แม้ว่าทั้งสองคนจะเป็นความสัมพันธ์ฉันท์มิตรที่ต่างฝ่ายต่างต้องการ แต่ฮ่องเต้ก็ช่วยเหลือเซียวเฉวียนอย่างแท้จริงในยามที่เซียวเฉวียนลำบากที่สุด เซียวเฉวียนไม่สามารถลืมความเมตตาครั้งนี้ได้
แต่ความเมตตาไม่สามารถวัดได้ด้วยเงินทอง การวัดด้วยเงินทองนั้นช่างต่ำต้อย
ดังนั้น เซียวเฉวียนสามารถออกเงินให้ฮ่องเต้ก่อน โดยไม่ต้องให้ฮ่องเต้เขียนสัญญา แต่ฮ่องเต้ต้องคืนเงินนี้
ฮ่องเต้ยิ้มและพูดว่า “ข้าจำไว้แน่นอน”
ด้วยนิสัยรักเงินของเซียวเฉวียน ถึงแม้ว่าฮ่องเต้จะจำไม่ได้ เซียวเฉวียนก็จะหาวิธีให้ฮ่องเต้จำได้
ไม่มีใครสามารถเอาเปรียบเซียวเฉวียนได้ เว้นแต่เซียวเฉวียนจะยินยอม
การเบี้ยวหนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้
เรื่องนี้จึงตกลงกันด้วยดี
ต่อมา เซียวเฉวียนต้องการพูดคุยเรื่องที่สองกับฮ่องเต้” ฝ่าบาท เหมิงเอ้าตอนนี้เหมือนกับไป๋ฉี่แล้ว สามารถทำงานด้วยตัวเองได้แล้ว หากฝ่าบาทต้องการใช้งานเขา ฝ่าบาทสามารถจัดการได้”
พูดง่าย ๆ ก็คือ เหมิงเอ้าสามารถออกศึกได้แล้ว ราชสำนักสามารถใช้งานเขาได้ เขาสามารถทำงานให้ราชสำนักได้แล้ว
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของฮ่องเต้ก็เป็นประกายขึ้นและพูดว่า “จริงหรือ?”
ไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าเป็นสองผู้พิทักษ์ของเซียวเฉวียน เป็นผู้ที่เซียวเฉวียนตั้งใจฝึกฝนขึ้นมา
ไป๋ฉี่ถูกส่งไปประจำการที่รัฐมู๋อวิ๋น สำหรับเซียวเฉวียน เขากลายเป็นแขนขวาที่แข็งแกร่งที่สูญเสียไป เหลือเพียงเหมิงเอ้า เขาเต็มใจที่จะส่งมอบเขาให้ฮ่องเต้จริงๆ หรือ?
เซียวเฉวียนมองฮ่องเต้อย่างเย็นชาและพูดว่า “จริงสิ”
ข้าเซียวเฉวียนจะนำเรื่องตลกแบบนี้มาพูดเล่นหรือ?
ไม่ เซียวเฉวียนไม่ใช่คนที่นำเรื่องแบบนี้มาพูดเล่น
ฮ่องเต้รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ขุนพลผู้มีความสามารถ
เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ขอบคุณอาจารย์ที่คิดถึงต้าเว่ยเช่นนี้"
นี่คือคำพูดจากใจจริงของฮ่องเต้
ต้องขอบคุณเซียวเฉวียนที่ทุ่มเทให้กับต้าเว่ย วางแผนทีละขั้นตอน เพื่อแลกกับสถานการณ์ปัจจุบันของต้าเว่ย
ตอนนี้เซียวเฉวียนยังทุ่มเทให้กับต้าเว่ย มอบแขนขวาของเขาให้กับฮ่องเต้เพื่อให้พวกเขาทำงานเพื่อต้าเว่ย
ฮ่องเต้รักความสามารถได้ไป๋ฉีและเหมิงเอ้า ราวกับได้รับสมบัติล้ำค่า!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เซียวเฉวียนเคยพูดไว้ว่า คนที่มีความสามารถเป็นพลังขับเคลื่อนหลักในการพัฒนาต้าเว่ย
ความรักที่มีต่อความสามารถของฮ่องเต้ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
เซียวเฉวียนทุ่มเทช่วยเหลือฮ่องเต้ด้วยเหตุผลหลายประการ นอกเหนือจากภารกิจของเซียวเฉวียนที่ต้องการความช่วยเหลือจากฮ่องเต้แล้ว ยังเป็นเพราะฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้ที่ดีที่ปกครองเพื่อประชาชน
เขาฉลาดและรักความสามารถ
ในสายตาของเขา ต้นกำเนิดไม่สำคัญ คนที่มีความสามารถจะได้รับการยกย่อง
ในใจของเขาเต็มไปด้วยประชาชนต้าเว่ย
บุคคลเช่นนี้สมควรได้รับความช่วยเหลือจากเซียวเฉวียน
นอกจากนี้ ดังที่มู่จิ่นกล่าวไว้ มันเป็นโชคชะตาที่วิญญาณของเซียวเฉวียนจะเจาะเข้าไปในต้าเว่ย
จากบทสนทนา ดูเหมือนว่าภารกิจที่เซียวเฉวียนวิญญาณข้ามภพมา คือการช่วยเหลือฮ่องเต้พลิกชะตาต้าเว่ย ให้กลับมาสงบสุขและเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง
ถึงแม้ว่าตอนแรกเซียวเฉวียนจะไม่มีความคิดแบบนี้ แต่ด้วยโชคชะตา เขาถูกผลักดันให้เดินบนเส้นทางนี้โดยไม่รู้ตัว
เขาและฮ่องเต้เป็นพวกเดียวกัน
เซียวเฉวียนยิ้มจางๆ และตอบว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเกรงใจข้า”
แม้จะไม่ได้ช่วยฮ่องเต้ แต่เพื่อชีวิตที่สงบสุขของตัวเอง เซียวเฉวียนก็จะหาวิธีพลิกสถานการณ์นี้ โดยใช้ความรู้ทั้งหมดของเขาสร้างต้าเว่ยที่สงบสุข
นอกจากจะนำมันเทศมาถวายและปรึกษากับฮ่องเต้เรื่องทาสคุนหลุนแล้ว เซียวเฉวียนก็ไม่มีธุระอื่นอีก
เรื่องนักปราชญ์และชาวยุทธ์แท้ เซียวเฉวียน ไม่มีเบาะแส จึงไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับฮ่องเต้ดี พูดไปก็อาจจะเสียเรื่อง
แต่ถึงเซียวเฉวียนจะไม่พูด ฮ่องเต้ก็ยังเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...