมีใจให้อี้กุยเลย
เจี้ยนจงในฐานะบรรพชนของคุนหลุน แม้จะไม่เข้าใจเรื่องความรักของชายหญิง แต่เขาก็มีวิญญาณจากยุคปัจจุบัน แม้ว่าเจ้าของวิญญาณในร่างกายของเขาจะเป็นโสด แต่เขาก็เคยมีความรักมาก่อน
เขารู้ดีว่าเรื่องความรักนั้นเร่งรีบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับพรหมลิขิตและ ธรรมชาติ และต้องอาศัยความพยายามของอี้กุยเอง คนอื่นช่วยอะไรไม่ได้มากนัก
บางครั้งการช่วยเหลืออาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
เรื่องความรัก คนอื่นไม่ควรยุ่งเกี่ยว แม้จะยุ่งก็ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง
คิดแล้ว เจี้ยนจงก็โยนเรื่องนี้ทิ้งไป เขาไม่สามารถกังวลเรื่องนี้ได้
เซียวเฉวียน ในฐานะลุง ควรจะเป็นคนกังวลเรื่องนี้มากกว่า
เจี้ยนจงโรยเม็ดลูกปัดน้ำแข็งลูกเล็กๆ ลงเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อดับไฟ ไฟไหม้ครั้งนี้จึงจบลง
ไฟไหม้ครั้งนี้ก็จบลงแบบนี้
ชาวบ้าน ที่มาดูไฟ เมื่อเห็นว่าไฟดับแล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ดูอีกต่อไป ต่างก็ทยอยกันสลายตัวไป
นอกกำแพงห้องสมุดชิงหยวน
เว่ยหงและเว่ยหยานแอบเดินวนเวียนอยู่ข้างนอก
ทั้งสองคนเห็นอี้กุยออกมาจากข้างใน แต่ไม่เห็นเงาของเจี้ยนจง ออกมา
ด้วยความกลัวว่าเจี้ยนจง อยู่ข้างใน ทั้งสองคนจึงไม่กล้าลงมือ
ดังนั้น ทั้งสองคนจึงรออยู่ข้างนอก รออยู่นานครึ่งวัน แต่ก็ยังไม่เห็นเจี้ยนจง ออกมา ทั้งสองคนเริ่มใจร้อน คิดจะแอบเข้าไปดูว่าข้างในเป็นอย่างไร
แต่พวกเขาไม่รู้ว่า พลังอันทรงพลังกำลังกีดกันพวกเขาไว้ข้างนอก พวกเขาพยายามอย่างสุดความสามารถก็เข้าไปไม่ได้
มันเป็นบาเรียเหมือนกับที่ของจวนเซียว
ครั้งที่แล้ว ที่มาดูลาดเลา ยังไม่มีบาเรียนี้อยู่
นั่นบอกได้ว่าตอนนี้ เจี้ยนจง ไม่อยู่ในห้องสมุดชิงหยวน
นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงมือ
แต่ปัญหาคือ มีบาเรียนกั้นอยู่ พวกเขาเข้าไปไม่ได้
โอกาสดีๆ มาถึง แต่กลับเข้าไปไม่ได้
ช่างน่าหงุดหงิดสำหรับเว่ยหงและเว่ยหยาน
ในเวลานี้ ทั้งสองคนมองไปที่ทิศทางของหอปี๋เซิ่งควันที่นั่นเริ่มน้อยลงแล้ว ดูเหมือนว่าไฟจะควบคุมได้ในไม่ช้า
เมื่อไฟถูกควบคุม เจี้ยนจง จะกลับมา
ทั้งสองคนคิดอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจถอนตัวออกจากที่นี่ก่อน
เพื่อหลีกเลี่ยงการถูก เจี้ยนจง จับได้
หากตกไปอยู่ในมือของเจี้ยนจง คงจะหนีออกมาได้ยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์
ดังนั้น ทั้งสองรีบออกเดินทางจากห้องสมุดชิงหยวน
ทันทีที่พวกเขาจากไป ต้าจ้องก็กลับมาที่ห้องสมุดชิงหยวน
จริงๆ แล้ว เขาเห็นเว่ยหงและเว่ยหยาน แต่เซียวเฉวียนบอกให้ไว้ชีวิตพวกมัน เจี้ยนจงจึงปล่อยพวกมันไปครั้งนี้
ใต้หล้าของฮ่องเต้ หอปี๋เซิ่งและบ่อนการพนันเกิดไฟไหม้ และถูกไฟไหม้จนวอดวาย
เห็นได้ชัดว่ามีคนจงใจมุ่งเป้าไปที่เซียวเฉวียน
เรื่องนี้ย่อมไปถึงหูของฮ่องเต้
ปฏิกิริยาแรกของฮ่องเต้คือ คิดว่าผู้วางเพลิง น่าจะเป็นเว่ยหงและเว่ยหยาน
แต่ทว่า ทั้งสองคนได้แอบเข้าเมืองหลวงมาแล้ว และลงมือกับหอปี๋เซิ่งและบ่อนพนัน
นั่นแสดงว่า ทั้งสองคนเคยไปสุ่มดูที่จวนเซียวและจวนฉินมาก่อน คิดจะจัดการกับจวนเซียวและจวนฉินไม่สำเร็จ จึงหันมาลงมือกับหอปี๋เซิ่งและบ่อนพนัน
เมื่อได้ยินว่าเรื่องนี้ยังสร้างความวุ่นวายให้กับต้าจ้อง ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ เลือกวันที่อี้กุยไปที่ห้องสมุดชิงหยวนเพื่อลงมือวางเพลิง คนตาดีมองก็รู้ทันทีว่ามีความลับอะไรซ่อนอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...